บทที่ 6 EPISODE 06
“ทำไมนอนดึก” พี่ทรายเขาถามขณะที่ฉันแกะยาออกจากแผงเพื่อให้เขาได้กินหลังจากที่กินโจ๊กหมดแล้ว
โจ๊กที่ฉันเป็นคนป้อน เนื่องจากเขายังขยับแขนมากไม่ได้
“ป้าของอ้อมเปิดร้านเหล้า เขาให้อ้อมไปทำงานช่วย อ้อมเป็นเด็กชงเหล้า แล้วก็เคลียร์บัญชี ร้านเหล้าอยู่ใกล้ ๆ บ้านนี่แหละ”
“ขอโทษที่ถามนะ แต่เห็นพูดถึงแต่ป้าหมายความว่า…”
“อ้อมไม่มีพ่อ ส่วนแม่เสียไปตั้งแต่อ้อมยังเด็ก อ้อมอยู่กับยายแล้วก็ป้า ยายเพิ่งเสียไป น่าจะเกือบปีได้แล้ว ตอนนี้ก็เลยมีป้าคนเดียวที่เป็นคนในครอบครัว ป้าของอ้อมดุมาก พี่ห้ามออกจากห้องนี้นะ แล้วก็อย่าเสียงดังด้วย”
“พี่ทำอ้อมลำบาก”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พี่ก็กำลังลำบากนี่นา ใครกันจะอยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ อ้อมเต็มใจช่วย พี่ไม่ต้องคิดมากนะ กินยาแล้วนอนพัก เดี๋ยวอ้อมจะไปอาบน้ำจะได้มานอน ดึกมากแล้ว” ยื่นแก้วน้ำให้ดื่มเรียบร้อยฉันจึงอยากจะอาบน้ำบ้าง
“ครับ” พี่เขาพยักหน้ารับเบา ๆ ฉันก็เลยลุกขึ้นมาเตรียมเสื้อผ้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ
อาบน้ำแล้วก็จะจัดการแต่งตัวในห้องน้ำเลยค่ะ
ผ่านไปสักพักฉันจัดการตัวเองเรียบร้อยจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ มาจัดแจงที่นอนของตัวเอง
“ให้พี่นอนข้างล่างดีกว่านะ อ้อมเป็นเจ้าของห้อง”
“ไม่ได้หรอก พี่ป่วยอยู่นะ จะมานอนข้างล่างได้ไง พี่ไม่ต้องคิดมาก อ้อมนอนได้สบายมาก” ฉันคว้าหมอนมาวางตรงที่นอนด้านล่างของฉัน
“พี่นอนได้แล้วนะ พักผ่อนเยอะ ๆ แล้วถ้าเจ็บปวดตรงไหนเรียกอ้อมได้เลย ฝันดีค่ะ” ฉันเดินมาห่มผ้าให้พี่เขา จากนั้นจึงเดินไปปิดไฟและเดินกลับมาล้มตัวนอนตรงที่นอนที่เพิ่งจัดเสร็จเมื่อครู่
พอหัวถึงหมอนไม่ถึง 2 นาทีฉันก็หลับสนิท
“อยากเข้าห้องน้ำเหรอคะพี่ทราย” เช้าวันใหม่ฉันกำลังเตรียมกับข้าวไว้ให้พี่เขา
“อืม” พี่ทรายเขาขานรับและพยายามจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
“อ้อมช่วยดีกว่านะคะ ตอนนี้ร่างกายของพี่ยังไม่หายดี ไม่ฝืนดีกว่าเดี๋ยวมันจะทรุด” ฉันวางของในมือแล้วรีบเดินมาพยุงพี่เขา
“เมื่อไหร่พี่จะหายก็ไม่รู้” พี่เขาพูดตัดพ้อ
“มันต้องใช้เวลานะคะพี่ แล้วเราจะให้หายเหมือนเวลาไปหาหมอก็ไม่ได้ อย่าลืมสิคะว่าเราไม่ได้ไปหาหมอนะ” ฉันพูดพร้อมยิ้มให้กำลังใจ
“พี่ไม่อยากเป็นภาระอ้อมนาน ๆ พี่เกรงใจ ตื่นมาก็นึกว่าจะจำได้ กลับจำไม่ได้เหมือนเดิม”
“เรื่องความจำเราต้องใจเย็น ๆ สิคะ แล้วก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องอ้อมนะ ถือซะว่าเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว อ้อมจะช่วยพี่จนกว่าพี่จะหายดี” ฉันบอกพร้อมทั้งพยุงพี่เขาเข้าห้องน้ำ
