บทที่ 8 ท่านก็ไม่ได้ชอบนางนี่

“ลับหลังข้า เจ้ากล้ามาทบทวนความหลังกับชายารองข้าหรือ” ซีหรูพยายามแกะมือชินหวางอ๋องออก

“หือ ทำไมยังไม่คุ้นอีกหรือเราสองคนเป็นสามีภรรยากันมิใช่หรือ” ซีหรูส่ายหน้าไปมา

“ท่านอ๋องได้โปรดอย่าได้รังแกซีหรู”

“หึข้ารังแกนางหรือไม่ ต้องให้เฉวี่ยเต๋ออ๋องสั่งสอนด้วยหรือ”

“มานี่ตามข้ามาที่ห้องบรรทม” คว้าข้อมือของซีหรูพาเดินกลับไปที่ห้องบรรทม เฉวี่ยเต๋ออ๋องส่ายหน้าไปมา

“ปล่อยนะอย่ามาทำแบบนี้”

“ทำไม อ่อจริงสินะคนรักเราความหลังของเจ้าสินะมิน่าเล่าเจ้าอัปลักษณ์เพียงใดเขาก็ยอมรับได้ตั้งใจแย่งชิงคงคิดว่าจะหาหมอมารักษาใบหน้าอัปลักษณ์ให้เจ้าสินะหรืออาจแค่ทำดีเพื่อทดแทนคุณความหลัง อย่าหวังว่าจะได้สมใจ”

กระชากร่างเล็กมาปะทะอกกว้างด้วยโทสะ ซีหรูเม้มริมฝีปากแน่น

“ไปให้พ้นหน้าข้าพรุ่งนี้ข้าจะให้ฟางหรานเข้ามาพำนักใน จวนอ๋อง” สะบัดชายเสื้อจากไป ซีหรูถอนหายใจยาว

“พระชายารองเจ้าขา เจ็บไหมเจ้าคะ” ซีหรูส่ายหน้ามองรอยเขียวที่ข้อแขนเล็ก ถอนหายใจยาว

“ย้าย ข้าวของของข้า ยังห้องด้านหลังสุดข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้เตรียมขอประทานอนุญาตหย่ากับชินหวางอ๋อง เผื่อว่าเขาจะได้ให้ คุณหนูบ้านหยางมาพำนักให้ห้องใหญ่ของข้า” เสี่ยวไป๋ยิ้มเศร้าๆ สงสารซีหรูจับใจ

“แม่นางท่านนี้” สวีไฉ่หานประสานมือตรงหน้าดวงตาจับจ้องมองใบหน้าที่จะว่าน่าเอ็นดูไม่ได้เห็นใบหน้าอัปลักษณ์ภายใต้ผ้าแพรบางเบาคุลมหน้าไว้ กระนั้นกลับจินตนาการว่าซูหรูที่เห็นช่างงดงาม ต่างจากหญิงทั่วไปนางมีบางอย่างสะดุดตาสวีไฉ่หานยิ่งนัก เสี่ยวไป๋ยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกคนทำสีหน้างุนงงว่าเหตุใดมีหญิงนางหนึ่งที่แม้แต่ท่าทางการเยื้องย่างยังต่างออกมาอยู่ในจวนอ๋องเวลานี้ ย่อกายลง

“ท่านองครักษ์ไฉ่หานนี่คือชายารองของท่านอ๋อง พระชายารองเสิ่นซีหรู

“ข้าน้อยสวีไฉ่หานยินดีที่ได้พบท่านพระชายารอง”

“เช่นกัน” หันหลังก้าวเดิน สวีไฉ่หานมองแผ่นหลังงดงามท่าทีที่มั่นคงนั้นต่างออกไปจริงๆ

“ท่านอ๋อง ท่านองครักษ์สวีไฉ่หานกลับมาแล้ว” ชินหวางอ๋อง ที่เอาแต่คัดอักษรตวัดพู่กันจนกระดาษฉีกขาดเพราะรอยหมึกที่กดอยู่กับเนื้อกระดาษ เสี่ยวอูฝนหมึกจนมือชา

ถอนหายใจเมื่อองครักษ์สวีไฉ่หานกลับมาจากหายไปแรมปีหลังจากรบชนะเขาก็ออกเดินทาง จนกระทั่งวันนี้จึงมาพบกันกับชินหวางอ๋องที่จวนอ๋องไร้พ่าย

“มาแล้วหรือหายไปจน ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบกันเสียแล้ว” สวีไฉ่หานยิ้มน้อยๆ เหลือบตามองกระดาษที่ถูกขยำกับรอยหมึกสีเข้มบนกระดาษบนโต๊ะ

“ได้ข่าวว่า ท่านอ๋องแต่งชายาใหม่ ทำไมหัวเสียง่ายดายแบบนี้ปกติแล้วคนที่แต่งชายาใหม่ๆ จะมีเวลามานั่งหัวเสียด้วยหรือเอาเวลาไปโอ้โลมชายาไม่ดีกว่าหรือ”

“เพราะนางทำข้าเป็นแบบนี้”

“อ่อ เมื่อครู่ไฉ่หานเห็นว่าพระชายารองขนข้าวของไปที่ท้ายจวนมิน่าเล่าท่านอ๋องจึงหัวเสีย” ชิงหวางอ๋องขมวดคิ้วคม

“เสี่ยวอู ไปสืบดู”

“อ่าท่านอ๋องขอรับเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อครู่ตอนไปเอาแท่นฝนหมึกอันใหม่เสี่ยวอูก็เห็นเช่นนั้นถามเสี่ยวไป๋นางบอกว่าพระชายารองเว้นที่ไว้ให้ว่าที่พระชายาเอก”

“จะมากไปแล้วกล้าดีอย่างไรข้าไม่สั่งอย่างไรจึงกล้า”

“ก็ดีไม่ใช่หรือขอรับ ท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องพบพระชายารองที่มีใบหน้า…ไม่งดงาม ท่านอ๋องเองก็ไม่สู้ชอบใจทำไมไม่ปล่อยพระชายารองไปเสีย”

“พรุ่งนี้เสด็จย่าก็จะมา และหากพบว่านางไม่ได้นอนที่ห้องนั้นเกรงว่าเสด็จย่าจะต้องฆ่าข้าแน่นอน” สวีไฉ่หานอมยิ้ม

“ไทเฮาทรงมาทำไมพ่ะย่ะค่ะ” ถามเสียหน่อย

“เสด็จย่าไม่วางใจกลัวว่าข้าไม่ยอมร่วมแท่นนอนกับชายารองก็เลยต้องคอยมาตรวจแท่นนอนในทุกเช้าตั้งแต่คืนเข้าหอ”

“จริงด้วย ข้าน้อยเสี่ยวอูลืมไปเสียสนิท ท่านอ๋องก็ทรงรีบไปเอาโลหิตของพระชายารองมาเก็บไว้ก่อนแล้วหาก ไทเฮามาตรวจก็คงพอเหมาะพอดี”

“หือ เดี๋ยวนี้ท่านอ๋องน้อยไร้พ่ายของเรา เอาเปรียบสตรีโดยให้นางเจ็บตัวเพื่อแผนการด้วยหรือ” คำพูดของสวีไฉ่หานบาดลึกไปในใจ แม้นำเสียงจะไม่จริงจังเท่าไหร่

“นางยินดีมอบโลหิตให้กับข้า เพื่อให้แผนการลุล่วงนางเองก็ไม่ได้อยากแต่งกับข้า สักเท่าไหร่”

“แล้วทำไมต้องเป็นเช่นนั้นไฉ่หานชักอยากจะพบปะพูดคุยกับชายารองท่านอ๋องเสียแล้วว่าเป็นคนเช่นไรจึงยอมง่ายดายเพียงนี้”

“เช่นนั้นหรือขอรับมีด้วยหรือคนที่แต่งเข้ามาเป็นชายาท่านอ๋องของเราที่รูปงาม แต่อยากจะหย่าออกไป” เสี่ยวอูพูดขึ้นอีกคนยิ่งทำให้ชินหวางอ๋องรู้สึกไม่ชอบใจนัก ทั้งที่เสี่ยวอูเคยอยู่ข้างเขามาตลอดพอได้ยินคำพูดของสวีไฉ่หานกลับลังเล

“พวกเจ้าเลิกมองว่านางแปลกได้แล้วเพราะนางรู้ว่าอย่างไรฝ่าบาทก็จะไม่มีทางประทานอนุญาตให้หย่ากับข้านางจึงยื่นข้อเสนอนี้เพื่อให้นางดูมีคุณค่าต่างหาก”

ไฉ่หานส่ายหน้า

ห้องพักท้ายจวน

ในห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นที่จับไปทั่วห้อง เสียงไม้กวาดสัมผัสพื้นไม้ดังเบาๆ เป็นจังหวะ เสี่ยวไป๋และซีหรูยืนอยู่ท่ามกลางข้าวของที่ยังไม่เรียบร้อย เหมือนทั้งสองคนกำลังช่วยกันจัดสิ่งต่างๆ ให้เป็นระเบียบ แต่ละคนก็ยังคงมีเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก

"อีกนิดเดียวอย่าเพิ่งท้อน่า"ซูหรูพูดพร้อมกับรอยยิ้มแห้งเหี่ยวเพราะความเหนื่อยล้ากับสิ่งที่ต้องเผชิญ

เสี่ยวไป๋มองไปที่ซีหรูที่กำลังยิ้มให้ขณะที่พยายามจะยกของหนักขึ้นมาวางมันลงในที่ที่ถูกที่เพื่อให้ห้องดูกว้างไม่มีสิ่งของระเกะระกะ นางยิ้มให้กับความมุ่งมั่นของพระชายารอง แต่ในแววตาก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป