บทที่ 4: ลาก่อน

ฮานา

ฉันนั่งอยู่บนเตียงในโรงแรม รู้สึกได้ว่าหัวมันปวดตุบๆ

ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มที่เคยครอบงำร่างกายได้จางหายไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดรวดร้าว ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น แต่มันเป็นความรู้สึกที่หลอกลวง เพราะเรื่องที่เลวร้ายที่สุดมันเกิดขึ้นไปแล้ว

ฉันเพิ่งมีเซ็กส์กับคุณเคาเออร์... พ่อของเนธาน

ฉันนี่มันโง่เง่าสิ้นดี! ทำไมฉันถึงจำนามสกุลไม่ได้นะ ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน แต่เนธานก็เคยเล่าข้อมูลเกี่ยวกับเขาให้ฟัง ซึ่งตอนนี้มันฟังดูสมเหตุสมผลไปหมด

เขาพูดถึงนักธุรกิจที่เลี้ยงดูเขาแทนพ่อมาตลอด คนที่ไม่ค่อยมีตัวตนในช่วงวัยรุ่นส่วนใหญ่ของเขา แต่ก็เป็นคนที่ปรากฏตัวให้เห็นในช่วงวัยเด็ก ฉันรู้ว่าทุกวันนี้พวกเขาไม่ได้สนิทกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าสถานการณ์นี้มันประหลาดสำหรับฉันแค่ไหน

ฉันสับสน ความรู้สึกต่างๆ ยังคงปะปนกันไปหมด ฉันยังรู้สึกถึงจอห์นที่อยู่ข้างในตัวฉันได้อยู่เลย

เราอยู่ด้วยกันนานหลายชั่วโมง หลายชั่วโมงที่รู้สึกเหมือนแค่ไม่กี่นาที เป็นนาทีที่เร่าร้อนที่สุดในชีวิตของฉัน

คืนนี้สำคัญกับฉันมาก มันเป็นครั้งแรกที่ฉันมอบกายให้กับผู้ชายอย่างแท้จริง และจนถึงตอนนี้ ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คาดคิดว่ามันจะจบลงแบบนี้เลย

ที่แย่ที่สุดคือ... แม้จะรู้ในสิ่งที่รู้แล้วตอนนี้ ฉันก็ยังคงปรารถนาเขาอยู่ดี ฉันอยากจะรู้สึกถึงเขาอีกครั้ง และสำรวจร่างกายของเขาในแบบที่ฉันยังไม่เคยรู้จัก

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างมัน... ผิดไปหมด

ฉันมองเห็นเขาจากตรงนี้ รูปร่างของเขาราวกับรูปสลักที่ปั้นแต่งมาอย่างประณีต เขากำลังยืนพิงระเบียงโรงแรมพลางคุยโทรศัพท์ โดยไม่รู้เลยสักนิดถึงความสับสนวุ่นวายในหัวของฉัน

ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอนที่เขากลับมา จะอ้างอะไรเพื่อที่จะหนีไปได้บ้าง แต่ฉันต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ ฉันเห็นเขาเดินกลับมาหาฉันอีกครั้ง และฉันก็รีบลุกขึ้นยืน มองหาเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น

ฉันมองหน้าเขาไม่ติด แต่ก็รู้ว่าเขากำลังงุนงง ความเงียบเข้าครอบงำ และแล้วฉันก็เงยหน้ามองเขา คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน และดูเหมือนจะโกรธ

เขายิ่งดูน่าหลงใหลเกินห้ามใจกว่าเดิมเสียอีก

“เกิดอะไรขึ้น ฮานา” เขาถาม และฉันรู้สึกได้ว่าร่างกายตัวเองสั่นสะท้าน

คิดสิ ฮานา คิดเร็วๆ เข้า

“มีเรื่องด่วนค่ะ อลิซเพื่อนฉันต้องการตัว” ฉันชี้ไปที่โทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียง อาศัยจังหวะที่หน้าจอยังมีแจ้งเตือนปรากฏให้เห็นเพื่อทำให้คำโกหกของฉันดูน่าเชื่อถือขึ้น

“ผมนึกว่าเราจะได้ใช้เวลาด้วยกันมากกว่านี้เสียอีก” เขาใช้นิ้วแตะที่คางของฉัน เชยให้ใบหน้าฉันเงยขึ้นหาเขา “เรายังไม่ทันได้ทำอะไรกันเลยนะ ที่รัก” เสียงหวานๆ ของเขาทำฉันแทบบ้า

ฉันเกือบลืมเหตุผลที่อยากจะจากไปอย่างกะทันหันไปแล้ว เขาทำให้ฉันลืมคุณค่าของตัวเอง ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง มันช่างยั่วยวนเกินไป

“ขอโทษค่ะ จอห์น เธอต้องการฉันจริงๆ” ฉันย้ำ พยายามทำเสียงให้ดูจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ผมเข้าใจ ฮานา” เขาถอดเสื้อคลุมที่สวมอยู่ออก เปลือยกายอย่างสมบูรณ์

ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นความพยายามที่จะโน้มน้าวให้ฉันอยู่ต่อหรือเปล่า แต่ถ้าใช่ มันก็ได้ผล

ฉันกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแรงๆ บังคับตัวเองให้มีสติ เขาเป็นพ่อเลี้ยงบ้าๆ ของเนธานนะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะบอกเขาได้อย่างไร... ถ้าจะบอกเขาน่ะนะ

บ้าจริง ฉันสับสนไปหมด... แล้วก็... มีอารมณ์ด้วย

มันช่างทรมาน

ฉันมองเขาแต่งตัวพลางพยายามรูดซิปชุดของตัวเอง

เขาเดินเข้ามาหาช้าๆ เมื่อเห็นว่าฉันกำลังลำบาก เขาแนบแผ่นอกที่ยังเปลือยเปล่าเข้ากับแผ่นหลังของฉัน ทำให้ฉันนึกถึงความอบอุ่นจากผิวของเขาที่แนบชิดกับผิวของฉัน

เสียงถอนหายใจที่เล็ดลอดออกมาเผยให้เห็นถึงความต้องการที่จะมีเขาอยู่ใกล้ๆ และอีกครั้งที่ฉันต้องพยายามควบคุมสติสัมปชัญญะของตัวเองให้มั่นคง

“ช่วยรูดซิปให้หน่อยได้ไหมคะ” ฉันถาม และเขาก็รูดซิปขึ้นให้ทันที ก่อนจะปิดท้ายด้วยจุมพิตเนิบนาบบนต้นคอของฉัน

เขาแทบจะไม่ได้สัมผัสตัวฉันเลย แต่ฉันก็รู้สึกเปียกแฉะอีกแล้ว ร่างกายของฉันพร้อมที่จะทำซ้ำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่จิตใจของฉันกลับว้าวุ่น ติดอยู่ในความสับสนงุนงงจนแทบจะเรียบเรียงประโยคที่สมเหตุสมผลไม่ได้

โชคดีที่ฉันโทษเหล้าได้

“อยากให้ผมไปส่งที่ไหน” เขาถามอย่างอ่อนโยน

“ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่เอง” ฉันพูด ทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาจะต้องคัดค้าน

ฉันเพิ่งรู้จักจอห์น เคาเออร์ได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็บอกได้เลยว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษเต็มตัว

สุภาพบุรุษสุดหล่อและแสนลามก

“ผมปล่อยให้คุณไปคนเดียวไม่ได้หรอก ฮานา” นิ้วของเขาลูบไล้ไปตามกระดูกไหปลาร้าของฉัน สัมผัสผิวเปลือยเปล่าที่เผยออกมาจากคอเสื้อ “ผมว่าคุณเมาไปหน่อยที่จะเดินไปไหนมาไหนคนเดียว”

ฉันมองไปที่ขวดไวน์ข้างโต๊ะหัวเตียงและเห็นว่ามันแทบจะว่างเปล่า เราดื่มกันเร็วมากจนฉันแทบไม่ทันสังเกต เขาทำให้ฉันกระหาย

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ จอห์น คุณไม่ต้องเป็นห่วง”

“ไม่มีการโต้เถียงนะ ฮานา” ฉันกลอกตาขณะที่เขารวบรวมข้าวของของเขา และนั่นดูเหมือนจะทำให้เขาโกรธ

“คุณก็รู้ว่าคุณไม่ใช่พ่อฉัน เราแทบไม่รู้จักกันเลย ฉันเลือกเองได้ว่าจะทำอะไร” ฉันพูดอย่างหงุดหงิด

“คุณพูดถูก ผมไม่ใช่ พ่อทำอย่างที่ผมวางแผนจะทำกับคุณเวลาเราเจอกันอีกครั้งไม่ได้หรอก” เขาควงกุญแจรถบนนิ้วชี้ พลางเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ

ความร้อนรุ่มทวีความรุนแรงขึ้น ฉันนึกว่าป่านนี้ความรู้สึกนั้นจะจางหายไปแล้ว แต่ไม่เลย ความรุนแรงยังคงอยู่ เขาเห็นความสับสนในใจของฉัน แต่โทษว่าเป็นเพราะไวน์ที่เราซัดกันหมดในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

เขาไม่รู้เลยสักนิดถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ฉันสับสนงุนงงขนาดนี้ และฉันก็หวังว่าเขาจะไม่รู้ในเร็วๆ นี้

“จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว” เสียงของฉันแหบพร่า และร่างกายของฉันก็เข้าใจดีว่าคำพูดของฉันไม่ได้สะท้อนสิ่งที่ฉันรู้สึก

ฉันรู้ว่าฉันอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก ให้ตายสิ ฉันอยากให้มันเกิดขึ้นใจจะขาด แต่ฉันทำไม่ได้ มันผิด

“คุณกำลังจะหลอกใครกัน ที่รัก” เขาเย้ยหยัน “ผมมองก็รู้ว่าคุณอยากให้ผมฟัดคุณอีกแค่ไหน” เขากระซิบชิดริมฝีปากฉัน ลากปากของเขาไปมาบนปากของฉัน

มันเกือบจะทำให้ฉันยอมแพ้ได้แล้ว แต่ฉันตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ฉันจะไม่อนุญาตให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม

“ฉันบอกคุณแล้ว จอห์น ฉันไม่เหมือนคนอื่น” ฉันสวนกลับ “คุณจะไม่ได้เห็นฉันวิ่งตามคุณแน่ และนั่นคือคำสัญญา” ขากรรไกรของเขาขบกันแน่นอย่างขัดใจ และนั่นคือภาพที่สลักอยู่ในใจของฉันก่อนที่จะเดินออกจากห้องนั้นไป

ฉันพยายามโน้มน้าวตัวเองเช่นนั้นเพราะไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็นจอห์น เคาเออร์

บทก่อนหน้า
บทถัดไป