#Chapter 2 - ทรยศ

หกปีก่อน

ฉันเป็นลูกสาวของอัลฟ่า ได้รับการปกป้องประคบประหงมดุจไข่ในหิน และเพิ่งแต่งงานกับเพื่อนสมัยเด็กไปเมื่อวานนี้เอง จอยซ์ดีกับฉันมาตลอด ฉันจึงคิดว่าเขาจะเป็นสามีที่ดีได้ ฉันหารู้ไม่ว่า เขามีอีกด้านที่แสนโหดร้ายซึ่งกำลังจะทำลายโลกทั้งใบของฉัน เพียงแค่วันเดียวหลังวันแต่งงานของเรา

“รู้ไหม เอเวลิน” เขาพูดแทรกขึ้น พลางก้าวเข้ามาใกล้จนกระทั่งจ้องเขม็งลงมาที่ฉัน “ฉันคิดมาตลอดว่าผู้หญิงอย่างเธอ... ผู้หญิงสวยๆ ผู้หญิงสูงศักดิ์ น่าจะถูกอบรมมาเพื่อปรนนิบัติสามีนะ ฉัน...ผิดหวังมากจริงๆ ที่พบว่าเธอไม่ใช่”

ดวงตาของฉันเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาทันที “จอยซ์” ฉันกระซิบ “ฉันทำอะไรผิด...”

เขาเข้ามาใกล้จนฉันได้กลิ่นวิสกี้จากลมหายใจของเขา “การเอากับเธอ” เขากระซิบ “มันเหมือนเอากับปลาตาย เธอก็นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น” เขากัดฟันกรอด “เหมือนก้อนเนื้อ ฉันต้องการภรรยาที่ตอบสนองความต้องการของฉันได้ แต่ตอนนี้ฉันกลับต้องมาผูกติดอยู่กับเธอ ลูกหมาขี้ครวญน่าสมเพชอย่างเธอ...ตลอดไป”

จอยซ์หันหลังให้ฉันแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ส่ายหัว “เสียของจริงๆ” ฉันตกตะลึงและอับอายจนแทบสิ้นสติ ฉันยืนอยู่กลางห้อง สวมเพียงจีสตริงลูกไม้กับรองเท้าส้นเข็ม ตัวสั่นเทาขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม

“เราเพิ่งผ่านคืนแรกกันเองนะ” ฉันกระซิบ ฉันควรรู้หรือว่าต้องทำอย่างไร ฉันกลัวเหลือเกิน...ฉันใช้ชีวิตอย่างประคบประหงมมาตลอด และแน่นอนว่าฉันมอบกายสาวบริสุทธิ์บนเตียงวิวาห์เพื่อเป็นเกียรติแก่สามีของฉัน

จอยซ์หัวเราะและไม่ยอมมองหน้าฉัน “ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว”

“ฉัน...” ฉันพึมพำ “ฉัน...ทำให้ดีขึ้นได้นะ...”

จอยซ์หันมาหาฉัน คำรามอย่างเกรี้ยวกราด ทันใดนั้นเขาก็มาอยู่ตรงหน้าฉัน คว้ามือบีบคอฉัน ผลักฉันถอยหลังจนแผ่นหลังกระแทกกำแพง “เธอไม่มีวันทำได้ดีขึ้นหรอก” เขาถ่มคำพูดออกมา “เพราะเธอไม่มีคุณสมบัตินั้นอยู่ในตัวเลย!”

“เธอเป็นหมาป่าเวรตะไล เอเวลิน” เขี้ยวของเขาแยกออกเต็มที่แล้วในตอนนี้ “เป็นหมาป่า แต่กลับเอากันเหมือนกระต่าย ฉันนึกว่าจะปลุกสัญชาตญาณในตัวเธอได้ตอนที่พาเธอขึ้นเตียง แต่เธอมัน...น่าสมเพชสิ้นดี” เขาตะคอกคำสุดท้ายออกมา ฉันรู้สึกได้ถึงน้ำลายของเขาที่กระเด็นลงบนแก้ม

“เธอไม่คู่ควรกับการเป็นภรรยาของอัลฟ่า” เขาพูดพลางปล่อยมือแล้วเดินจากไป ฉันทรุดตัวลงคุกเข่า ร้องไห้สะอึกสะอื้นและหอบหายใจ ฉันรู้มาตลอดว่าจอยซ์ทรงพลังและหยิ่งทะนง แต่ฉันไม่เคยเห็นเขาโหดร้ายขนาดนี้มาก่อน

“จอยซ์” ฉันร้องเรียกอย่างสิ้นหวัง “จอยซ์ ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้! ฉันจะทำทุกอย่างที่คุณต้องการ ฉันจะเรียนรู้ ฉันเปลี่ยนได้!”

