บทที่ 07: บนขอบ
แอนน์
ฉันลืมเรื่องทริปนี้ไปสนิทเลย อาจจะเพราะมันถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว มันหมายความได้อย่างเดียวคือฉันกำลังสติหลุดและลืมสิ่งที่สำคัญจริงๆ ไป
ฉันจะลืมเรื่องแบบนี้ไม่ได้ มันเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องจำเรื่องพวกนี้ อีกอย่าง มันยังทำให้ฉันมีเวลาเตรียมใจ เพราะฉันจะต้องทนอยู่กับคุณฟอร์บส์ตามลำพังถึงสองวัน เรียกว่าทรมานคงไม่ผิดนัก
"เตรียมทุกอย่างให้พร้อม เราจะกลับมาเช้าวันศุกร์"
ฉันพยักหน้าขณะที่เขาลูบนิ้วโป้งไปตามแนวกราม ด้วยใบหน้าหล่อเหลาเหมือนนายแบบบ้าๆ นั่น มันยากจริงๆ ที่จะตั้งสมาธิทำงาน
"มีอะไรสำหรับวันศุกร์ไหม" เขาถาม
"ไม่มีค่ะ"
"โอเค มีอะไรอยากจะคุยอีกไหมก่อนที่เราจะสรุปกัน"
ฉันส่ายหัว ปิดสมุดแพลนเนอร์หลังจากจดโน้ตเล็กน้อยสำหรับทริป
"คุณต้องการอะไรอีกไหมคะ"
เขาเงียบไป ทำให้ฉันต้องเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง
เขามองเหม่อไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูด
"คุณตัดสินใจเรื่องลุคว่ายังไง"
"อะไรนะคะ นี่คุณพูดจริงเหรอ"
เขาต้องล้อเล่นแน่ๆ ทำไมเขาถึงได้เซ้าซี้เรื่องนี้ไม่เลิกนะ
"อย่าลืมสิว่าคุณทำงานให้ผมนะ สตาร์ลิ่ง"
"ชีวิตส่วนตัวของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ"
"พวกคุณทั้งคู่ทำงานในบริษัทนี้ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของคุณ"
"ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันรู้ดีว่าจะแยกแยะเรื่องต่างๆ ยังไง"
"ผมอยากรู้ว่าคุณตัดสินใจยังไง ผมจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็น"
"เดี๋ยวนะ... นี่คุณขู่ฉันเหรอ คุณจะใช้เรื่องนี้ไล่ฉันออกงั้นเหรอ เชิญเลย"
ความอดทนของฉันหมดลงแล้ว
"มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวนะสตาร์ลิ่ง แต่อย่าคิดว่าผมจะสงสารคุณ คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณรับมือกับผลที่ตามมาจากการตัดสินใจของตัวเองได้แน่ ผมปล่อยให้คุณทำให้ภาพลักษณ์บริษัทเสียหายด้วยการเป็นข่าวว่าเป็นเลขาฯ ที่มีความสัมพันธ์กับเจ้านายไม่ได้หรอก นั่นรวมถึงลุคด้วย"
"ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเหรอ" ฉันหัวเราะเยาะ "แน่ใจเหรอคะ เพราะดูเหมือนว่าตลอดปีที่ผ่านมาคุณเอาแต่พยายามจับผิดทุกอย่างที่ฉันทำ ทั้งๆ ที่ฉันนี่แหละที่คอยตามเช็ดตามล้างให้คุณตลอด"
"ระวังคำพูดด้วย..."
"ช่างหัวปะไร!" ฉันลุกขึ้นยืน "ฉันเบื่อเต็มทนแล้ว ที่ต้องมาทนกับคนเฮงซวยอย่างคุณ ความอวดดีทั้งหมดของคุณน่ะ เอาไปยัดไว้ที่ไหนก็ไปเถอะ..."
"สตาร์ลิ่ง..." เขาเตือน
แต่ความโกรธมันครอบงำฉันไปแล้ว
"ทั้งหมดที่ฉันทำคือทุ่มเทให้กับบริษัทนี้อย่างดีที่สุด แต่คุณกลับไม่เคยยอมรับมันเลย ฉันพยายามแล้ว และพยายามมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่คุณเหยียบเข้ามาที่นี่ แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามหนักแค่ไหน คุณก็ตัดสินไปเองแล้วว่าฉันไม่ดีพอ ความจริงก็คือ คุณแค่เลือกที่จะเกลียดฉันโดยไม่มีเหตุผล!"
"พอได้แล้ว! โถ แอนน์ลีสผู้น่าสงสาร... ช่างอ่อนแอเสียจริง อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย อยากจะพูดเรื่องความอวดดีงั้นเหรอ ก็คุณนั่นแหละ ที่เอาแต่เดินอวดสะโพกไปทั่ว เชิดหน้าหยิ่ง เพราะรู้ตัวว่าแตะต้องไม่ได้ ต้องขอบคุณพ่อผมล่ะสิ"
"ไอ้บ้าเอ๊ย! ไม่เหมือนบางคนหรอกนะ ฉันได้ทุกอย่างมาด้วยความพยายามของตัวเองทั้งนั้น" ฉันคำรามลอดไรฟัน
"นั่นไงล่ะ... ในที่สุดก็ออกลายจนได้ แอนน์ลีส สตาร์ลิ่ง ผู้สมบูรณ์แบบ สุขุมและฉลาดเสมอ... แต่เธอกำลังจะทิ้งทุกอย่างเพื่อไปเอากับน้องชายฉันเนี่ยนะ"
ไอ้สารเลวเอ๊ย เขามีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้
"ฉันจะพูดอีกครั้งนะ นี่มันไม่ใช่เรื่องของคุณ! คุณคิดว่ายังไง คิดว่าฉันจะเที่ยวไปป่าวประกาศบอกใครต่อใครเรื่องนี้หรือไง คุณมันงี่เง่าชะมัด... ก็เหมือนผู้ชายนั่นแหละ ผู้หญิงก็สนุกเป็น แล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เหมือนกัน" ฉันพูด รู้สึกได้ว่ามือเริ่มสั่น
ฉันอยากจะกระโจนเข้าใส่เขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะฉันทนท่าทีใจเย็นจอมปลอมของเขาไม่ไหว
"นั่นคือสิ่งที่คุณตั้งใจจะทำเหรอ ปิดบังเรื่องชู้สาวของคุณน่ะ"
"เชิญทำตามสบายเลยฟอร์บส์ แต่ก่อนที่คุณจะพยายามไล่ฉันออก คุณจะต้องพิสูจน์อะไรบางอย่างให้ได้ก่อน ฉันไม่ให้คุณสมหวังง่ายๆ หรอก หรือคุณคิดว่ามีแค่คุณคนเดียวที่นี่ที่ปนเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้"
"คุณพูดเรื่องอะไร" เขาเลิกคิ้วอย่างสับสน
"ทีนี้ใครกันแน่ที่เสแสร้ง"
"ถ้าคุณหมายถึงเรื่องเมื่อวาน..."
"ไม่ คุณรู้ดีว่าฉันพูดถึงเรื่องอะไร คุณอาจจะไม่ทันสังเกต แต่ฉันอยู่ที่นั่น เห็นทุกอย่าง ทั้งตอนเดินทาง ประชุม... ผู้บริหารคนนั้นคนนี้"
"ข้อแตกต่างคือพวกเขาไม่ได้ทำงานให้ผม"
"ข้อแตกต่างก็คือคุณคิดว่าคุณจะทำอะไรก็ได้เพราะคุณเป็นเจ้านายและเป็นไอ้คนอวดดีสารเลวน่ะสิ"
"คุณนั่นแหละที่ผิดสำหรับเรื่องทั้งหมดนี่!" เขาคำราม ระเบิดอารมณ์ออกมาจนฉันตกใจ
เขาลุกขึ้นยืน เดินอ้อมโต๊ะมา ทำให้ฉันถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณขณะมองเขาเข้ามาใกล้ ไม่ ฉันจะไม่หนี ฉันบังคับตัวเองให้ก้าวเข้าไปหาเขา
"อ้อ ตอนนี้เป็นความผิดของฉันแล้วเหรอ ผิดเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่เป็นไอ้ชาติชั่วอวดดี หรือเรื่องที่ไปนอนกับผู้หญิงพวกนั้น" ฉันพูดต่อ รู้สึกเลือดในกายเดือดพล่าน
ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าฉัน ห่างไปแค่ก้าวเดียว
"สำหรับทุกอย่าง" เขาพูดลอดไรฟัน ดูเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ "มันเป็นความผิดของคุณทั้งหมด คุณคิดว่ามันง่ายนักหรือไงที่ต้องทนต่อการยั่วยุของคุณ ทุกวันบ้าๆ ในชีวิตของผม ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้าย ต้องทนอยู่ข้างๆ คุณ ต่อสู้เพื่อที่จะไม่เอามือไปแตะต้องตัวคุณ"
อะไรนะ? เขาพูดเรื่องอะไรกัน
เขาก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง สิ้นสุดระยะห่างระหว่างเรา หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้ฉันรู้ว่าเราทั้งคู่กำลังหอบหายใจ
ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่และกะพริบตา พยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะพูด
"การต้องฝืนทนกับก้นนั่นแล้วก็ปากนั่น... ช่างแม่งโว้ย!" เขาคำราม และวินาทีต่อมา เขาก็พุ่งเข้าใส่ฉัน









































































































































































