บทที่ 6 เด็กมันร้าย - 5 ไม่เข็ด ? (คู่ซ้อม)

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป

หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันอยู่บ้านเพื่อทบทวนตัวเองและรักษาแผลที่เท้าจนหายดี

ที่ต้องทบทวนคือทบทวนความรู้สึก ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงชอบตุลมากขนาดนั้นและไม่เข้าใจว่าทำไมตุลถึงได้ตั้งท่ารังเกียจฉันขนาดนั้น

คำตอบที่ได้สำหรับฉันยังคงเหมือนเดิม มันคือรักแรกพบ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะถอดใจ หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันลองแล้วแต่ก็ยังวนเวียนคิดถึงแต่เขา ถึงแม้ว่าเขาจะร้ายกาจแถมยังเคยเกือบจะเขมือบฉันก็ตาม

“ไม่ออกไปอู่?” เฮียเฟยกำลังจะออกไปทำงานเห็นฉันอยู่ที่บ้านก็เลยเดินมาถาม

จริง ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกเฮียถามหรอก อาทิตย์ที่ผ่านมาเฮียถามฉันทุกวันว่าไม่ไปอู่เหรอ คงเป็นเพราะฉันไปบ่อยมาก ๆ พอไม่ไปเลยผิดปกติ

“จะให้หนูไปทุกวันเลยเหรอเฮีย”

“ก็เห็นไปทุกวัน”

“… ถ้าคนนั้นเขาถามแบบที่เฮียถามคงจะดี” ฉันพูดไปอย่างเหม่อลอย คนนั้นที่ว่าคือตุล การที่ฉันหายหน้าไปแบบนี้เขาจะคิดถึงบ้างหรือเปล่านะ เฮ้อ! ไม่ต้องเดาให้ยากหรอกคำตอบนี้ฉันรู้ดีในใจ

เฮียออกไปทำงานแล้วส่วนฉันก็นั่ง ๆ นอน ๆ มันรู้สึกเบื่อไปหมด อยากจะออกไปเจอหน้าตุลแต่ภาพนั้นยังติดตา กลัวจะมองหน้าไม่ติด แถมเขายังทิ้งความร้ายกาจไว้อีกด้วย

กริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเหม่ออยู่ พอได้ยินเสียงก็รีบหยิบโทรศัพท์มาดูว่าใครโทรมา

ค่อนข้างแปลกใจที่เห็นว่าเป็นเบอร์ของพ่อโทรมา เพราะปกติพ่อจะยุ่งแต่งาน และฉันก็พอจะเดาออกว่าพ่อโทรมาเพราะอะไร

“ค่ะพ่อ”

(อาทิตย์หน้าพ่อจะกลับไทย พ่อมีคนมาแนะนำให้ลูกรู้จัก…)

“อีกแล้วเหรอคะ” ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ นี่แหละที่ฉันรู้ทันว่าทำไมพ่อถึงโทรมา งานจับคู่คืองานหลักของพ่อเลยแหละ

ทุกครั้งที่ถูกจับคู่และพ่อนัดเดตให้ฉันก็มักจะทำตัวน่าเกลียด ๆ ให้เขาไม่อยากจะคุยด้วย เช่นกินซกมก พูดจากระโชกโฮกฮาก ใช้มือหยิบอาหาร จามไม่ปิดปาก นี่คือกริยาที่ฉันทำเวลาถูกจับให้เดตกับใครก็ไม่รู้ และมันก็ได้ผล พอผู้ชายพวกนั้นเห็นก็รีบเผ่นหนีไปทุกราย

(ทั้งพี่ทั้งน้องเมื่อไหร่จะแต่งงาน รู้ไหมว่าพ่ออยากอุ้มหลาน ตาเฟยก็ปฏิเสธไปแล้วลูกยังจะปฏิเสธพ่ออีกหรือไง) พ่อบอกเสียงเศร้า แต่ฉันไม่เชื่อหรอกพ่อของฉันน่ะเก่งยิ่งกว่านักแสดงอีกนะจะบอกให้

“หนูมีคนที่ชอบอยู่แล้วค่ะ เอาไว้จีบเขาติดเมื่อไหร่จะรีบพาเขาไปเจอพ่อแล้วจะรีบปั้มหลานให้พ่ออุ้มนะคะ บายนะคะเลิฟ ๆ พ่อค่ะ จุ๊บ” ฉันจุ๊บจอโทรศัพท์ก่อนจะกดวางสายไม่รอฟังว่าพ่อจะพูดอะไรต่อ

อุตส่าห์รับปากกับพ่อไปแล้วว่าจะพาคนที่ชอบไปเจอ ถ้ามัวแต่นอนอยู่ที่บ้านฉันจะพิชิตใจเด็กร้ายกาจอย่างตุลได้ยังไง

ฉันดีดตัวลุกขึ้นเมื่อคิดได้แบบนั้นก็รีบให้คนขับรถมาส่งที่อู่ของตุลทันที

#อู่ซ่อมรถ

พอเห็นตุลฉันก็ยิ้มหวาน นี่สิความสุขที่ขาดหายไปตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ดูท่าการเจอหน้าฉันมันจะไม่ใช่ความสุขของเขานะ

ฉันยังจำคำพูดของตุลได้ที่บอกว่า ‘ถ้าไม่อยากเจอแบบนี้อีกก็อย่ามาให้เห็นหน้า’

พอคิดถึงคำนี้ทีไรภาพเหตุการณ์นั้นมันก็ผุดขึ้นมาในหัวเหมือนเพิ่งผ่านไปแค่วันเดียวเอง ถึงจะกลัวและรู้สึกไม่กล้าประจันหน้าแต่ใจฉันมันไม่รักดีเอาแต่คิดถึงเขา

“มาทำไม?” ตุลถามแบบไม่สบอารมณ์อย่างทุกครั้ง

“พ… พี่มา มา” ฉันคิดหาข้ออ้างก่อนจะเหลือบไปเห็นรถตัวเอง “มาดูรถน่ะ”

ตุลเดินเข้าไปในอู่ ไม่นานเขาก็เดินออกมาพร้อมกับกุญแจรถแล้วโยนมาให้ฉันรับ แค่เอามายื่นให้ดี ๆ ก็ไม่ได้

“ไม่เจอหน้าตั้งหนึ่งอาทิตย์รู้ไหมว่าพี่…”

“ไม่เข็ด?” เขาถามไม่ใช่แค่คำพูดแต่กลับใช้สายตาจ้องมองมาที่หน้าอกของฉันไม่กะพริบ

เมื่อเจอสายตาแบบนั้นจ้องมองใบหน้าของฉันมันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที พยายามจะสู้กับความอายในใจตัวเองยังไม่พอ ยังจะต้องสู้กับสายตาแบบนี้ของตุลอีก

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะพี่ไม่อะไรแล้ว” ฉันแค่ไม่อยากเก็บมันมาคิด ถึงมันจะทำให้รู้สึกแย่ แต่ก็ชอบเขามาก ๆ ไปแล้วนี่

ฉันอยากจะลองปรับตัว เผื่อตุลจะยอมเปิดใจ ถึงไม่เปิดใจตอนนี้ขอแค่เขาไม่ใจร้ายอีก

“คือพี่รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่ทำตัวจุ้นจ้านมากเกินไป ต่อไปนี้พี่จะพยายามไม่…”

ตุลเดินมาใกล้ ๆ ทำให้ฉันต้องหยุดพูดและถอยหลังหนี แต่ยิ่งถอยเขาก็ยิ่งเดินมาใกล้ ๆ ในที่สุดฉันก็จนมุมแผ่นหลังมันติดกับฝากระโปรงรถ

“ถามว่าที่โดนไปไม่เข็ด? หรืออยากเจอของจริง” ไม่พูดเปล่า ตุลโน้มใบหน้าลงมาพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันระหร่างตัวของฉันไว้ ฉันต้องเอนตัวหนีเพราะอยู่ใกล้กันเกินไป

“ด… โดนอะไรเหรอ”

ตึกตัก! ตึกตัก! หัวใจมันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ชอบที่ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้ แต่ไม่ชอบสายตาเย็นชาคู่นั้นของเขาเลย

“เคยโดนแบบไหนมาบ้างก็น่าจะรู้ดีอย่าทำตัวใสซื่อ เห็นแล้วมันตลก”

“…” เขาคิดว่าฉันไม่บริสุทธิ์อยู่สินะ ตอนนั้นฉันกลัวขนาดไหนยังดูไม่ออกอีกหรือไง

“พี่ตุลคะ” เสียงของผู้หญิงเรียกชื่อตุล เขาหันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะผละตัวออกจากฉัน

ยัยผู้หญิงคนนั้นรีบวิ่งมากอดแขนตุลต่อหน้าฉัน ทำเหมือนมองไม่เห็นว่าฉันยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้!!