“เปลี่ยนเหรอ?!” จอยซ์กระชากผมฉันอย่างเดือดดาลแล้วลากฉันให้ลุกขึ้นยืน “แกเปลี่ยนสันดานตัวเองไม่ได้หรอก นังโอเมก้าสารเลว” เขาลากฉันไปอีกฟากของห้องแล้วเหวี่ยงฉันเข้าไปในตู้เสื้อผ้า ฉันล้มลงไปกองกับพื้น

เขาปิดประตูกระแทกเสียงดังปัง และทันใดนั้นฉันก็ตกอยู่ในความมืด แสงสว่างเดียวที่ลอดเข้ามามาจากรอยแยกระหว่างประตูบานคู่ ฉันได้ยินเสียงกลอนตู้เสื้อผ้าดังคลิก

“อยากเรียนรู้นักใช่ไหม เอเวลิน” ฉันได้ยินเสียงของจอยซ์แว่วมา เขาอยู่อีกฟากของห้องตรงประตูห้องชุดของเราแล้ว “งั้นก็ดูซะว่าผู้หญิงตัวจริงเขปรนนิบัติอัลฟ่ากันยังไง และถ้าแกส่งเสียงเฮงซวยอะไรออกมา” ฉันได้ยินเสียงประตูห้องชุดดังเอี๊ยดอ๊าดขณะที่เขาเริ่มดึงมันเปิด “ฉันจะคว้านไส้แกเหมือนเหยื่ออย่างที่แกเป็น”

ฉันตะเกียกตะกายไปที่ประตูแล้วแนบตาเข้ากับรอยแยก ฉันได้ยินเสียงหัวเราะ...เสียงหัวเราะของผู้หญิง! และเสียงฝีเท้า ร่างสองร่างปรากฏแก่สายตา...จอยซ์ และใครอีกคนในชุดผ้าชิฟฟอนสีชมพูเนื้อบางเบา

จอยซ์คำรามแล้วดึงศีรษะของผู้หญิงคนนั้นให้แหงนไปข้างหลังด้วยการกระชากผม เผยให้เห็นลำคอของหล่อน เขาลากคมเขี้ยวของเขาไปตามความยาวลำคอของหล่อน และหล่อนก็หัวเราะพลางลูบไล้มือไปตามหน้าอก ท้อง และต่ำลงไปเรื่อยๆ บนร่างสามีของฉัน...จนกระทั่งหล่อน...

ฉันสูดหายใจเฮือกแล้วรีบยกมือปิดปากตัวเอง มือของหล่อนล้วงเข้าไปในกางเกงของจอยซ์ และหล่อนก็ครางออกมา เขาคำรามแล้วจูบปากหล่อนอย่างกะทันหัน หนักหน่วงและเชื่องช้า

หล่อนผละออกแล้วลูบไล้มือไปตามเส้นผมของเขา ประหนึ่งเทิดทูนบูชา “ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อบำเรอท่านเท่านั้นค่ะ นายท่าน” หล่อนพูดพลางทรุดตัวลงคุกเข่าแล้วเอื้อมมือขึ้นไปปลดหัวเข็มขัดของเขา จอยซ์ถอยหลังไปก้าวหนึ่งจนกระทั่งพิงกับปลายเตียงของเรา และในที่สุดฉันก็ได้เห็นใบหน้าของผู้ทรยศฉัน

เอ็มม่า น้องสาวของฉันเอง คนที่เพิ่งยืนอยู่ข้างฉันในงานแต่งงานเมื่อวานนี้ ฉันทรุดตัวลงในตู้เสื้อผ้า ทนดูต่อไปไม่ไหว และร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือด

หลายนาทีหรือหลายชั่วโมงต่อมา - ฉันไม่แน่ใจนัก - ฉันใช้ฝ่ามือปาดน้ำตาออกจากใบหน้า พยายามจะประกอบโลกของฉันกลับคืนมา มันเป็นฝันร้ายหรือเปล่า? มันต้องใช่แน่ๆ เว้นแต่ว่า...มันเกินกว่าสิ่งที่จิตใจของฉันจะสร้างขึ้นได้ แม้ในฝันที่มืดมิดที่สุด

หัวใจของฉันแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ น้องสาวของฉันคุกเข่า...สามีของฉัน...วันรุ่งขึ้นหลังงานแต่งงานของฉัน...

ช้าๆ บางสิ่งบางอย่างก็ตื่นขึ้นในตัวฉัน และฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วอกและในเส้นเลือด ความเดือดดาล ความโกรธ พลังอำนาจ ฉันถูกทำให้อับอายและถูกทรยศ แต่ให้ตายสิ ฉันเป็นลูกสาวของพ่อฉันนะ ฉันจะไม่ยอมถูกหยามเกียรติแบบนี้

ริมฝีปากของฉันแยกออกจากฟันเป็นเสียงคำราม เมื่อฉันค้นพบว่าสิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่สามีของฉันกลับมา แต่เป็นการแก้แค้น

สามีอัลฟ่าของฉันต้องการสอนวิธีเอาใจเขา แต่สิ่งที่เขาปลุกขึ้นในตัวฉันจริงๆ คือบางสิ่งที่ทรงพลังกว่านั้น นั่นคือสัญชาตญาณอัลฟ่าของฉันเอง มันหลับใหลอยู่ในตัวฉันมาตลอด แต่ตอนนี้มันตื่นขึ้นแล้วและกระหายการแก้แค้น

