บทที่ 3 I Love You 3000 [2] จบตอน

[พาร์ท : สมิง]

ไอ้เวร

ไม่น่าพาน้องปูน้อยมาที่ห้องแม่งเลย ลืมไปว่าถึงไอ้บุหรี่มันจะเอาไม่เลือก แค่คลำหางก็ลากเข้าไปเซ็กซ์ในถ้ำแล้ว แต่แม่งก็มีสเป็คทรงพลังที่หาได้ยากยิ่ง

นั่นก็คือผู้หญิงที่ดูบอบบางอ้อนแอ้นเหมือนกระต่าย

เอาจริงๆ ก็อยากแบ่งให้อยู่ อย่างที่บอกว่านอกจากติดบุหรี่ ก็ติดเพื่อนที่ชื่อนี้ด้วยว่ะ เอาจริงๆ ที่ผ่านมาแม่งแบ่งกันใช้รูเดียวกันมาตลอด กับเวลาแค่สองปีที่คบกัน มันคือโลกทั้งใบของผม

แต่ก็ไม่ใช่เกย์อะไรเทือกนั้น ยังไม่มีอารมณ์อยากเย็ดตูดมัน แค่เป็นเพื่อนที่ยอมตายแทนกันได้เฉยๆ

แต่พอดีว่าอยากเปิดซิงน้องปูก่อนว่ะ คงต้องข้ามศพสักหน่อย

“พอดีว่ากูเจอก่อน” พูดแล้วกระชากข้อมือเล็กมาใกล้ตัว ก่อนที่จะไล้ปลายนิ้วไปตามลำคอระหงของเธอที่มีชุดนักศึกษาปิดเรือนร่างที่น่าจะขาวใสแถมยังสดใหม่ไว้ “แล้วก็บังเอิญว่าเป็นผู้มีพระคุณของน้องตอนที่กำลังจะโดนรุมตบ”

“...”

“นั่งดูดนิ้วรอกูเอาน้องมันไปก่อนละกัน”

ไอ้บุหรี่พ่นลมหายใจอย่างรำคาญ แต่มันก็ยอมล่าถอยเมื่อเห็นว่าคนนี้ผมเอาจริง ผมจะเปิดซิงคนเดียวแล้วไม่สวิงกับแม่งด้วย เบื่อที่ต้องแบ่งกับมันเหมือนกัน หรืออาจเพราะคนนี้ถูกสเป็คมากพอตัว

ตัวเล็กๆ ขาวๆ นมดูใหญ่เกินขนาดตัว ขาเรียวแต่ไม่ยาวมาก

ไม่จำเป็นต้องหุ่นนางแบบเรียกแม่ แค่ตัวเล็กๆ หน้าใสๆ ก็พอเย้ายวนสายตาได้

อีกอย่างน้องปูน้อย... กูเล็งมานานแล้ว

เฟรชชี่ที่ฮอตในมหาลัยที่พ่อผมเป็นผู้บริหารขนาดนี้ คนอย่างไอ้สมิงมันไม่พลาดหรอกจริงมั้ย

ไอ้บุหรี่ไม่ได้ปิดประตูให้ คงอยากเห็นหนังสด แล้วผมก็ไม่สน ผมดึงข้อมือเธอให้เข้ามาชิดอีก ดูน้องปูน้อยจะมีความระวังตัวเป็นศูนย์ เอาง่ายๆ คือไม่มีภูมิคุ้มกันกับพวกซาดิสต์อย่างผม

ที่ดูเหมือนจะแย่งผัวใครต่อใคร แอ๊บแบ๊วใสๆ หรือว่าของจริงกันแน่วะ?

“สะ... สวิงคืออะไรเหรอคะ?” เธอถามออกมาเสียงสั่นเป็นคำถามแรก เป็นคำถามที่อยากจะโก่งคอหัวเราะให้โลกแตก

เลือกคำถามได้เก่งดีนะ

“แอ๊บจัง” โพล่งออกมาคำนึงอย่างโคตรลูกผู้ชาย ลูกผู้ชายหน้าตัวเมียอ่ะนะ ก่อนที่จะเข้าเรื่องที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจคนสวยอย่างเธอ “ข่าวหนูดังมากเลยนะ ครึกโครมเลย ในมหาลัย”

“...”

