บทที่ 1 ติดตาม
โรงเตี๊ยมเซียนอี้ ณ ห้องหนังสือส่วนตัวของโม่ฟางเล่อ
“ฮา ๆ ๆ ข้านึกว่าพวกเจ้าจะลุกไม่ขึ้นเสียอีก ศึกเมื่อคืนหนักมากหรือเจี๋ย พวกเจ้าถึงได้ตื่นเอาป่านนี้”
โม่หยวนฟางพูดไป ดวงตาก็จับจ้องใบหน้าแดงก่ำของฟางเล่อและถงเหยียนเจี๋ย ด้วยใบหน้าซับสีเลือดของทั้งคู่ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หลังจากปรับความเข้าใจกับเมี่ยวจ้านเรื่องความเข้าใจผิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนที่เขาและหญิงสาวจะเข้ามารวมตัวกันกับน้องสาวและสหายรักภายในห้องนี้ ชายหนุ่มขบขันกับท่าทางของทั้งคู่ที่เอาแต่ก้มหน้ามองถ้วยชา
“เจ้าคิดถึงไหนกัน หยวนฟาง”
ถงเหยียนเจี๋ยเองก็ไม่คิดว่าเขาและภรรยาจะตื่นสายถึงเพียงนี้จนเป็นที่ล้อเลียนของคนรอบข้าง นี่ยังเหลืออีกสองคนซึ่งยังมิกลับจากไปทำภารกิจยังค่ายทหาร เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า หากพี่ใหญ่ของสกุลโม่กลับมาคงมิแคล้วต้องมีคำพูดล้อเลียน ไม่ต่างจากคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามในตอนนี้อย่างแน่นอน ทว่า…
“น้องรัก…พวกเจ้ากำลังนินทาพี่ชายผู้นี้อยู่รึ หืม!”
‘เสียงมาก่อนตัวเสียอีก’
ฟางเล่อบ่นอยู่ในใจ นางมิเคยพบญาติผู้พี่มาก่อน ดีที่โม่หยวนฟางได้บอกนางก่อนแล้วเมื่อครู่ ว่านางนั้นยังมีพี่ชายอีกคนซึ่งโม่ไป๋หลานตัวจริงนั้นอาจพบเจอโม่คังผู้นี้บ่อยอยู่มิน้อย แต่นางที่มาอาศัยร่างอยู่นี้ยังมิคุ้นเคยกับพี่ชายอีกคน
‘คงมิค่อยต่างกันกระมังพี่น้องสกุลโม่ เพราะนับวันข้าเองก็จะเหมือนพวกเขาไปทุกที หึ ๆ’
“พูดถึงผี…ผีก็มา ฮา ๆ” โม่หยวนฟางเอ่ยขึ้นลอย ๆ
แอ๊ดด!
เสียงเปิดประตูเข้ามายังด้านในของโม่คังทำให้สองสามีภรรยาลอบมองหน้ากัน ใบหน้าที่แดงอยู่ก่อนแล้วยิ่งเพิ่มสีเข้มขึ้นไปอีกเท่าตัว เมี่ยวจ้านเองก็มิกล้าขำขันกับท่าทีของสองสามีภรรยา ด้วยตนเองก็มีความเก้อเขินมิต่างกันเท่าใดนักในตอนนี้
ก็เมื่อวันก่อน นางยังไร้คนรัก แต่หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่านางคบหาอยู่กับชายหนุ่ม ผู้เอาแต่หัวเราะอยู่ในตอนนี้
หยวนฟางเองใช่มิรู้สึกอันใดเลย เขาแค่ใช้ความเฮฮากลบเกลื่อน ความเขินอายของตนเองเท่านั้น ด้วยเขารู้นิสัยของโม่คังดีว่าชอบการเย้าแหย่มากเพียงใด หากไม่หาสิ่งใดมากลบเกลื่อนเอาไว้ คนที่จะโดนกลั่นแกล้งย่อมหนีไม่พ้นตัวเขาก่อนใครอื่นแน่นอน
‘ข้าจะไม่ยอมตกเป็นตัวตลกของท่านพี่เป็นอันขาด’
ปึก ๆ
มือหนาของโม่คังตบหนัก ๆ ลงบนบ่าของน้องเขยคนปัจจุบันด้วยอารมณ์ดีเกินจะบรรยาย ตามจริง เขามาถึงเจียงไห่ตั้งแต่ก่อนพลบค่ำแล้วเมื่อวาน แต่ที่ไม่ยอมเข้ามาพบน้อง ๆ นั้น เพียงต้องการดูความเป็นไปของพวกเขาว่าจะจัดการเรื่องต่าง ๆ กันเช่นไร และแน่นอน เขาเห็นทุกอย่าง
นับตั้งแต่เรื่องของฟางเล่อ และที่สองสาวพากันไปเล่นสนุกมา กระทั่งจนตามสาว ๆ ไปยังหอร้อยราตรี เขาแอบดูว่าเกิดสิ่งใดบ้างกับน้องชายและน้องเขย แล้วรีบกลับมารอหยวนฟางที่เซียนอี้จนเกิดเรื่องระหว่างเขากับหรู่อี้ ตัวเขาเป็นพี่คนโต จำต้องมั่นใจว่าน้อง ๆ ปลอดภัยดีทุกคนหรือไม่
โม่คังก้มลงพูดบางอย่างกับน้องเขยหมาด ๆ
“ท่านพี่ ข้าจะพยายามขอรับ มินานเกินรออย่างแน่นอนขอรับ” ผู้เป็นน้องเขยยิ้มรับ พร้อมใบหน้าที่ดูจะสดใสกว่าที่เคย
“ฮา ๆ ๆ ดีมาก เจี๋ย”
ฟางเล่อหันไปมองหน้าสามีด้วยความสงสัย แต่สามีของนางเอาแต่ยิ้มกว้าง ไม่พูดสิ่งใดออกสักคำ ในที่สุดฟางเล่อจึงมิคิดจะรอฟังสิ่งที่สงสัยอยู่อีก หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนโดยมีเมี่ยวจ้านขยับกายลุกพร้อม ๆ กัน ทั้งคู่ได้ถอยห่างจากเก้าอี้เพียงเล็กน้อย ก่อนจะย่อกายเพื่อทำความเคารพพี่ใหญ่ของสกุลโม่
“ฟางเล่อถวายบังคมเพคะ เสด็จพี่”
“เมี่ยวจ้าน ถวายบังคมเพคะ องค์ชายโม่คัง”
หญิงสาวทั้งสองมีความอ่อนน้อมกว่าที่เขาคิดไว้ในใจเสียอีก ด้วยเมื่อคืนที่ผ่านมา สิ่งที่เขาเห็นนั้น มันขัดกันเหลือเกินกับขณะนี้
“อืม! งดงามทั้งคู่ สมกับเกิดในสกุลสูงส่ง ฟางเล่อน้องรัก นับจากนี้จงจำเอาไว้ให้ดีว่ายังมีพี่ชายผู้นี้อยู่ข้างเจ้าเสมอ ต่อแต่นี้จงใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดเข้าใจหรือไม่ ส่วนท่านองค์หญิงเมี่ยวจ้าน สมแล้วที่มีสายเลือดพยัคฆ์ของสกุลหลิวไหลเวียนอยู่ทั่วกาย งดงาม เข็มแข็ง เด็ดเดี่ยวยิ่งนัก จากนี้ ข้าขอฝากน้องชายให้เจ้าดูแลเขาด้วยก็แล้วกัน แม้สมองเขามิค่อยปกติ แต่เขาก็เป็นคนดีมากรู้หรือไม่ และเรียกข้าเช่นคนอื่น ๆ ว่าพี่คังเถอะ ฮา ๆ”
“แค่ก ๆ” หยวนฟางถึงกับสำลักน้ำชา ด้วยไม่คิดว่าอยู่ ๆ พี่ชายจะกล่าวเช่นนั้นกับหญิงสาว ก่อนจะมองตาขวางไปทางคนที่นั่งลงแล้วยกชาจิบอย่างอารมณ์ดี หญิงสาวทั้งสองกลับไปนั่งประจำที่เพื่อปรึกษาหารือกันต่อในเรื่องสำคัญ
“ท่านพี่! แล้วท่านอาจารย์ไปไหนหรือเจ้าคะ”
เมื่อเห็นเพียงพี่ชาย แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้เป็นอาจารย์ ฟางเล่อก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

