ฉันลุกขึ้นยืนและคลำหาไปรอบๆ ในตู้เสื้อผ้าที่มืดมิด หยุดเมื่อมือสัมผัสกับเนื้อผ้าไหม ฉันดึงชุดนั้นออกจากไม้แขวนแล้วสวมมัน คำว่าชุดดูจะใจดีเกินไป ฉันคิด เมื่อลูกไม้ประคองทรวงอกของฉัน และผ้าไหมทิ้งตัวรอบสะโพก

นี่มันเหมือนชุดชั้นในมากกว่า ที่ฉันตั้งใจจะใส่คืนนี้ตอนที่จอยซ์กับฉันกลับมาจากงานเลี้ยงอัลฟ่า เมื่อเช้านี้ฉันคงอายแทบแทรกแผ่นดินหนีถ้าต้องให้ใครเห็นฉันใส่ชุดนี้ในที่สาธารณะ แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

ฉันควานหาบนพื้นจนเจอกิ๊บติดผม แล้วดัดมันให้เข้ารูป สอดเข้าไปในรูกุญแจและหมุนสลักอย่างรวดเร็วจนปลดล็อกตัวเองได้ ฉันยิ้มเยาะขณะเดินอย่างมั่นคงเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่า เห็นไหม จอยซ์? ฉันก็มีทักษะบางอย่างที่เธอคาดไม่ถึงจากลูกสาวขุนนางล่ะ

ฉันก้าวออกจากห้องและเดินอย่างทระนงไปตามโถงทางเดิน ดึงดูดทุกสายตาที่ฉันเดินผ่าน แต่ฉันไม่สนใจพวกเขาสักนิด ฉันมองหาเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น

ฉันเข้าไปในห้องโถงใหญ่ คนรับใช้กำลังจัดเตรียมรายละเอียดสุดท้ายสำหรับงานเลี้ยงอัลฟ่าประจำปี ซึ่งเป็นความอลังการของหินอ่อนและทองคำ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันมาเพื่อมัน

ฉันกวาดสายตามองเหล่าแขกที่ทยอยมาถึง มองหา...นั่นไง ที่ด้านบนสุดของบันไดระเบียง วิกเตอร์พิงราวบันได แกว่งแก้วแมนฮัตตันในมือ วิกเตอร์ ทายาทบัลลังก์อัลฟ่า ผู้มีตำแหน่งเหนือกว่าจอยซ์ในทุกด้าน และยังสูงกว่าเขาสองนิ้วอีกด้วย เยี่ยมเลย

ฉันเคลื่อนตัวเข้าหาเขา จับจ้องใบหน้าของเขาไม่วางตา เคลื่อนไหวด้วยท่าทีย่างเยื้องสง่างามราวกับนักล่า ซึ่งฉันไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีมันจนกระทั่งคืนนี้ ขณะที่ฉันก้าวขึ้นบันได เขาเหลือบมองขึ้นมาครั้งหนึ่ง แล้วก็อีกครั้ง ริมฝีปากของเขาอ้าค้างขณะที่ฉันสบตากับเขา

“เอ่อ ทำไมฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อนเลยนะ?” เขาพิงระเบียง ฉันลดระยะห่างระหว่างเราลงแล้วค่อยๆ ดึงแก้ววิสกี้ที่พร่องไปครึ่งหนึ่งออกจากมือเขา

“ฉันก็อยู่แถวนี้แหละ” ฉันพูด เสียงของฉันต่ำและแหบพร่า

“ฉันนึกว่าฉันรู้จักทุกคนในอาณาจักรของฉันเสียอีก” เขาพูด พลางสูดกลิ่นในอากาศระหว่างเราอย่างแผ่วเบา พยายามจะจับกลิ่นกายของฉัน

“ยังไม่ใช่อาณาจักรของคุณซะหน่อย” ฉันพูดพลางยิ้มเยาะ “และเห็นได้ชัดว่า คุณก็ยังไม่รู้จักทุกคน” ฉันจิบเครื่องดื่มจากแก้วของเขาอย่างยั่วเย้า ฉันโน้มตัวเข้าไปใกล้ เงยหน้ามองเขา เผยลำคอ ตอนนี้เขาสามารถได้กลิ่นฉันแล้ว ฉันรู้ ได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของฉัน รวมถึงความปรารถนาของฉันด้วย

เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นในอกของเขา “เธอเป็นใคร” เขาพูดพลางยืนขึ้นเต็มความสูง มองลงมาที่ฉัน ลดระยะห่างระหว่างเราจนแทบไม่เหลือช่องว่าง “ใครคือผู้ให้กำเนิดเธอ”

“ฉันโสด และเกิดมาเป็นอัลฟ่า” ฉันพูด รักษาระยะห่างระหว่างเราไว้ แม้ว่าสัญชาตญาณทุกส่วนในตัวฉันจะบอกให้หวาดหวั่น “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ใช่ของง่ายๆ”

ในตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะนำความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตมาให้ฉัน และของขวัญชิ้นหนึ่ง – ลูกแฝดของฉัน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป