บทที่ 3 ชนท้องน้องสาว_พี่ชายที่ลำคอแผ่นอกมักเต็มไปด้วยรอยจ้ำแดง

สองชั่วโมงต่อมา มิกะก็ตื่นตามปกติเพื่อไปโรงเรียน และเหมือนทุกเช้าตลอดสองปีที่ผ่านมา เธอตื่นนาโอะหลับเป็นแบบนี้เสมอ มิกะค่อยๆ เดินเพื่อไม่รบกวนเวลานอนของพี่ชาย แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่เธอต้องแอบจดจ้องพี่ชาย พี่ชายที่ลำคอแผ่นอกมักเต็มไปด้วยรอยจ้ำแดง ตอนแรกๆ เธอไม่รู้ว่ารอยเหล่านั้นนาโอะไปได้มันมาได้อย่างไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว

แน่นอนว่าไม่ใช่มาจากประสบการณ์ตรงของเธอ แต่เมื่อหลายเดือนก่อน เธอบังเอิญเห็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนก็มีรอยแบบนี้ เมื่อเธอแอบถามเพื่อนๆ จึงได้คำตอบว่านั่นคือรอยคิสมาร์ก ความรู้สึกที่เธอได้รู้ทำให้เธอเกิดความห่างเหินกับพี่ชายในทันที แต่ปกติเธอกับพี่ชายเวลาก็มักจะไม่ตรงกันอยู่แล้ว แต่ทว่าจะให้เธอถอยหนีห่างจากเขาเธอก็ทำไม่ได้ นั่นเพราะนาโอะเป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอ และเธอยังเรียนหนังสืออยู่ ยังไม่สามารถทำงานหารายได้พิเศษเลี้ยงตัวเองด้วย และที่สำคัญกว่านั้น เธอที่เรียนในโรงเรียนชั้นสูงจะไปทำงานหารายได้เสริมได้อย่างไร ได้อายเพื่อนๆ ตายเลย

จนทุกวันนี้เพื่อนๆ ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเธอพักอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดสี่คูณสี่กับพี่ชาย เพราะทุกๆ เช้ายามที่ต้องไปโรงเรียนจะมีรถหรูมารับมาส่งเธอทุกวัน นาโอะจัดการทุกอย่างให้เธอ ภาพพจน์ในโรงเรียนเธอก็คือคุณหนูมิกะที่มีพ่อแม่รับข้าราชการอยู่อีกเมืองหนึ่งเท่านั้น

“ต้องระวังอย่าให้เรื่องที่เราสองคนเป็นเด็กกำพร้าแดงออกไป” นาโอะเตือนเธอไว้เมื่อสองปีก่อน และเมื่อเธอเข้าไปอยู่ในสังคมเธอจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทำไม...

มิกะที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นยูนีฟอร์มแล้ว เดินไปเปิดประตู เพื่อหยิบอาหารเช้าที่ถูกนำมาส่งตามปกติเหมือนทุกวัน   มิกะวางส่วนที่เป็นของนาโอะไว้และกินในส่วนของตัวเองอย่างเบาๆ เหมือนทุกวัน พลันสายตาก็มองใบหน้าพี่ชาย

เธอมีพี่ชายหน้าตาหล่อดั่งเทพบุตรที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปาน ยามหลับริมฝีปากเผยอเปิดเล็กน้อย เส้นผมรุงรังปรกคลุมหน้าผาก แพขนตาทั้งหนาทั้งยาว เธอกับพี่ชายช่างเป็นพี่น้องที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน

ตัวเธอนะเหรอแม้จะมีดวงตากลมโต แต่รูปหน้าเธอก็เหมือนกับซาลาเปากลมเกินไป นาโอะสูง ส่วนเธอนะเหรอเตี้ยมะล่อกมะแล่กสิ้นดี

บรรยากาศในห้องเช่าขนาดสี่คูณสี่ก็เป็นเช่นนี้ ตามเวลามิกะค่อยๆ ออกจากห้องไปขึ้นรถหรูที่มารอรับเหมือนทุกวันที่ต้องไปเรียนหนังสือ

อุ้ย! ขณะที่กำลังก้าวขึ้นบันได มิกะที่ถูกบางอย่างชนจนเกือบจะไถลตกบันได แต่ทว่าในจังหวะนั้นเองก็มีมือหนึ่งคว้าเอวเธอได้ พรึ่บ ร่างสองร่างประกบแนบชิดกันอย่างช่วยไม่ได้ มิกะหลับตาปี๋ เมื่อครู่เธอหวาดเสียวขี้ขลาดจนไม่กล้ามองเลย

กลิ่นโรลออนอ่อนๆ ที่แผ่ออกมาพร้อมกับไออุ่น มิกะลืมตาขึ้นเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาว ลำคอขาว ลูกกระเดือก คาง !!! และ เคซากุ

มิกะหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมเกิดภาวะอ่อนแรง เคซากุ เขาเป็นใครมีใครบ้างในโรงเรียนนี้ไม่รู้จัก ถ้าเป็นยุคกาลเก่าควรต้องมอบคำว่าเก่งกาจทั้งบุ๋นและบู้ให้เขาเป็นที่สองซึ่งรับรองว่าจะไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวอ้างความเป็นที่หนึ่ง

“เธอโอเคมั้ย” เสียงเขาทุ้มต่ำฟังดูแล้วไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าของเสียงต้องหล่อมากๆ

“โอเค” มิกะตอบกลับเหมือนคนละเมอ เคซากุค่อยๆ ปล่อยเธอเป็นอิสระแต่ก็ไม่ได้ละมือจากมาทันที เขายังคงประคองเธอไว้หลวมๆ โน้มตัวลงมามองเธอให้แน่ใจว่าเธอสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง

“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเคซากุ เป็นรุ่นพี่เธอสองปี” ขะ...เขารู้ได้อย่างไรกันว่าเธออยู่ปีไหน หรือว่าเขา...

“มิกะ โอเค” มิกะยืนด้วยขาของตัวเองด้วยแก้มที่เคยขาวแดงก่ำพร้อมรอยยิ้มเปิดเผยตามวัย

“มิกะ กำลังจะไปเข้าเรียนใช่มั้ย” มิกะพยักหน้า “งั้นผมไปส่ง” กรี๊ดดดดด เคซากุไปส่งเธอที่ห้องเรียน กรี๊ดดดด เคซากุเรียกเธอว่ามิกะ กรี๊ดดดด  เคซากุ เดินอยู่ข้างๆ เธอด้วย มิกะกรีดร้องบอกตัวเองอยู่ในใจ เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นเพราะกลัวว่าถ้าเงยแล้วทุกอย่างที่เกืดขึ้นตอนนี้คือความว่างเปล่า เธอกำลังฝันกลางวันอยู่นั่นเอง

และเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่นาที ชื่อเสียงของมิกะก็ดังกระหึ่มไปทั่วสถาบันเพียงเพราะเคซากุเดินไปส่งเธอเข้าเรียน มิกะสาวน้อยที่มีดวงหน้ากลมเหมือนซาลาเปาดวงตากลม จมูกโด่งรั้นเอาเรื่อง ริมฝีปากรับกับรูปหน้าจมูกตายิ่งมองก็ยิ่งน่ารักยิ่งมองก็ยิ่งยากนักที่จะละสายตา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป