บทที่ 4 เด็กดื้อ - 3 ให้ท่า
#กลับมาที่บ้าน
พอพี่ลีวายมาส่งฉันแล้วเขาก็กลับรถออกไปอีก ไม่รู้ว่าไปไหนเพราะตลอดทางเราไม่ได้คุยกันเลยสักคำ
“ไอ้ลูกชายตัวดีของฉันมันไปไหนอีก” พอฉันเดินเข้ามาในบ้านคุณท่านก็ถามทันที “ไม่รู้ค่ะ”
“ชอบทำให้ฉันปวดหัวอยู่เรื่อย!!”
“พี่ลีวายเพิ่งกลับมาจากคาสิโน วันนี้หนูเห็นเขาตั้งใจทำงาน
มากเลยนะคะ” ฉันบอกเพื่อให้คุณท่านสบายใจ แต่สมองมันดันคิดถึงภาพบ้า ๆ นั่น
“เรียนเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ”
ฉันรีบเดินหนีคุณท่านมาที่เรือนเล็ก ฉันกับแม่อาศัยอยู่ที่
เรือนเล็กหลังนี้ เป็นชื่อเรียกที่พักของคนรับใช้ จะเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ
ที่ถูกสร้างแยกออกมาจากตัวคฤหาสน์หลังใหญ่
คุณท่านเคยบอกให้ฉันย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในคฤหาสน์
แต่ฉันไม่สามารถทำตามประสงค์ได้ ถึงแม้จะรู้ดีว่าคุณท่านเอ็นดูตัวเองขนาดไหน เหตุผลก็เพราะไม่อยากถูกพี่ลีวายเข้าใจผิด แค่นี้เขาก็มอง
ฉันไม่ดีแล้ว
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
ตั้งแต่วันนั้นพี่ลีวายไม่กลับบ้านเลย ทำให้คุณท่านร้อนใจมาก จึงให้ฉันมาตามที่คอนโดเพราะวันนี้ไม่มีเรียน
พี่ลีวายเป็นแบบนี้บ่อยเขาไม่ชอบกลับบ้าน อาจเป็นเพราะ
ไม่อยากเจอหน้าฉัน
นั่งรถมาไม่นานก็มาถึงที่คอนโดหรูที่พี่ลีวายพักอยู่ ฉันรู้เพราะเคยมาตามเขาบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยอยากมาเลย เพราะรู้ดีว่าจะเจอคำพูดแบบไหน
มาถึงห้องสำหรับ VIP ฉันใช้คีย์การ์ดที่คุณท่านให้สแกนด้านหน้าประตูแล้วเปิดเข้ามาในห้อง ก่อนจะผงะเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่ถูกถอดไว้แล้วพาดบนโซฟา แถมยังมีขวดเหล้าอยู่เกลื่อนห้อง
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะจัดการทำความสะอาดห้องให้ พลางคิดสงสัยว่าคอนโดหรูขนาดนี่ไม่มีแม่บ้านเลยหรือไง ทำไมห้องถึงได้รกขนาดนี้
กว่าจะทำความสะอาดเสร็จก็กินเวลาไปหนึ่งชั่วโมง จากนั้น
ฉันก็เปิดประคูห้องนอนเข้าไปเพื่อจะปลุกพี่ลีวาย
“พี่ลี…” ดวงตาทั้งสองข้างของฉันเบิกกว้างพร้อมกับเสียง
ที่ขาดหายไป เมื่อเห็นร่างหนานอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง
รอยสักบนแขนและบนแผ่นหลังนั้นมันทำให้พี่ลีวายดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เขาดูน่าค้นหาและน่าดึงดูด
“หยุดเต้นแรงได้แล้ว” ฉันยกมือขึ้นมาทาบบนหน้าอกของตัวเองแล้วพูดปรามหัวใจที่กำลังเต้นแรงไม่ยอมหยุด
กว่าจะทำใจปลุกได้ก็ผ่านไปแล้วสิบนาที ฉันค่อย ๆ นั่งลงบนเตียงใกล้ ๆ ร่างหนาที่นอนหลับ ก่อนจะเอามือเขย่าเบา ๆ
“พี่ลีวาย พี่ลีวายคะ”
“อื้อ” น้ำเสียงอู้อี้ในลำคอที่ตอบกลับมาทำให้ฉันหวั่นไหวเอามาก ๆ
“คุณท่านให้มาตามค่ะ”
“ใคร”
“มิลินเองค่ะ”
รู้ดีถ้าพี่ลีวายตื่นมาแล้วเห็นหน้าฉันเขาจะเป็นยังไง เขาคง
ไม่พอใจและสาดคำพูดร้าย ๆ ใส่ แต่ไม่รู้ทำไมทั้งที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นออกจะบ่อย ฉันก็ยังเสียใจทุกครั้ง
“พี่ลีวาย… อร๊าย!!”
จู่ ๆ พี่ลีวายก็ยกแขนแกร่งขึ้นมาทับบนอกฉันแล้วกดให้นอนราบ บนเตียง
ตึกตัก! ตึกตัก! ตอนนี้หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวยิ่งกว่าเดิม
ฉันได้แต่นอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับข้าง ๆ กับร่างหนา
“พะ... พี่ลีวาย…”
“อื้อ หนวกหู!!” ขนาดหลับอยู่ยังดุได้เลย
ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ พลิกตัวตะแคงมองใบหน้าคมคาย คนอะไรก็ไม่รู้ขนาดตอนหลับยังหล่อเป็นบ้าเลย
เพราะไม่สามารถห้ามตัวเองได้ มือของฉันมันยกมาจับหน้า
ของพี่ลีวายเองตามความรู้สึก
“เลิกเกลียดมิลินไม่ได้เหรอคะ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงปนเศร้า
มันเจ็บปวดมากเลยนะที่เห็นคนที่ตัวเองชอบเกลียดเราขนาดนี้
“มิลินผิดมากเลยใช่ไหม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจพี่ลีวายสักอย่าง”
“มิลินชอบ…” น้ำเสียงของฉันขาดหายไปพร้อมดวงตา
ที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าลืมตาขึ้น
“เอ่อคือคุณท่านให้มาปลุกค่ะ”
พูดแล้วฉันก็รีบหยัดตัวขึ้น แต่ทว่าถูกกดให้นอนลงมาอีกครั้ง จากนั้นพี่ลีวายก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมด้านบนพร้อมกับรวบมือทั้งสอง
ของฉันขึ้นมาขรึงตรึงไว้เหนือศีรษะ
“0_0” หัวใจของฉันในตอนนี้มันเต้นรัวมาก ๆ
“มาที่นี่ทำไม” คนด้านบนเอ่ยถามเสียงแข็ง สายตาและสีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจ
“คุณ… ท่านสั่ง”
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าห้ามเธอมาที่นี่!!”
“…” ครั้งก่อนที่ฉันมาก็ถูกดุแบบนี้ แต่จะทำไงได้ในเมื่อมัน
เป็นคำสั่งของคุณท่าน
“ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะจำ” พี่ลีวายเว้นคำพูดแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ จนสัมผัสได้ถึงไอร้อนของลมหายใจ
“มะ... มิลิน…”
“หรือว่าที่เธออยากมา เพราะหวังอย่างอื่น?”
“คะ?”
“ตั้งใจมาให้ท่าฉันถึงที่ห้อง คงอยากจะเป็นเมียฉันจนตัวสั่น”
“ไม่ใช่นะคะ” ไม่รู้ทำไมความคิดของพี่ลีวายที่มีต่อฉันมันถึง
ติดลบมากขนาดนี้
“ไม่ใช่แล้วขึ้นมานอนบนเตียงของฉันทำไม?”


































































