“ที่แย่งผัวคนอื่นนี่ ใช้อะไรแย่งมาเหรอ?” หยอกเย้าอย่างกวนส้นตีน ก่อนที่จะผลักเธอจนล้มลงไปนั่งบนเตียง พร้อมขยับเข้ามาใกล้ ยกปลายเท้ายันข้างตัวเธอไว้เป็นการกักบริเวณ “ช่วยมาแย่งพี่ออกจากความโสดทีดิ”

“นะ... น้องไม่เคยแย่งแฟนใครค่ะ” เธอพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะน้องปูน้อยมีข่าวลือพวกนี้มาตั้งแต่เข้ารับน้อง ผู้ชายชอบเธอเยอะ แถมเป็นผู้ชายที่มีแฟนแล้ว สำหรับผมที่ไม่ค่อยใส่ใจจะร่วมกิจกรรมกะทางมหาลัย แค่เข้าเรียนก็เต็มกลืน เรื่องนี้นับว่าน่าใส่ใจดี “ถ้าจะมาคุกคามหนูขนาดนี้ หนูจะแจ้งตำรวจนะคะ”

“มีความกล้าดีนี่” ผมฉีกยิ้มจนเห็นเขี้ยวข้างมุมปาก “เอาเลย แจ้งเลยค่ะ”

“...”

“บอกเลยว่าพี่คุกคามทางเพศหนูแบบโคตรระยำ”

“...”

“แต่อย่างน้อย พี่ก็เชื่อว่าเสน่ห์ของพี่จะทำให้หนูยอม” เออ ผมโคตรจะหลงตัวเอง แต่แล้วไง? ใครๆ ที่ได้เจอก็ยอมทั้งนั้น ศตวรรษของไอ้สมิงถ้าคิดจะล่อหญิง หญิงมักจะติดกับอย่างง่ายดายเสมอ

ผมมีความสุขกะการเปลี่ยนแฟน การมีเซ็กซ์ การสวิงอย่างเมามันส์กับเพื่อนรัก ทำเหมือนผู้หญิงเป็นวัตถุขับเคลื่อนกามารมณ์

ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด

แค่หล่อๆ เถื่อนๆ มีอิสระแบบลูกผู้ชาย ไม่ทำอะไรเห่ยๆ อยู่แต่ในกรอบ เป็นคนดีเกินไปจนน่าสะอิดสะเอียนก็พอแล้ว ผู้หญิงสมัยนี้มันชอบคนเลว แล้วยิ่งรวยด้วยก็ยิ่งเหมือนหวยหล่นใส่

แต่

“ไม่เอาค่ะ” น้องปูน้อยกลับเน้นย้ำออกมาอย่างหนักแน่น ทั้งที่ตัวสั่นเหมือนลูกนก ผมที่กำลังชื่นชมความหล่อรวยของตัวเองในใจ แล้วคิดว่าคนนี้จะต้องได้ถึงกับนิ่ง

“ว่าไงนะ?”

“นะ น้องบอกว่าไม่ไงคะ” เธอย้ำอีกรอบ “น้องขอเปิดใจเลยนะคะ เผื่อเราเข้าใจไม่ตรงกัน... พี่ไม่ใช่สเป็คของน้องเลย แล้วอีกอย่างสำหรับน้อง พี่เป็นคนอันตรายที่น้องควรระวังตัวที่จะเข้าใกล้ค่ะ”

“... ห้ะ?”

“ผู้ชายที่ไม่สนใจการเรียน ไม่กตัญญู ใช้เงินพ่อแม่อย่างสิ้นเปลือง ทั้งที่สิ่งนั้นควรจะเป็นหน้าที่ของตัวเอง”

“...”

“แล้วถ้าการที่พี่จะมาบอกว่าหนูเป็นแฟนพี่ หนูยังไม่ได้ตกลงเลยนะคะ การคบกันควรใช้เวลาดูใจอย่างน้อยสองถึงสามปีค่ะ”

“...”

“ละ... แล้วอีกอย่าง” ยัยเด็กปูพูดมายืดยาว ไม่รู้ว่าใส่ซื่อหรือโง่ถึงบ่นคนอย่างผมในสถานการณ์แบบนี้ แต่ผมสตั๊นตั้งแต่ที่เธอบอกว่าผมไม่ใช่สเป็คเธอแล้ว พูดทั้งๆ ที่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ยืนยันเท้าอึ้งแดกอยู่อย่างนั้นเพราะนี่คือครั้งแรกในชีวิตที่โดนผู้หญิงหัวอ่อนที่คิดว่าน่าจะล่อง่ายปฏิเสธ แถมยังปฏิเสธด้วยคำที่โคตรเจ็บว่า ไม่ใช่สเป็ค

คนอย่างไอ้สมิงมันต้องอยู่หนึ่งในสเป็คของผู้หญิงทุกคนดิวะ!!

“...”

“หนูมีคนที่ชอบอยู่แล้วด้วย”

สันกรามผมปูดขึ้นทันทีด้วยอารมณ์โกรธขึ้ง ไม่ใช่สเป็คไม่พอ ไม่ยอมให้เซ็กซ์ด้วยไม่พอ ยังชอบคนอื่นอีกว่างั้น?

“เดี๋ยวนะ” พูดก่อนจะชี้ไปที่ตัวเองอย่างดีเลย์ ที่ไม่รู้ว่าทำหน้าตาเหี้ยมใส่ขนาดไหนน้องปูน้อยถึงได้หน้าซีดเผือดขนาดนั้น “นี่เธอ... ปฏิเสธพี่?”

“ก็ใช่นะคะ”

“ออกไป” พอได้คำตอบที่ชัดขึ้นผมก็พ่นออกมาเสียงเข้ม น้องสะอึก ก่อนที่จะทำหน้างุนงง “กูบอกให้ออกไป!”

“คะ... ค่ะ!” เธอพูดเสียงสั่นก่อนที่จะเดินเป็นวิ่งก้มตัวหลบผมไปด้านนอก ที่ไม่รู้ว่าไอ้บุหรี่อยู่รึเปล่า แต่ช่างหัวแม่งแล้วไอ้เวร

กูโดนผู้หญิงปฏิเสธที่จะมีเพศสัมพันธุ์ด้วย แค่เพราะกูไม่ใช่สเป็คกับเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว!!

นี่แม่งบ้าชัดๆ แล้วกูก็ไม่นิยมล่อหญิงที่ไม่สมยอมซะด้วย แต่ที่ผ่านมาแม่งไม่เคยมีเลยไง

“อีเวรเอ้ย” สบถออกมาพร้อมกับกระชากมาโบโรบนโต๊ะของไอ้เชี่ยบุหรี่มาคาบไว้ แต่พอจะจุดไฟแช็คเสือกลืมว่าจะเลิกบุหรี่ เลยเขวี้ยงทิ้งแม่ง

กูสูญเสียความมั่นใจอย่างรุนแรง

“ยัยกระต่ายออกไปแล้ว... มึงไม่ทำอะไรเธอ?” ในระหว่างที่กำลังหงุดหงิดอยากพาลใส่ใครสักคน ไอ้บุหรี่เข้ามาพอดี ผมนิ่งไม่ตอบแล้วผุดลุกขึ้นยืน รู้สึกเซ็งที่มันเรียกยัยนั่นแบบหวานแหววอย่างไม่มีเหตุผล บิดนิ้วตัวเองดังกรอบแกรบ

“ตลกดีนะ มาบอกว่ากูไม่ใช่สเป็ค เลยไม่ยอมเซ็กซ์ด้วย” ไอ้บุหรี่ฉีกยิ้มสมเพช “ยิ้มเหี้ยไรไอ้เวร ตลกมากเหรอ”

“ครั้งแรก” มันพูดสั้นๆ ไอ้ห่านี่มันเป็นงี้มานานแล้ว ไม่ชอบพูดเยอะ แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการคำตอบยาวๆ แม่งโคตรอย่างตั้นหน้ามันเลยว่ะ “มึงแคร์ทำไม”

“พอดีว่ามันตรงสเป็คกู” ผมโพล่งขึ้นมา ใช่ ผมรู้ดีเลย ผู้หญิงที่เคยคบมาก็ตัวเล็กทั้งนั้น แต่ส่วนมากก็ยอมง่ายๆ จนน่าเบื่อ เลยคบๆ เลิกๆ มาหลายคน แต่ก็อย่างที่บอก ชอบผู้หญิงตัวเล็ก เพราะเวลาอุ้มแตงแม่งเบาดี

