บทที่ 7 7
ทันทีที่กลับมาถึงห้องพัก เหรียญชัยก็ไม่ได้คิดจะกลับห้องพักของเขาเอง แต่มาหยุดยืนอยู่หลังเลขาฯ สาวที่กำลังเปิดประตูห้องพักของเธอ พอหล่อนเปิดออกก็รีบแทรกตัวเข้าไปอย่างคนไร้มารยาท ทำราวกับห้องนี้เป็นห้องของตัวเองก็มิปาน ตอนนี้ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังแสดงตัวหึงหวงอีกฝ่ายทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน
“คุณเหรียญชัย ทำไมคุณไม่กลับห้องไปหาคุณอิงกี้คะ” หล่อนปิดประตูพร้อมกับเดินตามนายหนุ่มไปนั่งโซฟากลางห้องพัก
“นั่นสินะ ทำไมฉันต้องมาที่นี่ด้วย” เอ่ยน้ำเสียงเรียบเอนหลังพิงโซฟาตัวนุ่มด้วยท่าทางสบาย
“แล้วที่คุณบอกว่าจะกลับเมืองไทย คุณจะกลับวันนี้เลยไหมคะ ดิฉันจะได้เปลี่ยนไฟลต์บินให้ใหม่ค่ะ” หล่อนถามเขาอย่างไม่ชอบใจ อยู่ ๆ ก็มาทำตัวเป็นเด็ก ทำอะไรไม่มีแบบแผนล่วงหน้า หล่อนไม่ชอบเอาเสียเลยที่เขามักทำอะไรตามใจไม่ปรึกษาเลขาฯ หน้าห้องอย่างเธอ
“ก็รีบจัดการสิ แล้วไปเก็บข้าวของที่ห้องให้ฉันด้วย แล้วอย่าลืมบอกอิงกี้ด้วยล่ะ ว่าเราจะกลับเมืองไทยกันตอนนี้ และเดี๋ยวนี้ด้วย!” เขาสั่งอย่างเผด็จการ แล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อเอาน้ำเย็น ๆ มาดับความร้อนในอกของตน
ชายหนุ่มไม่รู้เลย ทำไมตัวเองต้องเป็นแบบนี้ มันเพราะอะไรกันแน่ ก็แค่คู่ค้าธุรกิจสนใจเนตรนภาเท่านั้นเอง แล้วทำไมเขาต้องไม่พอใจด้วยล่ะ
“ค่ะ ดิฉันจะรีบจัดการให้ทันที” เอ่ยรับคำสั่ง แล้วหล่อนก็รีบติดต่อเปลี่ยนไฟลต์บินให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปยังห้องตรงข้ามของเจ้านาย และก่อนเดินไปก็ไม่ลืมไปขอคีย์การ์ดห้องของเขามาเปิดเข้าไป
เมื่อเข้ามาในห้องพักของเจ้านาย หล่อนก็รีบไปเก็บข้าวของของเขา พร้อมกับสั่งให้โคโยตี้สาวเก็บข้าวของด้วย
พอทำตามที่สั่งเสร็จเรียบร้อยก็กลับมายังห้องของตัวเองเพื่อเก็บข้าวของบ้าง
แต่พอเดินกลับเข้ามาในห้องนอน หล่อนก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อเห็นในมือของนายหนุ่มมียกทรงตัวโปรดของตนติดอยู่ในมือ
“คุณทำอะไรคะ” หล่อนเดินเข้ามาพร้อมกับดึงรั้งยกทรงของตนมาซ่อนไว้ด้านหลังอย่างอาย ๆ
“ก็ไม่มีอะไร ใหญ่เหมือนกันนะเรา” เอ่ยพลางจ้องมองทรวงอกที่ดันซุกซ่อนอยู่ในเสื้อของหล่อนด้วยสายตาแพรวพราว หล่อนมองเขาด้วยสายตาเอาเรื่อง
“กรุณาออกไปรอข้างนอกด้วยค่ะ ดิฉันจะเก็บข้าวของ”
“ก็เก็บไปสิ ฉันก็ไม่ได้รบกวนอะไรเธอสักหน่อย ยัยแว่น!” เอ่ยพลางเดินอ้อมไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มของเธอ
เฮ้อ!
“งั้นเชิญตามสบายค่ะ” หล่อนรีบเก็บข้าวของของตัวเองอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจคนที่นั่งจ้องมองตนอยู่ด้านหลัง
ชายหนุ่มมองทุกการเคลื่อนไหวของคนตัวเล็ก ยิ่งมองหล่อนก็มีเสน่ห์น่าดึงดูด น่าค้นหา จนเขาอยากจะเดินไปกระชากมาจับกดร่างบนเตียงให้รู้แล้วรู้รอด
“เสร็จแล้วค่ะ เราไปเช็กเอาต์กันเถอะค่ะ ตอนนี้คุณอิงกี้เธอคงไปรอคุณ ที่ล็อบบีของโรงแรมแล้ว ส่วนกระเป๋าของคุณ ฉันให้เด็กของโรงแรมมายกไปรอข้างล่างแล้วค่ะ” เอ่ยพลางหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กของตัวเองขึ้น แล้วเดินนำหน้านายหนุ่มออกไป
พอลงมาข้างล่าง หล่อนก็รีบไปจัดการเช็กเอาต์ให้เขาเรียบร้อย ก่อนจะเดินตามเจ้านายและคู่ขาของเขาที่ตอนนี้ขึ้นไปนั่งรอท่าบนรถแล้ว
เหนื่อยเว้ย!
หล่อนได้แต่ตะโกนร้องในใจ พร้อมกับเปิดประตูรถข้างคนขับ ขึ้นไปนั่งแล้วรถก็เคลื่อนตัวไปยังสนามบิน ในใจก็อดแขวะสองคนที่นั่งซุกซบจนจะสิงร่างกันของทั้งสองไปด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
หลังจากกลับมาจากฝรั่งเศส เนตรนภาก็ขอลางานสามวัน เพื่อกลับไปทำธุระที่บ้านต่างจังหวัด เมื่อเลขาฯ คนเก่งไม่อยู่ คนที่มาช่วยงานก็คือมิ่งขวัญ เลขาฯ ของผู้เป็นพ่อจึงมาทำหน้าที่แทนหญิงสาวในระหว่างที่เธอลา แต่ดูเหมือนเจ้านายหนุ่มจะไม่ค่อยชอบเท่าไร
“คุณเหรียญชัยอดทนแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นเองค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูเนตรก็จะกลับมาทำงานแล้ว” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น เพราะนางมองออกว่าเจ้านายหนุ่มคิดถึงเลขาฯ คนสวยหน้าห้องแค่ไหน
“ยัยแว่นจะไปกี่วันก็ช่างเขาสิครับ ว่าแต่วันนี้ผมมีงานแค่นี้ใช่ไหมครับ” เอ่ยอย่างหงุดหงิด ไม่อาจยอมรับว่าตัวเองคิดถึงเลขาฯ แว่นหนานั่น
“เสร็จแล้วค่ะ แล้ววันนี้คุณท่านก็ให้ดิฉันพาคุณเหรียญชัยกลับไปทานข้าวที่บ้านให้ได้ค่ะ พี่ชายทั้งสองของคุณก็กลับด้วยนะคะวันนี้” มันเป็นงานอีกงานที่ได้รับมอบหมายมา
“เออ! เดี๋ยวผมกลับ งั้นวันนี้คุณก็กลับเถอะ ผมก็จะกลับบ้านไปหาคุณพ่อคุณแม่เหมือนกันครับ”
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับหยิบกระเป๋าทำงานที่เก็บไว้รอก่อนแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
พอเดินออกจากลิฟต์ได้ไม่นาน ก็เจอกับวิภาดีเข้าพอดี
“คุณห่าขา...ทำไมไม่ไปหาอิงกี้เลยคะ ตั้งแต่กลับมาจากฝรั่งเศส” หล่อนเอ่ยอย่างมีจริต พร้อมแทรกตัวเอาทรวงงามเบียดอกแกร่ง
“ฉันยุ่งช่วงนี้ เธอกลับไปก่อนเถอะ วันนี้ฉันมีนัดกับที่บ้านแล้ว ขอตัวนะ” ว่าแล้วก็ผลักร่างอวบอิ่มของหล่อนออกไปให้พ้นทาง แล้วเดินไปต่อ
จะให้บอกได้ยังไงว่าตั้งแต่กลับมาเขารู้สึกเบื่อ ๆ ตั้งแต่ เลขาฯ สาวของตนขอลางานแบบไม่แจ้งล่วงหน้ากับเขาเลย พอไม่มีหล่อน เขาก็ไม่อยากไปไหน ไม่ทำอะไรกับผู้หญิงคนไหน มันเบื่อ หงุดหงิดไปหมด แถมอากาศก็ร้อนจนเขาไม่อยากไปเสียเหงื่อที่ไหน
“คนบ้า...” วิภาดีว่าเขาแผ่วเบา แล้วรีบเดินตามเขาไป แต่ก็ไม่ทันเมื่อตอนนี้เขาขึ้นรถไปเสียแล้ว