“ใครเหรอพี่ตุล?” เธอหันไปถามตุลว่าฉันเป็นใคร

“แค่คนเอารถมาซ่อม ไม่ได้รู้จักแบบส่วนตัว” เขาพูดออกมาอย่างเลือดเย็นทำเอาฉันจุกอก ไม่น่ามาเลยจริง ๆ นั่นแหละ มาให้ตัวเองช้ำใจเปล่า ๆ

แต่ถึงจะเจ็บจะจุกกี่ครั้งฉันก็มาหาเขาอยู่ดีแบบครั้งนี้ไง เฮ้อ

ยัยผู้หญิงคนนี้น่าโดนจิกหัวสักที ถ้ายังไม่เลิกใช้สายตาแบบนั้นมองฉันได้เห็นดีกันแน่!!

“รถเสร็จแล้วก็กลับไป หวังว่าจะไม่พังอีก” เขาทิ้งท้ายไว้เหมือนรู้ทัน ก่อนจะหันไปบอกผู้หญิงข้างกาย “กลับไปก่อนวันนี้ไม่มีอารมณ์”

“แต่…”

“บอกว่าไม่มีอารมณ์” เขากดเสียงต่ำบอกอีกครั้ง

ผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจที่ได้ยินคำพูดของตุลแต่เธอก็ยอมกลับไป พอเธอไปแล้วตุลก็เดินกลับมาหาฉัน

“ทำไมไม่กลับ หรือที่จริงแล้วก็อยากจะโดนแบบวันนั้นแค่แกล้งเล่นตัว?”

ฉันพยายามไม่สนใจคำพูดของตุล แล้วถามต่อ “ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นอะไรกับตุลเหรอ…”

“คู่ซ้อม” เขาตอบแบบไม่ต้องคิด

“…” คำตอบนั้นทำให้ฉันกัดริมฝีปากแน่น เขามันเสือผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างที่แพรว่าจริง ๆ

เด็กมันร้าย - 6 อยากมีตัวตนในสายตา

ฉันยืนเงียบอยู่นานสองนาน ส่วนตุลก็เอาแต่มองฉันจนเขาหันหลังเดินไปซ่อมรถต่อ

“พี่ขอนั่งอยู่ต่อสักพักนะ” ฉันตะเบ็งเสียงบอกตุลแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาจึงเดินมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนตัวเดิม

ผ่านไปครู่ใหญ่เห็นว่าตุลไม่ได้กินน้ำเลยฉันจึงถือวิสาสะเอาน้ำไปให้เขาเพราะความเป็นห่วง

“กินน้ำก่อนไหม”

“ไม่หิว” ไม่ต้องคิดอะไรมากหลังจากที่ฉันพูดจบเขาก็รีบตอบสวนกลับมา

“พี่เห็นตุลไม่ได้กินน้ำเลย…”

“ถ้าหิวเดี๋ยวเดินไปกินเอง”

ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ กับตุลที่กำลังซ่อมรถอยู่

“พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม” ฉันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง

“ไม่ว่าง”

“ไม่ว่างหรือเป็นเพราะพี่ตุลถึงไม่อยากคุยด้วย”

ตุลหยุดซ่อมรถแล้วหันมามองฉัน ก่อนจะพูด “รู้ขนาดนี้แล้วจะถามทำไม”

“… แค่อยากรู้เหตุผลว่าทำไมตุลถึงไม่ชอบพี่” ฉันถามคำนี้ออกไปจากความรู้สึกข้างในจริง ๆ ก็แค่อยากรู้เหตุผลที่เป็นเหตุผลจริง ๆ เท่านั้นเอง

“ไม่ชอบคือไม่ชอบ ต้องมีเหตุผล?” เป็นคำตอบที่เลือดเย็นทำให้ฉันเจ็บจนจุกไปทั่วทั้งอก

“นั่นสินะ ไม่ชอบแล้วทำไมต้องมีเหตุผล” ฉันทวนคำพูดของตุลเบา ๆ แล้วถามต่อ “ถ้าไม่ชอบแล้วทำไมถึงชอบพูดถึงเรื่องบนเตียงกับพี่ด้วย”

“พูดเรื่องบนเตียงแปลว่าชอบ?” คิ้วหนาเลิกขึ้นตั้งคำถามกับฉัน

“มันก็ต้องมีความรู้สึกบ้างสิ”

“มีไม่มีก็ขึ้นเตียงได้ทั้งนั้น” เขาตอบอย่างไม่คิดอะไรมากราวกับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

“ถ้าพี่ได้ขึ้นเตียงกับตุล… จะมีตัวตนในสายตาบ้างหรือเปล่า” ฉันเคยถามเรื่องแบบนี้แล้วและก็อยากจะรู้คำตอบอีกครั้ง

“ถามเพื่อ?”

“ตอบมาสิ”

“ถ้าอยากรู้ก็ลองดูเอง”

“… พี่จะได้เป็นแค่คู่ซ้อมหรือเปล่า” ตุลไม่ตอบอะไรฉันจึงถามต่อ

“ถ้าขึ้นเตียงแล้ว… ตุลจะลืมผู้หญิงที่อยู่ในใจได้ไหม” คำถามนี้ทำให้ตุลจ้องฉันเขม็ง เขาทิ้งอุปกรณ์ซ่อมรถแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ไม่มีวัน” เขาตอบอย่างเลือดเย็นอีกครั้งก่อนจะเดินหนีไป

ที่ถามทั้งหมดเป็นเพราะฉันลังเล อยากจะลองข้ามผ่านเรื่องนี้ดู บางครั้งถ้าเรามีอะไรกันเขาอาจจะสนใจฉันมากกว่า เพราะตอนนี้เขาไม่สนใจฉันเลย

#บ้าน

หลังจากกลับมาจากอู่ฉันก็สั่งให้คนใช้ในบ้านเอาเหล้ามากให้บนห้อง นั่งดื่มตั้งแต่กลับมาจนตอนนี้สองทุ่มกว่า ๆ

สมองของฉันมันเอาแต่คิดวกวนอยู่แต่เรื่องที่คุยกับตุล ทั้งที่รู้ว่าเขาก็แค่อยากจะได้แต่ทำไมฉันถึงอยากเสนอตัวให้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่คิดจะทำ

ปัก! ฉันวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋ากับกุญแจเดินออกมาจากห้อง เวลานี้เฮียเฟยไม่อยู่เพราะต้องไปดูแลคลับ

“คุณลิลจะไปไหนครับ” ในขณะที่กำลังเดินออกจากบ้านลูกน้องของเฮียก็รีบโผล่มาถามฉัน

“ไปธุระ… อาจจะไม่กลับมานอนที่บ้านนะคืนนี้ ถ้าไม่เห็นกลับมาก็ฝากบอกเฮียด้วย” พูดจบฉันก็รีบเดินบึ่งไปที่รถ เมื่อแอลกอฮอล์พลุกพล่านในร่างกายฉันก็มีความกล้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

#อู่ซ่อมรถ

ฉันมาถึงอู่เกือบจะสามทุ่ม คิดว่าตุลจะนอนแล้วแต่ตอนนี้เขานั่งดื่มอยู่กับเพื่อนหนึ่งคน คนที่ใจดี ๆ จะไปเรียกแท็กซี่ให้ฉันตอนนั้น

พอตุลหันมาเห็นรถฉันจอดอยู่เขาก็ทำหน้าหงุดหงิดแบบเดิม ฉันถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาหาตุลที่กำลังนั่งดื่มกับเพื่อน

“พี่ขอคุยด้วยหน่อยตุล”

“ดึก ๆ แบบนี้มีเรื่องจะคุยจนต้องขับรถมาหาที่อู่?” ตุลถาม เพื่อนของเขาที่นั่งอยู่เงียบไม่พูดไม่จาอะไร

“… ไปคุยกันในห้องได้ไหม”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป