บทที่ 4 ติดตาม4
“หึ! กลัวไปไย! มันเป็นเพียงภูตผีที่มิอาจกลับมาทวงอะไรได้ และครั้งนี้ พวกมันต้องไม่รอดไปเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน ท่านพ่อควรห่วงเรื่องคนผู้นั้นเอาไว้จะดีกว่า มันมิโง่เช่นโม่เหยียนเฉาที่จะให้พวกเราจับจูงได้ง่าย ๆ ยิ่งคนที่เราเรียกว่าพันธมิตรนั่นละตัวดี คนพวกนี้มิต่างจากจิ้งจอก”
ราชครูหลิวระบายยิ้มพึงพอใจขึ้นมาได้บ้าง เมื่อได้ยินคำพูดในตอนท้ายของบุตรสาว อย่างน้อย นางก็มิได้โง่เขลาไปเสียทุกเรื่อง นับตั้งแต่หยางซานหลางถือกำเนิด เขาไม่เคยนอนหลับได้สนิทสักคืน ด้วยหวาดกลัวความลับจะรั่วไหล มันมิใช่แค่ชีวิตเขาหรือบุตรสาวเท่านั้นที่จะถูกลงทัณฑ์ หากเรื่องนี้หลุดลอดออกไป หลอกลวงเบื้องสูงพ่วงด้วยการหมิ่นพระเกียรติคงไม่พ้นถูกประหารสิบชั่วโคตรเป็นแน่
สองพ่อลูกมิได้เอ่ยชื่อผู้ใดมากนัก เพราะที่นี้มิใช่ห้องลับหรือจวนของพวกเขา จำต้องระวังทุกคำพูดเอาไว้เสมอ หน้าต่างมีหูประตูมีตา คนเช่นกัน ไว้ใจมิได้แม้แต่คนข้างกาย
“เรื่องนั้นมิต้องห่วง พ่อจัดการได้ รีบกินเข้าเถอะ เราจะได้เร่งออกเดินทางกันต่อ”
ห้องอาหารด้านข้างมีชายชราสองคน พร้อมหญิงชราอีกสองคนนั่งกินอาหารอยู่เงียบ ๆ แต่ใช่หูจะมิฟังสิ่งใด
รอยยิ้มเฉกเช่นคนอารมณ์ดีของชายชราทั้งสองนั้นเป็นเอกลักษณ์ของคนสกุลนี้เสียจริง แต่ตอนนี้ไม่มีใครจำทั้งคู่ได้จึงคิดว่าเป็นพ่อค้าเจ้าสำราญทั่ว ๆ ไปเท่านั้น การเดินทางจำต้องทิ้งระยะห่างเสียแล้ว ตอนนี้คงปล่อยคนห้องข้าง ๆ ล่วงหน้าไปก่อน อย่างไรเสีย เจียงไห่ก็มีคนรอต้อนรับ พระสนมคนงามและบิดาของนางอยู่แล้ว พวกเขามิต้องเร่งรีบตามไปให้เหนื่อย
พรรคเมฆาทมิฬ
จีกวานฮวาเดินหน้าตึงเข้าไปยังส่วนห้องรับรอง ด้วยอารมณ์มิค่อยดีนักทำให้หญิงสาวหญิงสาวปัดกาน้ำชาในถาดที่สาวรับใช้ยกมาให้แก่นาง
เพล้ง!
ประมุขพรรคถึงกับชะงักค้างขณะกำลังคีบอาหารเข้าปาก ก่อนจะวางกลับลงในจาน แล้วหันไปเผชิญหน้ากับหญิงสาว ดวงตาของท่านประมุขหรี่ลงมองไปยังหลานสาว ไยวันนี้ถึงได้ปิดบังใบหน้า ซ้ำยังอารมณ์ขุ่นมัวกว่าที่เคย ไม่ว่าจีกวานฮวาจะเอาแต่ใจเพียงใด นางมิเคยทำลายข้าวของต่อหน้าเขาเช่นนี้
“มานั่งข้าง ๆ อาสิ กวานเอ๋อร์ เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า”
ประมุขแห่งเมฆทมิฬตบลงเก้าอี้ข้างตัว จีกวานฮวาเดินไปหย่อนกายนั่งลงยังเก้าอี้ตามที่ผู้เป็นอาต้องการ พร้อมปลดผ้าออกจากใบหน้า ดวงตาของผู้เป็นอาถึงกับเบิกกว้าง ไยหลานสาวเขาถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ด้วยฝีมือของนาง มิน่าพลาดพลั้งให้แก่ผู้ใดได้ง่าย ๆ
“เล่ามาสิ หลานข้า”
หญิงสาวเริ่มเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ผู้เป็นอาฟัง เมื่อจีกวานฮวาเล่าถึงตอนลมพัดแรงปานพายุ และควบคุมใบไผ่ได้เสมือนมีชีวิตดุจใบมีดแหลมคมที่พร้อมปลิดชีพของศัตรูได้นั้น มันทำให้ผู้นำแห่งเมฆาทมิฬถึงกับมือสั่นระริก
‘มิใช่แค่ทำให้บาดเจ็บได้เท่านั้น หากหมายเอาชีวิตก็ทำได้ เพียงแต่คนที่ใช้วิชาที่ว่า ไม่คิดที่จะลงมือทำเท่านั้นเอง วิญญาณที่ใดกันจะใช้วิชาหงส์สะบัดปีกเล่า พรรคโลกันต์ปรากฏกายแล้วรึนี่’
ว่าแต่มันมีความเกี่ยวพันอันใดกับอดีตภรรยาของแม่ทัพหยางซานหลาง ว่าที่หลานเขยของเขากันนะ…เห็นทีเรื่องนี้คงต้องสืบให้กระจ่างเสียแล้วกระมัง
หากผู้ขัดขวางคือคนของพรรคโลกันต์ ย่อมอันตรายมากสำหรับหลานสาวของเขา นางมิอาจต่อกรกับศิษย์ระดับกลางของพรรคโลกันต์ได้เลยด้วยซ้ำไป หากเกิดปะทะกับผู้อารักขาหรือผู้ถือครองไข่มุก จีกวานฮวามิพ้นต้องพบจุดจบอย่างแน่นอน
‘เห็นทีข้าคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วจริง ๆ’
“ท่านอา…ท่านฟังข้าอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
จีกวานฮวาเอ่ยถามขึ้น เมื่อผู้เป็นอานิ่งเงียบไป ไม่เอ่ยถามอันใดจนนางหยุดเล่าได้สักพัก คนด้านข้างก็ยังนั่งเงียบมิเอ่ยสิ่งใดออกมาอยู่อีกจึงทำให้หญิงสาวเกิดความสงสัยขึ้น
“กวานเอ๋อร์ หลานรัก…จงฟังอาเอาไว้สักเรื่องนะ ตอนนี้ โลกันต์ตื่นจากหลับใหลแล้ว เจ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าอย่าได้ประมาทเช่นที่ผ่านมา สิ่งที่เจ้าเล่ามานั้นไม่ใช่ภูตผี แต่เป็นวิชาของเหล่าชาวพรรคโลกันต์ อย่าให้ความดื้อรั้นของเจ้านำภัยมาสู่ตนเอง”
“ท่านอาเอาอะไรมาพูดเจ้าคะ โม่ไป๋หลานน่ะรึเจ้าคะที่จะใช้วิชาของพรรคสาบสูญ ไม่มีทางเป็นไปได้ มันก็แค่ผีที่พยายามทวงสามีคืนก็เท่านั้น ท่านอาอย่าได้โยงสองเรื่องเข้าหากันจนเป็นเสมือนเรื่องเดียวกันเลยนะเจ้าคะ”
ความดื้อดึงและเชื่อมั่นในตัวเองของจีกวานฮวาทำให้ประมุขแห่งเมฆาทมิฬทำได้เพียงทอดถอนหายใจ ก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นก้าวตรงไปยังประตู และหยุดยืนนิ่ง แต่มิได้หันกลับไปมองหลานสาวที่กำลังทำสีหน้าไม่พอใจอย่างถึงที่สุดในเวลานี้
“อาปกป้องเจ้ามิได้ตลอดไปนะ…กวานเอ๋อร์”
เมื่อกล่าวจบ ร่างสูงก็ได้ก้าวเท้าพ้นประตูหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงคำพูดที่ยากจะคาดเดาความหมายได้ และจีกวานฮวาหาได้ใส่ใจกับคำพูดของผู้เป็นอา นางกำลังคลั่งแค้นจนมองไม่เห็นความหวังดีของใครทั้งสิ้น
“คนอย่างข้า ไม่เคยมีคำว่าพ่ายอยู่ในหัวสมอง”

















