บทที่ 2: แคทรีนา
พอฉันลืมตาขึ้น ก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนและภาพตรงหน้ายังหมุนติ้ว ให้ตายสิ เมื่อคืนฉันดื่มหนักไปมากแน่ๆ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยตั้งแต่ตอนที่ไอ้โรคจิตน่าขยะแขยงนั่นเริ่มมาเบียดเสียดฉัน หรือว่าหลังจากนั้นฉันจะภาพตัดไปเลยนะ ฉันคลำไปยังขอบเตียง มองหาโต๊ะข้างเตียงที่มีโทรศัพท์วางอยู่ แต่แทนที่มือฉันจะเจอโต๊ะ กลับสัมผัสเข้ากับเนื้อคน เนื้อที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ... นั่นหมายความว่าฉันไม่ได้กลับมากับแจ็คหรือเกรซ ฉันรู้สึกแขยงขึ้นมาในใจ หรือว่าฉันกลับบ้านมากับไอ้โรคจิตนั่น? เกรซกับแจ็คต้องห้ามฉันแน่ๆ นอกจากว่าฉันจะเมาไม่รู้เรื่องจนพวกนั้นคิดว่าฉันกำลังสนุกกับความสนใจของมัน ฉันกำลังจะดึงมือออกจากเนื้อแน่นๆ นั่น ก็รู้สึกถึงมือของเขาที่จับมือฉันไว้
“อ้า แม่แมวน้อย ตื่นแล้วเหรอ” ไมล์ส หนุ่มหล่อแปลกหน้าคนนั้นครางเสียงพร่า
ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งท้องน้อยเมื่อได้ยินเสียงแหบพร่ายามเช้าของเขา ถ้าไมล์สเป็นคนพาฉันกลับบ้าน ก็ไม่แปลกใจเลยที่เกรซหรือแจ็คจะไม่พยายามห้ามฉัน พวกนั้นคงถือว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเข้ามาขัดขวาง
ฉันใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่คลำตัวเอง พยายามจะดูว่าฉันใส่เสื้อผ้าอยู่หรือเปล่า ฉันสัมผัสได้ถึงเนื้อผ้าที่คลุมตัวอยู่ แต่มันไม่ใช่เนื้อผ้าของชุดเดรสสีดำของฉัน ฉันพยายามดึงมือออกจากไมล์สแล้วดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง ฉันรู้สึกแขยงขึ้นมาอีกหน ฉันสวมเสื้อยืดตัวโคร่ง เป็นเสื้อที่ใหญ่พอดีกับตัวไมล์ส และใหญ่พอที่จะคลุมตัวฉันเหมือนใส่ชุดเดรส เป็นชุดที่ยาวกว่าชุดที่ฉันใส่เมื่อคืนเสียอีก ฉันถอนหายใจอย่างผิดหวัง ถ้าฉันได้นอนกับไมล์ส อย่างน้อยก็น่าจะจำมันได้บ้าง
“เราไม่ได้นอนด้วยกัน” ไมล์สตอบพลางขยับตัวลุกขึ้นนั่งมองมาที่ฉัน ฉันเหลือบมองไปทางเขาและสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้ใส่เสื้อ สายตาฉันเผลอมองแผงอกกำยำของเขานานกว่าที่ควร ไล่ลงมาถึงกล้ามท้องหกห่อ และเลื้อยต่ำลงไปตามแนวขนที่หายเข้าไปในกางเกงกีฬาขาสั้นของเขา ฉันต้องบังคับตัวเองให้เงยหน้าขึ้นก่อนที่สายตาจะเตลิดลงไปต่ำกว่านั้น “แต่เราแก้ไขมันได้นะ ถ้าคุณต้องการ” ไมล์สตอบพลางยิ้มให้ฉันอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าเราไม่ได้มีอะไรกัน แล้วทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ” ฉันถามพลางผายมือไปรอบๆ “แล้วทำไมคุณถึงมานอนอยู่บนเตียงกับฉันด้วย”
“ก็คุณสลบอยู่บนพื้นคลับของผม แล้วเพื่อนๆ ของคุณก็ไม่อยู่แถวนั้นเลย ผมเลยรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของผมที่ต้องดูแลคุณ เพราะผมให้คุณดื่มฟรีด้วย และอย่างที่สอง คุณอยู่ในเตียงของผม และผมก็จะไม่ไปนอนที่โซฟาหรือบนพื้นแน่ๆ”
ฉันหน้าแดงก่ำ แน่นอนสิ ฉันอยู่ในเตียงของเขานี่นา เขาก็มีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะนอนในนั้นเหมือนกัน “เอ่อ ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ฉันตอบอย่างอายๆ ก้มมองผ้าห่มที่ห่อตัวอยู่
“เชื่อผมสิ ถ้าคุณไม่สลบไปซะก่อน ผมคงขย้ำคุณไปแล้วล่ะ” ไมล์สตอบ ทำให้ฉันสะดุ้งเงยหน้ามองเขา เห็นประกายหิวกระหายลุกโชนในดวงตาของเขา “หุ่นคุณในชุดนั้นมันสุดยอดมาก ตอนเปลือยหมดจดยิ่งดูดีกว่าเป็นสิบเท่า”
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบพลางก้มหน้าลงอีกครั้งพยายามซ่อนแก้มที่แดงก่ำ แน่นอนสิ เขาต้องเห็นฉันเปลือยแล้ว ก็ฉันใส่เสื้อของเขานี่นา “ฉันไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ ลงไปใช่ไหมคะ” ฉันถามด้วยความประหม่า
“นิยามคำว่าโง่หน่อยสิ” เขาหัวเราะ “ล้อเล่นน่า” เขาพูดขึ้นหลังจากเห็นสีหน้ากังวลของฉัน “บอกผมหน่อยสิว่าเมื่อคืนคุณจำอะไรได้บ้าง”
“เอ่อ...ไม่ค่อยได้เลยค่ะ” ฉันตอบ พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน “อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรที่พอจะมีคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลได้เลย”
“ลองเล่ามาสิ” ไมล์สตอบ
“ก็...พวกเราเพื่อนๆ ก็ดูดบารากู่เอ็กซ์-สแตติก ชิชานั่นไปคนละโถ แล้วก็ซัดเตกีล่าไปคนละห้าช็อต จากนั้นก็ไปที่ฟลอร์เต้นรำ ไม่นานหลังจากนั้นก็มีไอ้บ้าน่าขนลุกคนหนึ่งโผล่มาจากข้างหลัง เบียดไอ้นั่นของเขาเข้าใส่ฉัน แล้วก็พยายามจะชวนฉันกลับบ้านไปกับเขา” ฉันชะงักเมื่อเห็นสีหน้าเกลียดชังอย่างสุดขีดของไมล์ส ดวงตาของเขาสะท้อนภาพที่ดูราวกับถ่านไฟคุโชน แต่มันเป็นไปไม่ได้นี่นา ดวงตาของเขาเป็นสีเขียวมรกตอำพันฮาเซล “เอ่อ...” ฉันอึกอัก พยายามนึกว่าเมื่อกี้เล่าถึงไหนแล้วก่อนที่สีหน้าของเขาจะทำให้ฉันเสียสมาธิ “ฉันผลักไอ้ทุเรศนั่นออกไป และตอนที่ฉันทำอย่างนั้น...” ฉันปล่อยให้เสียงตัวเองขาดหายไป ไม่อยากจะสานต่อจินตนาการของตัวเองให้เป็นเรื่องเป็นราว
"แล้วพอคุณทำล่ะ" ไมลส์ถาม เร่งให้ฉันเล่าต่อ สีหน้าที่ฉันอ่านไม่ออกปรากฏบนใบหน้าของเขา
"ฉัน...มันไร้สาระมาก ฉันคิดว่าฉันเห็นลำแสงสีขาวสว่างวาบออกมาจากมือฉัน แล้วไอ้บ้านั่นก็กระเด็นไปอัดกำแพง แล้วฉันก็สลบไป ตื่นมาก็อยู่บนเตียงคุณนี่แหละ" ฉันสางผมที่พันกันยุ่งเหยิง รอให้ไมลส์หัวเราะเยาะหรือหาว่าฉันบ้า
"ผมพาคุณไปที่หนึ่งได้ไหม" เขาถามทำเอาฉันประหลาดใจ ก่อนจะลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ตออกมาตัวหนึ่ง
"เอ่อ... ฉันว่าฉันควรกลับไปที่ห้อง ไปดูเกรซกับแจ็ค แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองด้วย" ฉันตอบพลางชี้มาที่ตัวเอง
"คุณดูดีออก" ไมลส์ตอบ มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหันไปทางตู้ลิ้นชักแล้วหยิบเข็มขัดเส้นหนึ่งออกมา "อ่ะนี่" เขาพูดพลางโยนมันมาให้ฉัน "ทีนี้คุณก็เอาไปคาดเอวซะ จะได้ดูเหมือนใส่เดรสเสื้อยืดเก๋ๆ ไงล่ะ" เขาหัวเราะ
ฉันอดรู้สึกผ่อนคลายไม่ได้เมื่ออยู่ใกล้เขา ฉันรัดเข็มขัดรอบเอวแล้วส่องดูตัวเองในกระจกหน้าตู้เสื้อผ้าของเขา ฉันหัวเราะออกมาเมื่อสังเกตเห็นว่ากระจกบานนั้นตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นเตียงได้อย่างพอดิบพอดี ฉันปล่อยผมที่มวยกันยุ่งเหยิงออกแล้วใช้นิ้วสาง ก่อนจะรวบเป็นมวยแบบลวกๆ ฉันก็ดูโอเคอยู่ "เราจะไปที่ที่เป็นสาธารณะเหรอ" ฉันถาม
"จริงๆ แล้วก็ไม่นะ เราแค่จะไปสุดทางเดินนี่เอง ไปห้องประชุม"
สุดทางเดิน? ห้องประชุม? ที่เขาพูดมาไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลยสักนิด แต่ฉันก็แค่ยักไหล่แล้วตามน้ำไป มันจะแย่สักแค่ไหนกันเชียว ถ้าฉันต้องอับอายขายหน้ามันก็ไม่สำคัญหรอก ฉันแทบไม่รู้จักไมลส์เลย และก็ใช่ว่าจะได้เจอเขาอีกหลังวันนี้เสียหน่อย
"โอเค เอาไงเอากัน" ฉันพูดพลางเดินตามเขาออกจากประตูไป ตอนนั้นเองที่ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าเราอยู่ในหอพัก ไมลส์เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเหรอ
"นี่เราอยู่ที่วิทยาลัยอะไรเหรอ" ฉันถามขณะที่เราเดินไปตามทางเดิน
"อืม มันออกแนวสถาบันศึกษาอะไรทำนองนั้นมากกว่า" ไมลส์ตอบ พลางหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง
"อืมม โอเค" ฉันตอบ ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าสถาบันแบบไหนกันที่รับผู้ใหญ่อายุเกิน 18 เข้าเรียน
ไมลส์เปิดประตูแล้วผายมือให้ฉันเข้าไป
ฉันจัดเข็มขัดรอบเอวให้เข้าที่ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง ชายสูงวัยคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะยาว เขามีจมูกโด่งยาว ปลายจมูกมีไฝเม็ดหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูแก่ชราและยาวเกินวัย แต่ดวงตาของเขากลับดูอ่อนเยาว์ด้วยสีฟ้าคมกริบ และเส้นผมของเขาก็เป็นสีดำขลับตามธรรมชาติ เป็นสีที่ยาย้อมผมก็ให้ไม่ได้
"โธ่เว้ย แม่งโคตรสวยเลยว่ะ" เสียงหนึ่งดังมาจากอีกด้านของห้อง ฉันมองไปรอบโต๊ะก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีไม่แพ้กันอีกสามคนกำลังจ้องมองมาที่ฉันเป็นตาเดียว คนที่พูดมีผมสีแดงเพลิงสว่างสดใส ยาวประบ่าและเป็นลอน ดวงตาของเขาเป็นสีเขียวเจิดจ้าคมกริบ และดูเหมือนว่าเขาจะเข้ายิมยกน้ำหนักทุกวัน
"จำเป็นต้องฟันเธอเลยเหรอวะ" ชายอีกคนครางออกมา สายตาฉันเหลือบไปมองเขา เขามีผมสั้นสีน้ำตาลหยิกเป็นลอน และดวงตาสีฟ้าเซรูเลียนสวยงามที่ทำให้ฉันนึกถึงทะเล แม้ฉันจะดูออกว่าเขารูปร่างดีและใส่ใจดูแลรูปร่างหน้าตาตัวเอง แต่ร่างกายของเขากลับมีรูปร่างเพรียวบางกว่า เป็นหุ่นแบบนักว่ายน้ำ
"งั้นนี่สินะคนนั้น" ชายคนสุดท้ายถาม สีหน้าเคร่งขรึมปิดบังอารมณ์ทุกอย่าง ฉันยังคงหลงใหลในความงามของเขา ดวงตาของเขามีสีม่วงเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ ผมสีดำสนิทของเขารวบเป็นหางม้าต่ำไว้ด้านหลัง และฉันก็อยากจะแก้มัดมันออกแล้วสางมือผ่านเส้นผมนั้น เครื่องหน้าคมเข้มของเขาตัดกับผิวขาวผ่อง และเท่าที่ฉันเห็น ตามตัวเขาก็เต็มไปด้วยรอยสัก ที่คอของเขามีรอยสักรูปแอปเปิ้ลที่มีกริชปักทะลุ และมีปีกกางออกสองข้างของผลแอปเปิ้ล ฉันสงสัยว่ามันมีความหมายว่าอะไร
คอฉันแห้งผากเมื่อสังเกตเห็นว่าพวกเขาทั้งสามคนกำลังจ้องมองมาที่ฉัน และฉันก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากไมลส์ที่อยู่ด้านหลัง ขณะที่เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนสะโพกส่วนล่างของฉัน ดึงแผ่นหลังฉันให้แนบชิดกับตัวเขา










































































































