“ถ้าเสร็จแล้วเรียกอ้อมได้นะ เดี๋ยวอ้อมมาช่วย” ฉันหมายถึงช่วยพี่เขาทำความสะอาดนั่นแหละ
พี่เขาทำหน้าตื่น ๆ ก่อนที่สองแก้มจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีเป็นสีอมชมพู
“เอ่อ… คืออ้อมไม่ได้คิดทะลึ่งนะจ๊ะ อ้อมแค่เห็นว่าพี่ยังทำไมถนัดไง ถ้างั้นอ้อมรอข้างนอกนะ” ฉันรีบพูดแก้ตัวและพาตัวเองออกมาอยู่ด้านนอก รู้สึกใบหน้ามันร้อนวูบวาบแปลก ๆ ไหนจะหัวใจที่เต้นแรงอย่างผิดปกตินี่อีก
ก็ฉันเห็นทุกส่วนของร่างกายเขาแล้วไง ก็เลยคิดว่าไม่น่าแปลกอะไรที่จะยื่นมือเข้าช่วยคนที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ใครจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด
“อ้อมเลิกเรียนบ่ายโมงนะพี่ทราย อันนี้ข้าวต้ม ช่วงนี้พี่ทานอาหารอ่อนไปก่อน แล้วเดี๋ยวอ้อมจะรีบกลับมานะจ๊ะ” ฉันเอากล่องข้าวต้มมาวางข้างเตียงให้พี่เขา เผื่อว่าพี่เขาจะหิว แต่ว่าก่อนหน้านี้ฉันก็ป้อนพี่เขาและให้กินยาเรียบร้อย
จริง ๆ ก็กังวลเรื่องเข้าห้องน้ำของพี่เขาอยู่ แต่ถ้าฉันหยุดเรียนป้าได้ด่าฉันแน่
และการเข้าห้องน้ำเมื่อเช้าพี่เขาก็ทำความสะอาดเอง เรียกให้ฉันช่วยพยุงออกมาอย่างเดียว
“ครับ เดินทางปลอดภัยนะ พี่สัญญาว่าจะอยู่เงียบ ๆ ไม่ให้ใครสงสัย”
“ค่ะ” ฉันคว้ากระเป๋าสะพายและเดินออกจากบ้าน ล็อกห้องลงกลอนประตูทุกบานเหมือนที่เคยทำ เพื่อที่ป้าจะได้ไม่สงสัย ฉันพยายามทำทุกอย่างให้เหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมา
ฉันเข้าเรียนตามปกติ พี่เปลวรุ่นพี่ต่างคณะยังคงตามตื๊อฉันเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ฉันนับถือในความอยากเอาชนะของเขาจริง ๆ และมองแล้วเขาก็ดูไม่ได้ชอบอะไรฉันมากมายนัก เพียงแค่อยากทำให้คนเห็นว่าในที่สุดก็จีบฉันติด
แต่ฉันคิดว่าพี่เปลวน่าจะเสียเวลาปีกว่าไปโดยไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะฉันไม่มีทางชอบผู้ชายแบบเขา
เวลา 14.02 น.
ฉันกำลังลงจากรถประจำทางหลังจากที่ไปเรียนกลับมาแล้ว และฉันแวะร้านขนมปังชานมเจ้าประจำ สั่งแบบที่เคยสั่ง และยืนรออยู่หน้าร้าน
ระหว่างนั้นฉันก็กดโทรศัพท์มือถือเล่นไปเรื่อย ๆ ไม่ได้สนใจรอบข้าง กระทั่งมีแรงกระตุกตรงกระโปรงนักศักษา ทำให้ฉันหันไปมอง
“ว่าไงคะน้อง” ฉันเอ่ยถามเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก ซึ่งเธอกำลังจับกระโปรงของฉัน
“เห็นคูมป๊าของหนูไหมคะ” เด็กผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยถาม เธอเริ่มน้ำตาเอ่อคลอ
“หลงกับพ่อเหรอคะ น้องจำเบอร์ของพ่อได้ไหม เดี๋ยวพี่โทรให้” ฉันย่อตัวนั่งลงตรงหน้าของหนูน้อย
“คูมป๊าหายไปค่ะ หนูคิดถึงคูมป๊า ฮือ ฮือ ฮือ…” รอบนี้หนูน้อยร้องไห้ด้วย
