บทที่ 5 ช่วยเหลือตัวเอง NC

“ทำไงได้...ก็เฮียดันมาทำให้หนูตกใจเองนี่...” เธอกล่าวเสียงเบา พร้อมกับหลบสายตาของทั้งคู่ที่จ้องมองมาอย่างลึกซึ้ง

หยวนหลงยื่นมือมาแตะหน้าผากของเธอเบา ๆ “หน้าแดงขนาดนี้ เป็นไข้รึเปล่า?” คำพูดของเขาแฝงความห่วงใย แต่สายตานั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับถูกมองทะลุถึงหัวใจ

หัวใจของถังหูลู่เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา...

เธอหลบสายตาและรีบเบี่ยงตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว “ไปกินข้าวกันเถอะ...” เสียงของเธอแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

หยวนยิงและหยวนหลงมองแผ่นหลังเล็กที่ลับสายตาไป ก่อนที่ทั้งสองจะหันมายิ้มให้กันอย่างเข้าใจความหมายในใจของกันและกัน...

ในห้องครัว

โต๊ะอาหารยาวเหยียดถูกจัดเตรียมไว้อย่างประณีต บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารจีนหลากหลายเมนูที่ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดของถังหูลู่

ถ้วยและจานกระเบื้องลายครามบรรจงจัดวางอยู่คู่กับตะเกียบไม้ไผ่ที่มันวาว เธอเห็นทั้ง ‘เป็ดปักกิ่งหนังกรอบ’ ที่กลิ่นหอมของเครื่องเทศโชยขึ้นมาทำให้น้ำลายสอ

‘หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊ว’ ที่ดูนุ่มจนแทบละลาย เพียงมองก็รู้ว่าตุ๋นด้วยไฟอ่อนมาหลายชั่วโมง และยังมี

‘กุ้งอบวุ้นเส้น’ ที่มีกลิ่นของกระเทียมเจียวและพริกไทยลอยมาแตะจมูกอย่างเย้ายวนใจ นอกจากนี้ยังมี

‘ข้าวผัดหยางโจว’ ที่แต่งหน้าด้วยกุ้งสดและหมูแดงหั่นเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ เสริมด้วยผักดองและซุปกระดูกหมูที่ยังคงไอร้อนกรุ่นอยู่ในหม้อเคลือบสีขาว ทุกอย่างดูเหมือนเป็นงานศิลปะที่สร้างขึ้นด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด

“ว้าว! น่ากินจังเลยค่ะ!” ถังหูลู่เบิกตากว้างขณะที่เธอหันมามองอาหารตรงหน้า น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุข เธอสูดกลิ่นหอมจากอาหารที่ลอยขึ้นมาอย่างเต็มปอดจนเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว

หยวนชิงหลานที่พึ่งจะถอดผ้ากันเปื้อนหมาด ๆ เดินเข้ามาลูบหัวเธอเบา ๆ “กินเลยสิจ๊ะ อาหารพวกนี้น้าทำเพื่อน้องถังโดยเฉพาะเลยนะ” น้ำเสียงของเธออบอุ่นและเต็มไปด้วยความเอ็นดู ราวกับจะบอกว่าทุกจานนั้นใส่ใจและตั้งใจทำเพื่อถังหูลู่เพียงคนเดียว

ยังไม่ทันที่ถังหูลู่จะได้เอ่ยปากขอบคุณ เสียงหยอกล้อก็ดังขึ้นจากฝั่งหนึ่งของโต๊ะ “เพราะม๊าให้ท้ายแบบนี้ไงล่ะ อาหมวยถึงได้กลายเป็นเด็กตะกละ” หยวนหลงพูดขึ้นพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางกึ่งขี้เล่นกึ่งยียวน สายตาของเขาจงใจจ้องมาที่ถังหูลู่ซึ่งเริ่มหน้าขึ้นสีเล็กน้อย

หยวนยิงที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กันเสริมทัพด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “ใช่ม๊า…ม๊าก็เห็นใช่ไหมว่าน้องถังทำอะไรในวันแต่งงาน...”

เขาหมายถึงเหตุการณ์ที่ถังหูลู่แอบกินหมูตุ๋นอยู่ แต่กลับถูกเปิดโปงโดยช่อดอกไม้จากหยวนชิงหลานที่ตกลงมาใส่จานหมูตุ๋นของเธอ

ถังหูลู่รีบหันขวับไปมองพวกเขาด้วยดวงตาที่วาวโรจน์เล็กน้อย “พวกเฮียนี่แหละ! พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย!” เธอเถียงกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก แต่ในใจกลับรู้สึกอับอายจนอยากจะหายตัวไปจากโต๊ะ

หยวนชิงหลานเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปรามลูกชายทั้งสอง “พวกเฮียก็เกินไป…เลิกแกล้งน้องได้แล้ว ล้อน้องมาสามวันติดแล้วนะ” คำพูดของเธอเหมือนจะดุ แต่แววตาที่มองพวกเขากลับมีแต่ความเอ็นดู

“ครับ ๆ …” หยวนหลงตอบรับอย่างไม่จริงจังนัก พลางยักไหล่เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

“ผมจะพยายามครับ” หยวนยิงพูดเสียงเรียบเหมือนเดิม แต่แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความเจ้าเล่ห์เอาไว้

“แต่ฟังไว้เลยนะ อย่าให้ม๊าต้องพูดเรื่องนี้อีก ถ้าคราวหน้าเห็นพวกเฮียในสภาพเหงื่อซกแล้วมานั่งทานข้าวแบบนี้อีก ม๊าไม่ยอมแน่” น้ำเสียงของหยวนชิงหลานเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยความหวังดี เธอไม่ได้ตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรง เพียงแต่ต้องการสอนให้รู้จักรักษาความสะอาดและมารยาท

ถังหูลู่ที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ พลางตักข้าวเข้าปากด้วยท่าทางขำ ๆ แอบคิดในใจ ‘ถึงจะบอกว่าไม่พูดก็เถอะ แต่น้าชิงหลานก็พูดจนได้อยู่ดี…’ เธอได้แต่ยิ้มบาง ๆ และไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมา

หยวนหลงและหยวนยิงที่รู้ตัวว่าถูกดุเบา ๆ ก็รีบขานรับพร้อมกัน

“ครับ…”

“เข้าใจแล้วครับ…”

แม้ทั้งคู่จะดูยอมรับ แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของพวกเขา

“ชิงหลานที่รัก…มานั่งกินข้าวกันเถอะ พวกเด็ก ๆ คงเข้าใจแล้วล่ะ” ถังไห่เฉิงสามีของหยวนชิงหลานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่นขณะที่วางมือลงบนบ่าของเธออย่างแผ่วเบา สัมผัสนั้นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย

“อืม…” หยวนชิงหลานพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ ขณะที่ถังไห่เฉิงคอยช่วยเธอจัดการเสิร์ฟอาหารเพิ่มเติม

บรรยากาศในครอบครัวเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยหยอกล้อสัพเพเหระ

ถังหูลู่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจแม้ว่าเธอจะเขินกับคำแซวของพวกพี่ชายก็ตาม ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเพียงวันธรรมดา แต่สำหรับเธอแล้ว นี่คือช่วงเวลาที่เธอรู้สึกถึงคำว่าครอบครัวอย่างแท้จริง...

ถังหูลู่เดินขึ้นห้องด้วยท่าทีอิดโรยเล็กน้อยหลังจากอิ่มเต็มที่จากมื้ออาหารที่แสนอร่อย

พอประตูห้องนอนปิดลง เธอก็เอนตัวลงบนเตียงนุ่ม ตรึงสายตาไปยังเพดานที่มีลวดลายเรียบง่าย

มือบางยกขึ้นทาบที่หน้าอกของตัวเองที่ยังเต้นตุบ ๆ อย่างรุนแรงจากบางสิ่งที่เธอพยายามห้ามใจไม่ให้คิด แต่เหมือนยิ่งห้าม ความคิดก็ยิ่งผุดพรายเหมือนน้ำพุในฤดูใบไม้ผลิ

“อา…อิ่มแปล้เลย…” เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะยกแขนขึ้นปิดหน้าด้วยความเขินอาย

‘เราจะคิดอะไรบ้า ๆ แบบนั้นไม่ได้…’

แต่ถึงอย่างนั้น ภาพในหัวกลับไม่ได้เป็นไปตามคำที่เธอพยายามห้าม

ภาพของหยวนยิงและหยวนหลงในห้องออกกำลังกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นกระชับ และเหงื่อที่ชุ่มโชกไปทั่วร่างจนมันวาวยังคงวนเวียนอยู่ในจิตใจ

ทั้งกลิ่น ทั้งลมหายใจ และน้ำเสียงทุ้มต่ำเองก็ไม่ได้จางหายไปไหน มันก่อกวนเธอและทำให้เธออ่อนไหวมากขึ้นทุกวินาที

‘อื๊อ~ หุ่นของพวกอาเฮียนี่…แซ่บจริง ๆ เลย…’ เธอครางเบา ๆ ออกมาขณะที่ครุ่นคิดในใจ รู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นในอกและลามไปทั่วร่างกาย

‘แต่เราคิดอะไรแบบนี้ไม่ได้นะ! เรามันแย่…เรามันผู้หญิงลามก…’ เธอพยายามตำหนิตัวเอง แต่กลับรู้สึกเหมือนเสียงภายในใจอีกด้านกำลังกระซิบปลอบเธอว่า ‘แต่ใครจะห้ามความคิดตัวเองได้ล่ะ...ว่างั้นไหม?’

ใบหน้าของถังหูลู่ร้อนผ่าว หัวใจเต้นถี่เหมือนกลองศึกที่ถูกเร่งจังหวะ เธอยิ่งนึกถึงหุ่นสมส่วนและกล้ามเนื้อที่ดูเหมือนแกะสลักของหยวนยิงและหยวนหลง ยิ่งทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มพูนจนเหมือนจะระเบิดออกมา

เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างอึดอัด ความรู้สึกนี้มันเกินจะควบคุม

‘ไม่ไหว…ไม่ไหวแล้ว…เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง…’ เธอกัดริมฝีปากแน่น สายตาเริ่มเหลือบมองไปที่กระจกบานใหญ่ที่สะท้อนภาพตัวเองในชุดนอนบางเบาเนื้อผ้าลื่นไหล

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกเหมือนจะตัดสินใจบางอย่าง แล้วค่อย ๆ ดึงสายชุดนอนลงจากไหล่เล็ก ๆ ของเธอ

เนื้อผ้าสีอ่อนค่อย ๆ เลื่อนลงจากเนินไหล่ที่ขาวราวกับหยก ผ่านกระดูกไหปลาร้าสวยงามที่เหมือนถูกวาดด้วยพู่กัน จนเผยให้เห็นผิวเนียนละเอียดราวกับผ้าซาติน

หยดเหงื่อบาง ๆ เกาะพราวที่หน้าอกขนาดพอเหมาะที่สะท้อนแสงไฟอ่อน ๆ ในห้อง เธอค่อย ๆ เลื่อนชุดนอนลงไปอีกจนมันหลุดไปกองอยู่ที่ปลายเท้า เปิดเผยทุกสัดส่วนบนร่างกายนี้อย่างไม่หมกเม็ด

ร่างกายของถังหูลู่เหมือนประติมากรรมที่ถูกสลักอย่างวิจิตร ทุกส่วนโค้งเว้าดูสมบูรณ์แบบ ผิวของเธอเรียบเนียนและเปล่งประกาย เธอยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของตัวเองที่ยังคงแดงเรื่อ แล้วเลื่อนมือลงมาที่หน้าอกอย่างลังเล หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง

‘โทษทีนะอาเฮีย…’ เธอคิดในใจอย่างละอาย แต่ก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้ ‘หุ่นกับเบ้าหน้าหล่อ ๆ ของพวกเฮียทำให้หนูอดใจไม่ไหวจริง ๆ …’

เธอหลับตาแน่นปล่อยให้จินตนาการพาเธอไปไกล ภาพของหยวนยิงและหยวนหลงที่ยิ้มมุมปากและมองเธอด้วยสายตาคมกริบปรากฏขึ้นในหัว เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เพิ่มขึ้นภายในร่างกาย

ในขณะที่มือข้างหนึ่งเกาะกุมเนินเนื้อเอาไว้พร้อมปัดเขี่ยยอดปทุมถันสีชมพูหวานนั้นอย่างละเล่น มืออีกข้างยกนิ้วนางกับนิ้วกลางขึ้นมาเลื้อยไล้ลงไปเรื่อย ๆ ตามหน้าท้องแบนราบก่อนที่จะจรดลงตรงร่องรักสีชมพูหวานซึ่งหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำสีใสเหนียวหนืด

ริมฝีปากเผยอเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนไหวที่ก่อตัวขึ้นทุกครั้งที่มือของเธอเลื่อนต่ำลง ความคิดของเธอยิ่งเร่งเร้าตัวเองด้วยภาพของหยวนยิงและหยวนหลงที่กำลังโน้มตัวลงมาหาเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของทั้งคู่ปรากฏเด่นชัดจนเหมือนจริง

To be continued...

บทก่อนหน้า
บทถัดไป