บทที่ 1
ฉันอายุครบสิบแปดปีในช่วงวันหยุดยาวสี่วันที่ผ่านมา ทำให้ฉันค่อนข้างตื่นเต้นกับวันนี้ ฉันอาจจะได้เจอเมทของฉันในวันนี้ก็ได้ ซีน่า หมาป่าในตัวฉันก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
‘โอ้ ฉันรู้สิว่าฉันตื่นเต้นกว่า’ นางเอ่ยขึ้น
‘ทำไมล่ะ’ ฉันถามอย่างหยอกล้อ
‘ก็เพราะเมทของเราจะรักเรา เราจะมีคนเห็นคุณค่าในตัวตนที่แท้จริงของเรายังไงล่ะ’ นางพูดอย่างตื่นเต้น
‘เมทแบบนั้นจะมีอยู่จริงเหรอ ฉันหมายถึง เราจะรอให้คนอื่นมาช่วยไม่ได้หรอกนะ เราต้องพึ่งพาตัวเอง’ ถ้าเธอรู้ว่าฉันผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้าง เธอจะเข้าใจสิ่งที่ฉันพูด
คนหมาป่าในแคลนของฉัน หลายชั่วอายุคนมาแล้ว เกิดมาพร้อมผิวขาวซีด ผมสีบลอนด์ และตาสีฟ้า ทั้งแคลนของพ่อและแม่ฉันต่างจงใจคัดสายพันธุ์เพื่อกำจัดลักษณะที่เข้มออกไป แต่ฉันคือข้อยกเว้น
ฉันเกิดมาพร้อมดวงตาสีม่วงอมน้ำเงินเข้ม ผมสีดำขลับจนเห็นประกายสีน้ำเงินเมื่อต้องแสง แล้วก็ผิวของฉัน มันเป็นสีทองแดงอมมะกอก
ความแตกต่างนี้ทำให้ครอบครัวปฏิเสธและทารุณฉัน และที่โชคร้ายยิ่งกว่าสำหรับฉันก็คือ ฉันเป็นลูกของพ่อแม่จริงๆ ฉันถึงกับไปตรวจพิสูจน์มาแล้ว ผลการตรวจแสดงให้เห็นว่าฉันสืบเชื้อสายมาจากหนึ่งในเจ็ดสายเลือดคนหมาป่าดั้งเดิมของฝูงเรา – ลูน่า ฮาร์ทซอง
ว่ากันว่าเทพีจันทราได้ประทานพรให้สายเลือดของนางด้วยพลังและน้ำเสียงอันน่าอัศจรรย์ บทเพลงของฮาร์ทซอง...มาจากหัวใจ สมดังนามสกุล และเมื่อพวกเขาร้องเพลง ก็สามารถมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของผู้ที่อยู่ในระยะที่ได้ยิน
ฉันเก็บผลตรวจเป็นความลับจากพ่อแม่ เพราะฉันกลัวว่าครอบครัวจะทำอะไรฉัน หากพวกเขารู้ว่าฉันมีความรู้นี้ มันเป็นหนทางเดียวที่ฉันจะปกป้องตัวเองได้
‘เมื่อไหร่เราจะเลิกซ่อนทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอสร้างมันขึ้นมาจากครอบครัวของเธอเสียที’ ซีน่าถามอย่างคาดคั้น
‘ท่านอัลฟ่าสัญญากับฉันว่าอีกสองสัปดาห์ ตอนที่ฉันเรียนจบมัธยมปลาย ท่านจะให้กุญแจอพาร์ตเมนต์ แล้วเราก็ย้ายออกไปได้’ พูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็อดกังวลเล็กน้อยว่าพี่สาวซาร่าห์จะทำร้ายฉันอีก และฉันก็เสริมขึ้นว่า ‘หวังว่าฉันจะรอถึงตอนนั้นไหวนะ’
‘ท่านอัลฟ่าน่ะนับถือเธอนะ เธอเหมือนลูกสาวที่ท่านไม่เคยมี’ นางเตือนสติฉัน
ซีน่าพูดถูก ท่านอัลฟ่ากับลูกชายคนโตของท่านเคยช่วยชีวิตฉันไว้ครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่มีวันลืมวันอันน่าระทึกใจวันนั้น วันที่พี่สาวพยายามจะฆ่าฉัน และฉันก็ได้พบแสงสว่างในชีวิตของฉัน
ตอนนั้นฝนตกติดต่อกันมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม และในที่สุดเราก็มีวันที่แดดออก เพื่อนบ้านคนหนึ่งของเราให้เสื้อผ้ามือสองแก่ฉัน และในนั้นก็มีชุดเดรสชุดนี้อยู่ด้วย
มันเป็นชุดเดรสเรียบๆ สีขาวลายดอกไม้สีฟ้า ความยาวเลยเข่าลงมาเล็กน้อย พี่สาวฉันพยายามจะใส่มันแต่เธอก็ตัวใหญ่เกินไปสำหรับชุดนั้น ฉันเก็บมันไว้สำหรับวันนั้นโดยเฉพาะ เราเข้าร่วมงานปิกนิกของฝูง ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองการสิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
เรื่องมันเริ่มขึ้นเพราะทุกคนต่างก็พูดกันว่าฉันดูสวยมากในชุดนั้น ผมของฉันถักเปียสองข้างแบบฝรั่งเศส พวกเขาพูดกันว่าสีผิวของฉันสวยเพียงใดเมื่ออยู่กับสีชุดนั้น มันขับให้ดวงตาของฉันโดดเด่นสวยงามแค่ไหน
ส่วนพี่สาวของฉัน เธออยู่ในชุดสีชมพูอ่อน ซึ่งก็เหมือนกับชุดอื่นๆ ทุกชุดของเธอ ดังนั้นในขณะที่เธอได้รับคำชมว่า “เธอดูดีเหมือนเคยนะจ๊ะที่รัก” เธอก็เริ่มโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ กับคำชมทั้งหมดที่ฉันได้รับ เธอไปบอกพ่อกับแม่ว่าฉันกำลังทำตัวเป็นจุดสนใจต่อหน้าฝูง เป็นการเรียกร้องความสนใจ จากนั้นพ่อกับแม่ก็เดินเข้ามาใกล้ แต่ก็ยังคงยืนอยู่ห่างๆ จากกลุ่มคนหมาป่าที่กำลังชมฉันว่าสวยแค่ไหน
พวกเขาชื่นชมทุกสิ่งที่ครอบครัวและตระกูลของฉันเกลียดชังในตัวฉัน ซึ่งมันก็คือทุกอย่าง พวกเขาบอกฉันเสมอว่าฉันน่าเกลียด และฉันคือความผิดพลาดอันมืดมน เพราะฉันไม่ขาวซีด ผมฉันไม่เป็นสีบลอนด์ ดวงตาฉันก็ไม่ใช่สีฟ้า ฉันคือตัวอัปมงคลของครอบครัว เป็นรอยด่างพร้อยอันน่าอับอายของตระกูล และพวกหมาป่าที่งานปิกนิกนั่นกลับยกย่องคุณลักษณะเหล่านั้นทั้งหมดว่าสวยงาม พ่อแม่ของฉันโกรธจัด
พวกท่านไม่อาจบุกเข้ามาแล้วกระชากตัวฉันออกไปได้ เพราะมันจะเป็นการเผชิญหน้าที่เปิดเผยจนเกินไป มันจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของพวกท่าน ภาพลักษณ์ของตระกูล พวกท่านจึงส่งพี่สาวมาตามฉันแทน หล่อนคว้าแขนฉันไว้แน่นจนเจ็บปวด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสดใสไร้เดียงสาแบบเด็กๆ ว่า "คุณพ่อคุณแม่ตามหาอยู่นะจ๊ะ" พวกผู้ใหญ่จึงกล่าวลาพวกเรา และทิ้งฉันไว้กับความเมตตาของพ่อแม่
ความเมตตางั้นหรือ...ถ้าเพียงแต่พวกท่านจะมีมันจริงๆ สักนิด แม่ตบหน้าฉันทันทีที่ลับตาคน
"นังเด็กอกตัญญู! กล้าดียังไงมาทำตัวเด่นกว่าพี่สาวแก กล้าดียังไงแต่งตัวแบบนี้ออกไปให้คนอื่นเห็น แกมันตัวน่าอับอายของครอบครัวนี้ นังลูกขี้เหร่! เป็นรอยมลทินที่ฉันน่าจะจับกดน้ำให้ตายตั้งแต่เกิด กลับบ้านไป! เดี๋ยวนี้!" แม่ตวาดคำสุดท้ายลั่น
ขณะที่ฉันเดินกลับบ้านด้วยความอับอาย แก้มแดงเป็นรอยมือของแม่ และน้ำตาไหลอาบหน้า พี่สาวกับเพื่อนๆ ของหล่อนก็เข้ามาล้อมฉันไว้ "นี่แหละที่แกสมควรได้รับโทษฐานที่พยายามจะเด่นกว่าฉัน นังตัวไร้ค่า!" ซาร่าห์ขู่คำราม
"พวกเขาแค่ชอบชุดเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ" ฉันหวังว่าหล่อนจะเข้าใจและไม่ลงโทษฉันเพราะเรื่องนี้ แต่ฉันคิดผิดถนัด
"ชุดนั้นมันทุเรศลูกตาชะมัด" อกาธาพูด
"ใช่ มาจัดการอะไรกับมันหน่อยดีกว่า" ลอเรนเอ่ย
"ใช่ กำจัดมันทิ้งซะเลย" เบียทริซเสนอ
"พวกแกพูดถูก นั่นคงจะทำให้มันดีขึ้น...แต่แค่นั้นมันพอเหรอ?" น้ำเสียงของซาร่าห์ทำให้ท้องไส้ฉันปั่นป่วน ความกลัวเริ่มเกาะกุม
แล้วหล่อนก็มองไปยังแม่น้ำที่เอ่อล้นอยู่ข้างหลังฉันและตลิ่งโคลน
"ฉันรู้แล้วว่าจะทำอะไร ว่ายน้ำเล่นกันหน่อยไหมจ๊ะ น้องสาว" หล่อนพูดพร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมบนใบหน้า
หล่อนเอื้อมมือมาคว้าตัวฉัน แล้วก็เริ่มลากฉัน ฉันยันเท้ากับพื้นไว้แน่นเพื่อไม่ให้หล่อนลากฉันไปไกลกว่านั้น เล็บของหล่อนจิกเข้าเนื้อฉันจนเลือดไหลซิบ
มันเจ็บมากและฉันก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดทำให้แขนฉันลื่น และฉันก็สะบัดหลุดจากการเกาะกุมของหล่อนได้ ฉันหันหลังและวิ่งหนีจากแม่น้ำ แต่เพื่อนๆ ของหล่อนก็กระโจนเข้าใส่ฉันก่อนที่ฉันจะหนีไปได้ไกล
ลอเรนกับเบียทริซจับเท้าฉันไว้แล้วลากฉันกลับไปที่แม่น้ำ อกาธากับซาร่าห์พยายามจะจับมือฉัน แต่ฉันทั้งต่อย ทั้งตบ และข่วน ตอนนี้ซาร่าห์มีเลือดไหลอาบแก้มและโกรธจัด
"อย่าให้มันเป็นแผลเป็นเชียวนะ นังตัวประหลาด! ฉันจะจับแกกดน้ำให้ตาย นังสางเลว!" หล่อนกรีดร้อง
พวกหล่อนช่วยกันยกตัวฉันขึ้นจากพื้น ซาร่าห์ตบฉันแรงมากจนหูอื้อ ฉันมึนงง ภาพพร่ามัวด้วยน้ำตา ในที่สุดพวกหล่อนก็โยนฉันลงจากตลิ่ง สู่แม่น้ำที่เชี่ยวกราก ฉันจมดิ่งลงไปในแม่น้ำที่เหวี่ยงร่างฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าขณะที่ฉันพยายามตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำ ได้แต่เพียงอ้าปากสูดอากาศเข้าไปเฮือกหนึ่งก่อนจะถูกกระแสน้ำซัดจมลงไปอีก ฉันเริ่มพยายามว่ายเข้าหาฝั่ง
กระแสน้ำซัดร่างฉันกระแทกกับโขดหินและเศษซากในแม่น้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดฉันก็คว้ากิ่งไม้ได้กิ่งหนึ่งและเกาะไว้แน่นเพื่อไม่ให้แม่น้ำพัดพาฉันไปอีก หอบหายใจ พยายามจะเรียกคืนลมหายใจกลับมา แต่ฉันบอบช้ำและอ่อนแรงเต็มที
ตัวสั่นเทา แต่ก็ยังมุ่งมั่น ฉันใช้กิ่งไม้นั้นพาตัวเองไปยังขอบตลิ่งที่สูงชันและเต็มไปด้วยโคลน เกาะกิ่งไม้ไว้แน่น ฉันเริ่มตะเกียกตะกายปีนขึ้นไป โคลนและดินหลุดร่วงมาเปรอะเปื้อนตัวฉัน จนในที่สุดฉันก็ดึงตัวเองขึ้นจากแม่น้ำได้สำเร็จ ฉันทรุดฮวบลงตรงนั้นริมตลิ่ง ในกองโคลน และหมดสติไป
ฉันรู้สึกตัวเมื่อมีใครบางคนสัมผัสไหล่แล้วพลิกตัวฉัน ฉันได้กลิ่นหมาป่า
กลิ่นหอมสดชื่นคล้ายทุ่งหญ้าโอบล้อมตัวฉัน และจิตวิญญาณของฉันก็สั่นสะท้าน
















































































































































































































