บทที่ 10 ความตายของพี่น้องสกุลโม่
อี้เหมยที่ยืนตัวสั่งงันงกในคราแรกเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเหลือบตามองไปยังร่างของต้วนลี่ นางถูกสอนมาให้รู้จักการเอาตัวรอด และหากต้วนลี่ยังอยู่ เท่ากับนางอาจต้องถูกกำจัดไปพร้อม ๆ กัน แล้วไยนางต้องให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นด้วยเล่า
“นับว่าเจ้าโชคดีที่ตายด้วยน้ำมือของข้า มิใช่คนพวกนั้น คนของเจ้าทำงานพลาด ข้าไร้ทางเลือก”
เอ่ยจบ ร่างงามได้หมุนกายจากไป โดยไม่แม้แต่จะใส่ใจมือหนาที่สั่นระริกที่หวังคว้าจับชายกระโปรงของนางเอาไว้ด้วยเรี่ยวแรงที่แทบไม่มีเหลือแล้ว ซึ่งต้วนลี่ทำได้แค่เพียงยกมือค้างกลางอากาศ ก่อนจะตกลงข้างลำตัวด้วยความสิ้นหวัง เขาภักดีต่อนางแต่ผู้เดียว ทว่า สิ่งที่ได้ตอบแทนกลับกลายเป็นเช่นนี้หรือ ตายด้วยน้ำมือศัตรูยังจะดีกว่าฝีมือของผู้เป็นนายหลายร้อยเท่านัก
ลมหายใจของต้วนลี่เริ่มติดขัด ความหนาวเหน็บเข้าเกาะกุมไปทั่วร่าง เขากำลังจะตายและเป็นการสิ้นลมที่มิอาจคาดเดาได้ว่า มันมีค่าจริงอย่างที่นายสาวคิดหรือไม่ เขาเกิดและเติบโตมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว ยามจากก็ไร้แม้แต่คนเหลียวมอง...เช่นกัน
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ทุกอย่างจบลงด้วยกลิ่นคาวเลือดพร้อมการหายไปของหรู่จงและผู้ติดตาม จะมีเพียงชายหนุ่มชาวบ้านที่ปรากฏตัวขึ้นด้วยความตื่นกลัวจากเหตุการณ์นองเลือดในครั้งนี้
โม่คังก้าวยาว ๆ ตรงไปยังหญิงสาวเพียงคนเดียวซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางผู้อารักขา
หมับ!
มือหนาคว้าร่างบางเขาสู่อ้อมกอด พร้อมทั้งลูบไปตามท่อนแขนกลมกลึง ใจที่หวาดหวั่นค่อย ๆ สงบลงเมื่อเห็นนางยังปลอดภัยอยู่ ความเจ็บปวดที่บีบอัดอยู่ในร่างกายเสมือนว่าสูญหายไปเมื่อร่างงามแนบอยู่กับอกแกร่ง
“เจ้าปลอดภัยดีรึไม่ อี้เอ๋อร์ เจ็บที่ใดอีกหรือไม่”
“ข้าปลอดภัยเจ้าค่ะ”
หญิงสาวตอบเสียงอู้อี้อยู่กับอกของชายหนุ่ม แม้จะพยายามเงยหน้าขึ้นมองคนที่โอบร่างตนอยู่ ทว่ากลับถูกมือหนากดเอาไว้แน่น หรู่อี้ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น แม้จะยังไร้แสงสว่าง ทว่า ความเขินอายก็เริ่มลามเลียไปทั่วทั้งใบหน้า
ทุกคนต่างรีบจัดการกับเศษซากของการต่อสู้ที่จบลงแล้วให้กลับเข้าสู่สภาพเดิม โดยผู้ที่บาดเจ็บหนักให้ดูแลตนเองไปก่อน หรู่จงในคราบของชายชาวบ้านคอยชำเลืองมองผู้เป็นนายอยู่เป็นระยะ ด้วยอาการของโม่คังยังคงไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง แต่เขายังหาจังหวะเข้าแทรกหนุ่มสาวคู่นั้นมิได้เลย
‘มิห่วงตนเองบ้างเลย ข้าจนคำพูดเสียจริง’ ชายหนุ่มได้แต่ทอดถอนใจกับความรั้นของผู้เป็นนาย แต่เขาจะทำสิ่งใดได้เมื่อมันคือความประสงค์ของอีกฝ่าย
หรู่จงมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของโม่คังด้วยความคะนึงหา นางเติบโตมากนักเวลานี้ ความงามมิเป็นรองผู้ใดเลย ทั้งยังเข้มแข็งยิ่งนัก นานเพียงใดแล้วนะที่เขามิได้สวมกอดน้องน้อยนับตั้งแต่นางจากบ้านมา
“ท่านแม่ทัพ”
เจี่ยเต๋าเอ่ยเบา ๆ ข้างกายผู้นำของตน ก่อนจะโน้มกายเข้าใกล้
หรู่จงเพื่อบอกกล่าวบางเรื่องที่เขาคิดว่ามันสำคัญมากทีเดียว
“ตามน้ำไป อย่าเพิ่งทำให้ไก่ป่าตัวงามแตกตื่นก่อนจะถึงเวลา” หรู่จงเอ่ยเหมือนเปรยกับสายลม เจี่ยเต๋าเองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน
“ขอรับ”
ทั้งคู่ไม่เอ่ยสิ่งใดต่อกันอีก ทำเพียงเดินไปช่วยผู้อื่นจัดการตั้งค่ายพักขึ้นมาใหม่ แม้ฝนจะเริ่มซาลงบ้างแล้ว ทว่า ฟ้ายังคงมืดเกินกว่าที่จะเสี่ยงเคลื่อนย้ายที่พักไปยังจุดอื่น
ห่างออกไปอีกด้าน ร่างบางที่เปียกโชกเพ่งมองไปยังสองร่างที่โอบกอดกันแนบแน่นด้วยความริษยา มือบางบีบกันแน่น ทว่า นางกลับมิรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
‘คนเช่นข้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ ใจข้ารวดร้าวเพียงใด เจ้าก็ต้องได้รับผลตอบแทนมากกว่าข้าหลายเท่านัก หรู่อี้!’
คณะของพี่น้องสกุลโม่รุ่นใหญ่เช่นโม่เหยียนเฉาและโม่เหยา ยังคงนิ่งเฉยกับภัยที่กำลังคืบคลานตามหลังมาอยู่มิห่าง รอยยิ้มอย่างมีความในของทั้งคู่ถูกซ่อนไว้ภายใต้หมวกปีกกว้าง ก่อนจะกระตุกม้าให้ก้าวเร็วขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย เสมือนทั้งหมดกำลังสนุกกับการหยอกเย้าของคนที่ติดตามมาเพื่อหวังผลประโยชน์จากคณะของพวกเขา
“เจ้ามั่นใจนะว่าหลาน ๆ ของเราจะปลอดภัย น้องพี่”
“อย่าห่วงพวกนางเลย อย่างไรเสีย หลานน้อยทั้งคู่ก็รับมือทุกอย่างได้ดีกว่าเราเสียอีก ท่านพี่”
“ฮา ๆ”
เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ดังขึ้นอย่างอดมิได้ ทำให้กลุ่มคนที่ลอบมองอยู่พากันยิ้มเยาะในความโง่เขลาของเหล่าคหบดีจากเมืองหลวง ที่หลงละเลิงในอำนาจวาสนาจนขาดการระวังภัย
ฟึบ! ฮี้ ๆ
ทว่ายังไม่ทันได้คิดสิ่งใดต่อ ลูกธนูนับสิบกลับพุ่งลงมาปักขวางหน้าเสียก่อน จนทำให้ม้าที่ถูกรั้งบังเหียนอย่างกะทันหันต่างตะกายเท้าขึ้นสูงด้วยความตกใจ เหล่าผู้ติดตามต่างพากันถอยร่นลงไปยังรถม้าคันใหญ่ในทันทีเพื่อคุ้มกันคุณหนูทั้งสอง
“คุ้มกันหลาน ๆ ของข้า อย่าให้มันผู้ใดได้แตะต้องแม้เพียงปลายเล็บ” ผู้อาวุโสตะโกนสั่งเสียงก้อง
“ทราบแล้วขอรับนายท่าน”
เสียงตอบรับประสานกันขึ้นอย่างพร้อมเพรียง สองพี่น้องสกุลโม่ต่างพากันรับมือการจู่โจมแบบมิเห็นแม้แต่เงาของศัตรู มีเพียงลูกธนูเท่านั้นที่พุ่งเข้าหาหมายเอาชีวิตของคนทั้งคณะ


















