บทที่ 10 ตอบแทนน้ำใจ3

หลิวเมิ่งชีที่คอยจับตาดูการต่อสู้ของบุตรชายอยู่แทบตลอดเวลา ครั้งแรกนั้นนางแถบจะถลาเข้าไปหาผู้เป็นลูกด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ติดที่หลิวเจินเจินยืนขวางทางอยู่

แต่ตอนนี้ สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อนางเห็นบุตรชายปลดปล่อยพลังออกมา และหลุดพ้นจากพันธนาการจากบุตรสาวของหลิวเจินเจินได้แล้ว ช่างโง่เขลานัก เด็กน้อยที่กล้าต่อกรกับบุตรชายของนางซึ่งเป็นถึงแม่ทัพไร้พ่ายแห่งแผ่นดิน

‘คนอย่างเจ้า มิอาจเทียบเคียงลูกชายข้าได้’

“เหมือนแม่เจ้านักหึ ๆ”

รอยยิ้มอย่างมีชัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิวเมิ่งชีเพื่อเยาะเย้ยมารดาของหญิงสาว มันกลับค้างแข็งอยู่ได้เพียงครู่เดียว ดวงตาคู่งามหลุบลงต่ำเพื่อมองยังทรวงอกของตนเอง ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังเจ้าของกระบี่คมที่ยังปักคาอยู่กับทรวงอกของนาง

ไร้รอยยิ้มจากหลิวเจินเจิน ไม่ว่าด้านหลังของนางจะเกิดอันใดขึ้น มันไม่สามารถเรียกความสนใจของนางได้ หลิวเมิ่งชีจะเก่งกาจเพียงใด แต่นางขาดประสบการณ์ในสนามรบจึงประมาทคู่ต่อสู้ และพบกับจุดจบแบบคนเขลา

“ข้าคือบุตรสาวแม่ทัพ ท่านพี่…จงจำเอาไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น จำไว้ว่าอย่าเสียสมาธิแม้แต่น้อย ต่อให้ท่านเก่งเพียงไร ท่านก็เป็นได้แค่ดอกไม้งามที่บุรุษมีไว้ประดับบารมีเท่านั้น มิอาจเป็นบุปผาที่มีหนามแหลมคม อยู่กลางป่าเขาเช่นข้าได้ นี่คือความต่างระหว่างเรา ท่านพี่ สงครามย่อมมีการสูญเสีย เก็บรอยยิ้มนั้นเราไว้รอหยางซานซินเมื่อเขาตามท่านพี่ไปยังนรกก็แล้วกัน”

หลิวเจินเจินขยับเข้าประชิดตัวญาติผู้พี่ ก่อนจะปัดกระบี่ในมืออีกฝ่ายให้หลุดจากมือ แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบคำพูดที่เสมือนเอามีดกรีดลงกลางใจของหลิวเมิ่งชีก็มิปาน

มือบางสั่นระริกก่อนจะคว้าจับเสื้อของหลิวเจินเจินเอาไว้แน่น ดวงตากะพริบถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำใส ๆ ที่เริ่มเอ่อคลอเต็มสองเบ้าตา

“เจ้าไม่มีวันได้ครอบครองใจของซานชิน ใจของเขาเป็นของข้าแต่ผู้เดียว เจินเจิน” ทุกคำพูดที่หลุดออกมาจากปากนั้น เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาพร้อม ๆ กันเสมอ

“ใจที่สกปรกเช่นนั้น ข้าไม่ต้องการเอามาแปดเปื้อนหัวใจของข้าแม้แต่น้อย บอกเขาเก็บมันไว้ให้ดี เพราะข้าจะควักมันออกมา เหยียบให้จมลงไปในแผ่นดินให้หมดสิ้น”

ทุกคำพูดของหลิวเจินเจิน มันดูเลือดเย็นไร้ซึ่งความอาลัย ในตัวของหยางซานซินนัก ไม่เว้นแม้แต่แววตาที่ไร้ความรู้สึกของนาง

“เจ้ามัน…เป็นได้แค่...ดอกไม้ไร้ค่า เจินเจิน…อึก!”

ดวงตาของหลิงเมิ่งชี มองเลยไปยังชายหนุ่มซึ่งอยู่ห่างจากนางไปพอสมควร หยางซานหลางยังไม่ทันเห็นว่าตอนนี้ นางกำลังจะสิ้นใจในมิช้า สักคำที่นางอยากได้ยินจากปากของชายหนุ่มคือ

‘เรียกข้าว่าแม่…ได้หรือไม่ซานหลาง’ นางทำได้แต่เพียงคิดเท่านั้น

หลิวเจินเจิน แม้จะสงสารญาติผู้พี่จับใจ แต่ไม่คิดใจอ่อนให้คนที่ขึ้นชื่อว่าศัตรูได้

“ข้าหรือท่านกันแน่…พี่ข้า!”

เรียวปากบางเหยียดยิ้มหยัน ก่อนจะใช้ฝ่ามือกระแทกเข้ายังด้ามกระบี่ ร่างบางของหลิวเมิ่งชีถอยหลังไปตามแรงนั้นโดยมิอาจขัดขืนอันใดได้

ปึก!

หลังของสนมงามกระแทกกับต้นไม้ โดยมีกระบี่ของหลิวเจินเจินแทงทะลุปักยึดร่างของหลิวเมิ่งชีติดกับต้นไม้ด้านหลังของนางแน่น

“ข้าไม่เคยเสียดายบุรุษเช่นหยางซานชินเลยสักนิด ข้าขอย้ำเตือนอีกครั้ง เผื่อท่านพี่จะลืมที่ข้าเคยบอกไปก่อนหน้านี้”

หลิวเจินเจินเข็มแข็งเกินกว่าที่หลิวเมิ่งชีคิดนัก หลังที่ยืดตรงของญาติผู้น้องบอกความจริงในคำพูดได้เป็นอย่างดี นางทำได้เพียงมองดูอีกฝ่ายเดินอย่างมั่นคงตรงไปยังกระบี่ของนางเองที่หลุดจากมือไป เพราะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะถือมันอีก

และตอนนี้ มันเป็นอาวุธให้แก่ศัตรูเพื่อนำไปสังหารเหล่าทหารของนางเอง เสมือนหลิวเจินเจินต้องการระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมดออกมาโดยการฆ่าฟัน แม้วัยจะล่วงเลยมามากแล้ว แต่หลิวเจินเจินก็ยังคงเป็นหนึ่งเหนือนางจริง ๆ สินะ

“สุดท้าย…เจ้าก็เหนือกว่าข้า...อีกแล้วหรือนี่”

เสียงพึมพำแผ่วเบาลอดออกจากริมฝีปากที่ย้อมไปด้วยสีแดงสดของเลือด ดวงตาแทบลืมไม่ขึ้นของสนมคนงาม พยายามที่จะมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังต่อกรกับหญิงสาว ซึ่งคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากลูกสาวอีกคนของชายคนรัก

‘ลูกข้าต้องไม่แพ้ เจ้าเลี้ยงเขามากับมือเจินเจิน เจ้ารู้ดีกว่าผู้ใด’

น้ำตาของพระสนมผู้สูงส่งไหลรินออกมาปะปนไปกับคราบเลือด ไยเป็นนางที่ต้องยืนมองบุตรชายถูกทำร้าย

“ซะ…ซาน…ละ…หลาง…อึก!” พูดเพียงเบา ๆ มันกลับเจ็บร้าวไปทั้งกาย หลิวเมิ่งชีพยายามสูดลมหายใจให้ได้มากที่สุด เพื่อต่อชีวิตของตนเองเอาไว้ให้นานขึ้นอีกสักหน่อย

สำหรับหลิวเจินเจินนั้น ไม่ใช่นางมิเจ็บซ้ำในหัวใจ แต่จะให้นางคร่ำครวญเพื่อประโยชน์อันใดกัน ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นเพียงภรรยาที่ถูกวางเป็นเพียงหมากในประดาน มิใช่สตรีหนึ่งเดียวในใจของอดีตสามีอย่างที่เขาหลอกลวงนางมาตลอด

‘ถือว่าข้าตอบแทน…ความมีน้ำใจของท่านพี่สาวข้า’

แต่จะให้นางละเว้นบุตรชายนอกไส้นั้นคงเป็นไปมิได้ ทุกครั้งที่กระบี่ต้องกายศัตรู ความเยือกเย็นภายในใจมันมีมากขึ้นเรื่อย ๆ หลิวเจินเจินมองเห็นการต่อสู้ของลูก ๆ แล้วรู้สึกสะท้านใจยิ่งนัก นางเสียดายฝีมือของหยางซานหลาง และรอยยิ้มเมื่อครั้งในอดีตของเขา

ใช่นางจะไม่รักชายหนุ่มเสียเมื่อไหร่ น้ำนมจากอกนางนั้นเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ หากเขามิคิดคดทรยศต่อบ้านเมือง มีหรือมารดาผู้นี้จะยอมให้ผู้ใดทำร้ายเขาได้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป