บทที่ 6 6
ร่างเล็กสมส่วนอวดสัดส่วนกลมกลึงของตัวเอง ด้วยชุดสูทสากลของผู้หญิงสีน้ำตาลเข้ม ผมยาวมัดรัดหางม้าสูง ใบหน้าแต่งด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ และบนดั้งเรียวสวยก็ประดับด้วยแว่นสายตาเหมือนเช่นทุกวัน เนตรนภายืนเคียงข้างเจ้านายหนุ่มเหมือนทุกคราที่ปฏิบัติงานร่วมกัน
เหรียญชัยยอมรับในคราแรกทันที เมื่อเห็นเนตรนภาเดินออกมาจากห้องด้วยชุดที่รัดรูปร่าง มันอวดส่วนเว้าส่วนโค้ง จนทำให้เลือดร้อนในกายเขาแล่นพล่าน
ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้กับแม่เลขาฯ สาว แต่ทำไมพักหลังมาเขาต้องตื่นตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าเชย ๆ ของหล่อนด้วย
ชายหนุ่มขยับชุดสูทสากลสีกรมของตัวเองพร้อมสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะเปิดประตูห้องอาหารเพื่อเดินเข้าไปหามิสเตอร์หว่องที่มารอท่าอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ต้องชะงักมือไว้เมื่อคนตัวเล็กข้างกายเอ่ยขึ้น
“อย่าเพิ่งค่ะคุณเหรียญชัย เนกไทของคุณมันไม่เรียบร้อย” หล่อนบอกให้เขาจัดเนกไทของตัวเองใหม่
ชายหนุ่มรีบถอยก้าวออกห่างจากประตูห้องอาหารเพื่อมาจัดเนกไทของตัวเอง แต่เหมือนจะไม่เรียบร้อยอยู่ดี จนคนตัวเล็กต้องอาสาช่วย
“ยังไม่เรียบร้อยเลยค่ะ เดี๋ยวดิฉันทำให้ค่ะ” หล่อนเอ่ยพลางขยับกายเข้าประจันหน้าบุรุษ เอากระเป๋าเอกสารวางไว้ที่พื้นแล้วจัดเนกไทให้นายหนุ่มใหม่
เหรียญชัยก้มมองใบหน้าเล็กของคนที่กำลังจ้องมั่นกับเนกไทของเขาอย่างพิจารณา มองไปแล้วหล่อนก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร มองดี ๆ ก็สวยน่ารัก แต่ทำไมต้องชอบแต่งตัวป้าด้วย
มีวันนี้แหละที่เจ้าหล่อนแต่งตัวอวดรูปร่างน่าปรารถนา เขากลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากเมื่อจินตนาการถึงรูปร่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดสูทของหล่อน
“เสร็จแล้วค่ะ” เนตรนภาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาของเจ้าของร่าง หล่อนก็ต้องรีบเบี่ยงหน้าหนี เมื่อเห็นสายตาคมที่จับจ้องมายังตนเองแบบไม่วางตา มันไม่เหมือนเขามองหล่อนทุกครั้ง ครั้งนี้มันต่างออกไปจนยากจะคาดเดา
“อืม” พยักหน้าแล้วก็เปิดประตูห้องเข้าไป
“สวัสดีครับ/ค่ะ มิสเตอร์หว่อง”
เจ้านายหนุ่มกับเลขาฯ สาวเอ่ยทักทายคู่ค้าทางธุรกิจทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องอาหาร และฝ่ายตรงข้ามก็ทำเช่นเดียวกัน
มิสเตอร์หว่องยืนขึ้นไหว้ตอบแบบไทย ๆ ตามที่ตนได้เรียนรู้มา เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มเลือดผสม บิดาของเขาเป็นชาวจีนฮ่องกง และมารดาเป็นชาวฝรั่งเศส
นับว่าเขาเป็นนักธุรกิจผู้กุมบังเหียนเศรษฐกิจ ของประเทศมหาอำนาจได้อย่างเก่งกาจ และมีรูปร่างหน้าตาที่ผสมผสานระหว่างสองชาติพันธุ์ ได้อย่างลงตัว
สายตาของเขาจดจ้องมองหญิงสาวที่ติดตามคู่ค้าธุรกิจของตนเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนดึงสติกลับมาสนใจกับเรื่องธุรกิจตรงหน้า ชายหนุ่มยอมรับว่าเลขาฯ ของคู่ค้าคนสำคัญนั้นช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
แล้วการเจรจางานก็เริ่มขึ้น เมื่อทั้งสองฝ่ายมาครบแล้ว ในครั้งนี้ มิสเตอร์หว่องก็มาพร้อมเลขาฯ ของเขาเช่นกัน
“ข้อเสนอที่ทางสิงห์การค้าเสนอมา ผมเห็นว่ามีผลดีกับธุรกิจผมมาก ดังนั้น ผมตกลงเซ็นสัญญากับทางสิงห์การค้าครับ”
“ขอบคุณมากครับ มิสเตอร์หว่อง” เอ่ยขอบคุณพร้อมกับยื่นมือมาจับเชื่อมสัมพันธ์กัน
เวลาผ่านไปไม่นาน การเจรจางานก็จบลงด้วยดี เมื่อทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจกัน แล้วก็สั่งให้ทางร้านอาหารยกอาหารเข้ามารับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อกระชับมิตรภาพทางธุรกิจให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
หลังจากติดต่องานเสร็จแล้ว มิสเตอร์หว่องก็เอ่ยขึ้นอย่างเปิดเผย เขาอายุ 37 ปี ยังโสดไร้พันธะ และก็ถูกตาต้องใจแม่เลขาฯ สาวของคู่ค้าของตัวเองตั้งแต่เธอโผล่พ้นหน้าประตูเข้ามาแล้ว
“มาดมัวแซล ทานเยอะ ๆ นะครับ”
มิสเตอร์หว่องมองเจ้าหล่อนด้วยสายตากรุ้มกริ่มพร้อมกับตักอาหารให้เธออย่างเปิดเผย
“แมร์ซี” หล่อนยิ้มเหนียมอายก้มหน้าบิดกายไปมา ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถูกเพศตรงข้ามปฏิบัติด้วยแบบนี้มาก่อนเลย
“อะแฮ่ม!”
เหรียญชัยรู้สึกไม่ชอบ มิสเตอร์หว่องขึ้นมาทันที และยิ่งฉุนไม่พอใจเมื่อแม่เลขาฯ สาวดูเหมือนจะชอบการเอาใจใส่ และเขินอายไปกับการกระทำของคู่ค้าทางธุรกิจของตน แต่เขาก็ต้องกักเก็บความไม่พอใจนี้ไว้ให้อยู่ภายใต้ใบหน้าที่แสร้งยิ้มออกมาของตน
“พอดีผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องรีบกลับเมืองไทยเร่งด่วน เพราะยังมีงานค้างคารออยู่เยอะ ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”
แม้จะรู้ว่าตัวเองเสียมารยาทแต่ก็ต้องทำ เพราะเขาไม่อยากเสียเลขาฯ เก่ง ๆ แบบเนตรนภาให้ฝ่ายตรงข้าม
มิสเตอร์หว่องยิ้มอย่างรู้เท่าทัน อาการท่าทางของเหรียญชัยในตอนนี้ แสดงออกชัดเจนว่าคู่ค้าธุรกิจคนนี้ กำลังหึงหวงเลขาฯ สาวกับตนอยู่แน่แท้ แต่ก็ต้องแสร้งยิ้มแล้วตอบกลับ
“ครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ” เอ่ยจบพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปส่งทั้งสองที่หน้าประตู
“มาดมัวแซล แล้วเจอกันที่เมืองไทยนะครับ”
มิสเตอร์หว่องเอ่ยบอกลาเนตรนภา ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินพ้นประตูห้องอาหาร
“ยินดีค่ะ มิสเตอร์หว่อง” หล่อนยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม ก่อนจะเดินตามหลังเจ้านายที่เดินล่วงหน้าไปก่อนแบบไม่รอเธอ