เป็นผู้ชายระยำแล้วไง ไม่ชอบผู้ชายเลวๆ แล้วไง

ผมเกิดความคิดดีๆ ขึ้นมาในระหว่างนั้น เพราะคิดไปคิดมา การที่ได้เธอยากๆ มันก็ดูน่าพยายามดีไม่ใช่เหรอ

ผู้หญิงซิงๆ อ่ะ ใครก็อยากเปิดหมด ไม่เว้นแม้แต่คนเจ๋งๆ อย่างผม

“ถ้ามันไม่ชอบ” ผมฉีกยิ้มเหี้ยมออกมา “ก็ทำให้ชอบก็พอไม่ใช่เหรอวะ”

อีปูน้อย มึงต้องตกเป็นของกู

[จบพาร์ท : สมิง]

หนูเดินเป็นวิ่งออกมาจากห้องๆ นั้น ห้องที่มีแต่เรื่องที่ไม่คุ้นเคย

ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้จักคำว่า ‘สวิงกิ้ง’ มาก่อน ไหนจะผู้ชายท่าทางติสท์ๆ ที่เปลือยกายอยู่ในห้อง รวมถึงผู้หญิงอกสะบึมที่เปลือยทั้งตัวเช่นกัน

สวิงกิ้งเนี่ย... คงจะเป็นไปในทางเซ็กซ์สินะคะ

“แย่เลย... ปูน้อย เกือบไปแล้ว” หนูถอนหายใจออกมาตอนที่มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าป้ายรถเมล์ หายใจหอบแฮ่กอย่างเหนื่อยอ่อน หัวใจยังเต้นแรงเมื่อรู้สึกได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองกำลังจะโดนคุกคามอย่างชัดเจน

ผู้ชายที่ชื่อสมิงเป็นผู้ชายที่อันตรายจริงๆ นั่นล่ะ

ตอนนั้นรู้สึกกลัวมากที่เหมือนจะเจอคู่ต่อสู้ที่เป็นเพศชายเป็นครั้งแรก จากการประเมินส่วนสูงและสัดส่วนร่างกายภายนอก สมิงคงไม่ใช่เล่นๆ เรื่องพละกำลังและการต่อสู้เลยล่ะ ก็เลยคิดว่าการพูดตรงๆ คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด จนสมิงที่ดูจะหน้าแตกไล่หนูออกมา

กะ... เกือบเผลอแย๊บหน้าเขาไปแล้ว

เอ่อ ทุกคนอาจจะรู้สึกแปลกใจใช่มั้ยคะ ว่าทำไมปูน้อยที่ท่าทางเรียบร้อยใสซื่อ กำลังบอกว่าจะแย๊บ (เป็นเทคนิกมวยอย่างหนึ่ง) กับคนที่อันตรายที่สุดในมหาวิทยาลัย แถมยังใช้คำว่า ‘คู่ต่อสู้’ กับอีกฝ่ายอีกต่างหาก

แหะๆ จริงๆ แล้วบ้านหนูทำกิจการค่ายมวยหญิงอยู่น่ะค่ะ

คนที่เริ่มกิจการก็คือคุณแม่ที่เป็นนักมวยปล้ำหญิงเก่า พันธุกรรมของบ้านเราตัวเล็กกันทุกคน ส่วนสูงไม่เคยเกินจาก 159 เลย ส่วนหนูเป็นน้องเล็กที่ตัวเล็กที่สุดในบรรดาพี่ๆ หนูสูงแค่ 156 เอง

และเพราะโดนรังแกตั้งแต่เด็ก แม่เลยให้หนูเข้าคอร์สสอนมวยไทย และก็ฝึกฝนกำลังเพื่อที่จะเอาไปป้องกันตัวได้ในระดับหนึ่ง

หนูก็ไม่ได้เก่งมาก... แค่ได้แชมป์ระดับจังหวัดบ้างเป็นครั้งคราวเองค่ะ

เนื่องจากเหล่าพี่ๆ เป็นผู้ชายกันทุกคน และแต่ละคนก็สนใจกิจกรรมการต่อสู้ที่แตกต่างออกไป คุณแม่ที่คิดจะเอาผู้หญิงมาสืบทอดกิจการค่ายมวยหญิง ถึงได้เลือกหนูที่ไม่ชอบการต่อสู้เลยเข้ามาร่ำเรียนคอร์สนี้

พูดมาถึงตรงนี้ ทุกคนคงจะสงสัยว่าทำไมตอนที่โดนลากมาตบตีในตอนแรกทำไมหนูถึงไม่ป้องกันตัว

... นั่นก็เพราะหนูไม่อยากทำน่ะสิคะ

คุณแม่น่ะเป็นผู้หญิงที่แกร่งและโหดสุดๆ เลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่ที่คุณพ่อนอกใจไปมีแฟนใหม่ คุณแม่เล่าว่าท่านชกพ่อจนเข้าโรงพยาบาลด้วยวิชาที่เรียนมา แล้วหอบลูกออกจากบ้านหลังนั้นที่อยู่ด้วยกันตอนอายุสิบแปด

แต่ลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างหนู ดันเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิงที่ค่อนข้างจะขี้ใจอ่อนเป็นอย่างมาก แถมยังเป็นคนหัวอ่อนไม่ชอบใช้ความรุนแรง ถึงจะมีวิชามวยติดตัวไปก็เท่านั้น... เพราะสุดท้ายพอย้ายมาเรียนมหาลัยที่สอบติดได้ที่กรุงเทพ หนูก็เลือกที่จะปกปิดเรื่องที่บ้านเป็นค่ายมวยอยู่ดี

นั่นเพราะหนูไม่อยากเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง

นั่นก็เพราะหนู... มีคนที่ชอบอยู่ด้วย

‘อคิน’ เพื่อนสมัยเรียนมัธยมด้วยกันที่สอบติดที่เดียวกันที่นี่ เป็นเพื่อนที่ทั้งสมาร์ทและใจดี หนูแอบชอบอคินข้างเดียวมาตลอด และรู้ว่าสเป็คของเขาคือผู้หญิงที่อ่อนแอ เพราะเขาชอบเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนผู้หญิงที่โดนรังแกและดูแลอย่างดีเสมอ

เรียกได้ว่า เขาคือเทวดาที่อยู่บนดินเลย

หนูพยายามอย่างมากที่จะไม่แสดงออกว่าหนูมีกำลังและชกมวยได้ และก็ปล่อยให้ตัวเองโดนรังแกมาตลอดจนอคินเข้ามาสนิทด้วย

แต่วันนี้ หนูกลับโดนผู้ชายแบบที่ไม่ใช่สเป็คอย่างที่สุด ลากทึ้งมาเพื่อที่จะนอนด้วย

แล้วเขาก็รู้ด้วย... ว่าหนูไม่เคยเรื่องอย่างว่า

น่ากลัว หนูน่ะไม่เคยชกกับผู้ชายจริงๆ มาก่อนเลยนะ คู่ซ้อมส่วนมากก็จะเป็นผู้หญิง รวมถึงคู่ชกที่มาท้าชิงด้วย พอโดนผู้ชายคุกคามขนาดนั้นก็จะเผลอหน้ามืดสวนไปทุกที แต่ก็ใช่ว่าจะชนะกลับมาทุกครั้ง

นั่นทำให้หนูกลัวผู้ชายที่ดูท่าทางจะเป็นอันธพาลมากที่สุด ในบรรดาประเภทของผู้ชายทั้งหมดบนโลก

จะต้องไม่เข้าไปยุ่งกับเขาอีก รวมถึงผู้ชายท่าทางเนือยๆ ที่ก็ดูอันตรายพอดูคนนั้นด้วย

หนูทำท่าจะโบกรถเมล์เพื่อกลับไปที่มหาวิทยาลัย อย่างน้อยๆ ก็ต้องกลับไปเรียนคลาสตอนบ่าย เพราะวันนี้มีเรียนอยู่สองคาบ

แต่ทว่า

“ไอ้เวรหมิงมันโคตรสารชั่วเลยว่ะ กูอยากจะกระทืบแม่งให้เละคาส้นตีนจริงๆ” หนูที่หูผึ่งเพราะได้ยินชื่อของคนบางคนที่คุ้นเคย หมิงนี่คือชื่อเรียกสั้นๆ เวลาคนที่สนิทกับสมิงเรียกเขา แต่ส่วนมากก็จะดูเป็นพวกเดียวกันกับเขานั่นแหละ

หนูไปแอบอยู่หลังป้ายรถเมล์ที่เป็นป้ายโฆษณาเมื่อมีกลุ่มนักเลงผ่านมาทางนี้ แล้วก็เห็นว่าเป็นผู้ชายท่าทางหน้าตาดุดันคนหนึ่ง มีรอยสักเต็มตัวแถมตัวสูงปราดเปรียว มีแผลที่ริมฝีปากและตามตัว กำลังเดินสูบบุหรี่มากับฝูงลูกน้องที่ตามเขาต้อยๆ (เพราะเขาดูโดดเด่นที่สุดในนั้น)

ผะ... ผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวสุดๆ ไปเลย

“พี่หยาดครับ ผมว่าอย่าไปหาเรื่องสมิงเลยดีกว่า” ผู้ชายหัวโล้นอีกคนพูดขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ “พ่อมันเป็นถึงผู้บริหารมหาลัยชื่อดัง แถมยังเป็น สส. ผู้ว่าอีกนะครับ”

สะ... สส. ผู้ว่า?

“ช่างหัวบิดาแม่งดิ กูจะเอาเลือดชั่วออกจากกบาลมันให้ได้!” ผู้ชายที่ชื่อหยาดบี้บุหรี่ที่กำลังติดไฟจนแหลกคามือเปล่า “มาปล่อยให้กูต่อยไอ้พวกเหี้ยนั้นคนเดียว โชคดีที่พวกมันมีแค่สิบห้าคน เลยสอยร่วงไปได้ง่ายๆ”

“...”

“มันอยู่ที่ห้องไอ้บุหรี่ไม่มีผิดแน่ จีพีเอสที่กูแอบติดที่มือถือแม่งไว้บอกว่ามันอยู่จุดนี้” ร่างสูงโปร่งพูดพร้อมปล่อยซากบุหรี่ในมือร่วงผล็อยลงพื้น “กูจะเลาะฟันมันซะ ให้มันแดกข้าวไม่ได้สักเดือนสองเดือน”

หนูตัวสั่นพอได้ยินว่าเขาคิดจะจัดการสมิงด้วยการเลาะฟัน นั่นเป็นวิธีการของพวกสตรีทไฟต์เตอร์ คือพวกที่ต่อสู้กันตามท้องถนน จะใช้ท่าสกปรกยังไงกับคู่ต่อสู้ก็ได้

สำหรับมวยไทยที่มีกฎกติกาเป็นของตัวเอง เรื่องนี้รับไม่ได้เลยจริงๆ นะ

“ขะ... ขอโทษนะคะ!” หนูกลั้นใจโพล่งออกมาพร้อมกับเอาตัวที่มีส่วนสูงแค่เพียง 156 เซนติเมตรไปต่อหน้าผู้ชายตรงหน้ารวมทั้งพรรคพวก ซึ่งดูจะสูง 180 ขึ้นไปกันทุกคนเลย “ถ้าจะใช้วิธีแบบสตรีทไฟต์เตอร์ ก็ขอให้มีกติกาที่ตายตัวในการต่อสู้หน่อยเถอะนะคะ!”

พะ พูดออกไปแล้ว

“มึงเป็นใคร?” ผู้ชายตรงหน้าหยุดชะงักพร้อมกับเอียงคอถามด้วยสรรพนามสุดหยาบคายเป็นคำถามแรก หนูที่เพิ่งรู้สึกตัวถึงได้นิ่งอึ้งไป

นี่หนูกำลังทำอะไร หนูกำลังปกป้องคนอันตรายในมหาวิทยาลัยอย่างสมิง คนที่เพิ่งลักพาตัวหนูไปเพราะชอบแล้วก็ตั้งใจจะมีอะไรกับหนูอย่างข้ามขั้นตอนอย่างงั้นเหรอ!

“... เอ่อ”

“ทำไมมึงถึงรู้จักคำว่าสตรีทไฟต์เตอร์?” หยาดพูดออกมาพร้อมกับมองหนูตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก่อนที่จะแค่นหัวเราะ “ผู้หญิงตัวเท่าหมาอย่างมึงรู้จักศัพท์ของวงการต่อสู้ได้ไงวะ แถมยังกล้าเข้ามาขวางทางกูได้อย่างหน้าไม่อายซะด้วย”

“คะ... คือ” ตะ... ตัวเท่าหมาเหรอ พูดไม่ออกเลย

“อ้อ หรือว่า”

“...”

“มึงจะเป็นคู่ขาของไอ้เหี้ยหมิง?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป