บทที่ 6 Diffuser Love หอมกลิ่นรัก 6
Diffuser Love หอมกลิ่นรัก 6
หลายวันผ่านไป...
บ้านที่เคยเงียบเหงาเริ่มจะกลับมามีสีสันอีกครั้ง เมื่อน้องชายบอกว่าจะกลับมาทำโพรเจกต์จบที่บ้าน โดยเจ้าตัวแสบของฉันจะพาเพื่อน ๆ ของเจ้าตัวมาด้วย ซึ่งฉันก็ยินดี เพราะเข้าใจว่าคอนโดฯ ของน้องอาจจะคับแคบเกินไปในการทำโพรเจกต์ร่วมกับเพื่อน แต่ถ้ากลับมาที่บ้าน ก็จะมีทั้งสนามหญ้าหน้าบ้านและข้างบ้าน หรือแม้แต่ห้องนั่งเล่นให้ใช้ทำงาน ความสะดวกสบายนั้นแตกต่างกันมากเลยทีเดียว
และนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันให้คนเข้ามาทำความสะอาดบ้านรอการกลับมาของน้องชายตั้งแต่เช้า พอสายหน่อยก็ต้องออกไปทำงาน วันนี้มีเทสกลิ่นที่โรงงานของเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นสินค้าที่จะปล่อยในเดือนธันวาคม ฉันวางแผนว่าจะขายเครื่องหอมทั้งแบบขวดแยกและบ็อกซ์เซตสเปเชียล ซึ่งแน่นอนว่ามีจำนวนจำกัดเหมือนเคย
“ป้ากระถินคะ ถ้าคาร์โลว์มาถึง รบกวนทำอาหารให้เด็ก ๆ ด้วยนะคะป้า”
“ได้ค่ะคุณกัลป์ มื้อเที่ยงให้ป้าทำไปส่งที่ร้านไหมคะ?”
“ขอบคุณค่ะป้า แต่ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ หนูมีงานข้างนอกทั้งวันเลย แต่จะกลับมากินมื้อเย็นนะคะ” ฉันบอกป้าแม่บ้านที่จ้างมาทำงานบ้านในบ้านหลังใหญ่ของเรา ท่านไม่ได้พักที่นี่หรอก จะมาทำงานแค่ตอนกลางวันแล้วก็กลับตอนห้าโมงเย็น
“ได้ค่ะ แล้วเย็นนี้คุณกัลป์อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”
“...อืม ไม่มีเลยค่ะป้า ฝากป้าถามคาร์โลว์ด้วยนะคะว่าอยากกินอะไร ถ้าไม่มีก็จัดเมนูที่มีของในตู้เย็นทำได้เลยค่ะ” บอกป้าแม่บ้านขณะที่กำลังเช็กตัวเองในกระจกบานใหญ่ก่อนออกจากบ้าน เราพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่ฉันจะเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถ มุ่งตรงไปยังโรงงานของเพื่อนสนิท
การจราจรตอนสายยังคงติดขัดไม่ต่างจากช่วงเวลาเร่งรีบของเหล่าพนักงานออฟฟิศ จังหวะรถติดไฟแดงอยู่นั้นก็เปิดเพลงฟังเบา ๆ ไม่ได้หงุดหงิดที่รถติด เพราะฉันเผื่อเวลาเดินทางก่อนถึงเวลานัดเกือบหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ถ้าถึงก่อนก็คงจะแวะดื่มกาแฟสักแก้วแล้วค่อยเข้าไปคุยงานกับเพื่อน
“...” รถยังไม่ทันเคลื่อนที่ รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็ขับมาจอดข้าง ๆ เตรียมจะเลี้ยวขวา ส่วนฉันต้องขับตรงไปข้างหน้าอีกหน่อย บิ๊กไบก์คันใหญ่สีดำตัดน้ำเงินดูดุดัน ถูกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่ได้เพิ่มลวดลายกราฟิกอะไร คนขับสวมชุดหนังสีดำ กางเกงยีนสีเข้ม และหมวกกันน็อกสีเดียวกับตัวรถ ราวกับสีดำคือเอกลักษณ์ประจำตัวของเจ้าของรถคันนี้ก็ไม่ปาน
ฉันได้แต่ชื่นชมรถและเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนั้น กระทั่งสัญญาณไฟเปลี่ยนสีถึงได้ตั้งใจขับรถอีกครั้ง รถมอเตอร์ไซค์คันสวยเลี้ยวออกไปทางขวาอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ ด้วย และนั่นจึงทำให้ฉันตกตะกอนความคิดได้อีกหนึ่งอย่าง คือทุกคนล้วนมีทางเดินเป็นของตัวเอง...ไม่จำเป็นต้องเดินตามใครถ้าเรามีจุดหมายปลายทางเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
ก่อนถึงเวลานัดสี่สิบนาที ฉันแวะร้านกาแฟ สั่ง Iced Caramel Macchiato ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว และลาเต้เย็นให้เพื่อนอีกหนึ่งแก้ว พร้อมกับขนมไปฝากเพื่อนและทีมงานที่ช่วยออกแบบกลิ่นก้านไม้หอม รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับเซตสเปเชียลปลายปีนี้
โรงงานผลิตเครื่องหอมตั้งอยู่เบื้องหน้า ส่วนออฟฟิศมีพนักงานเดินเข้าออกขวักไขว่ ที่นี่ไม่ใช่แล็บผลิตหรือทดสอบกลิ่น แต่เป็นพื้นที่สำหรับรับรองลูกค้าเพื่อคุยงานหรือตกลงรายละเอียดต่าง ๆ ถามว่ารู้ได้ยังไง? ก็เพราะเพื่อนฉันเล่าให้ฟังนั่นแหละค่ะ
“รอนานไหม?” ทันทีที่เจอหน้าเพื่อนสนิทก็ส่งถุงกาแฟและถุงขนมที่ตั้งใจซื้อมาฝากให้ทันที
“นานอะไร แกมาก่อนเวลาอีก พนักงานฉันเลิ่กลั่กหมดละ” ชื่นใจ หนึ่งในสองเพื่อนสนิทของฉันเอ่ยแซวเมื่อได้ยินฉันถามออกไปแบบนั้น
“รถติดไง เลยอยากรีบมา กินอะไรหรือยัง? ฉันซื้อแซนด์วิชมาให้ด้วยนะ” ระหว่างที่เดินไปเข้าลิฟต์พร้อมกับเพื่อนสนิท ฉันก็ชวนคุยไปเรื่อย ๆ เพราะยังมีเวลาเหลืออีกนานกว่าจะถึงเวลานัด ชื่นใจจึงพาฉันเข้าไปนั่งที่ห้องประชุมของออฟฟิศก่อน โดยมีเลขาของอีกฝ่ายมานั่งเป็นเพื่อน แต่ไม่ใช่นั่งเฉย ๆ หรอก เพราะเลขาของชื่นใจกำลังจัดการตารางงานให้เพื่อนฉันอยู่น่ะ ขยันจริงเชียว
“โอ๊ะ คนนั้นหล่อมาก!” ชื่นใจที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ถึงกับรีบกลืนเครื่องดื่มลงคออึกใหญ่ก่อนจะเอ่ยประโยคข้างต้น นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังทีวีจอใหญ่ท้ายห้องประชุมที่เปิดข่าวธุรกิจค้างไว้
“หือ? เหรอ...แต่แกเห็นใครก็หล่อหมดอะ” แกล้งแซวเพื่อนอย่างไม่คิดอะไร
“ไม่แก คนนั้นหล่อจริง แบบมีแต่คนอยากเข้าหาอะ” ได้ยินเพื่อนชมบุคคลที่สามขนาดนั้น ฉันจึงต้องยอมหันไปมองคนที่อยู่บนหน้าจอทีวี แม้ภาพบนจอจะเป็นแค่รูปครึ่งตัว แต่ก็เห็นชัดว่าอีกฝ่ายเป็นชาวต่างชาติหรือไม่ก็ลูกครึ่ง เพราะหน้าติดจะออกไปทางยุโรปพอสมควร
“พวกนางแบบ ดาราอยากเข้าหาเยอะเลยนะ” ชื่นใจยังเอ่ยต่อ แต่สายตาและมือกลับมาสนใจของว่างที่อยู่ตรงหน้าแทน
“แล้วแกไปรู้จักเขาได้ยังไง?”
“แหม ก็เขาขึ้นหนึ่งในห้าผู้มีอิทธิพลอะ ฉันก็ต้องเคยเห็นข่าวบ้างสิ แล้วนี่ได้ข่าวว่าจะมาทำธุรกิจที่ไทยด้วยนะ มีคนสนใจอยากร่วมลงทุนเยอะมาก แต่คุณเขายังไม่เปิดให้ร่วมลงทุนน่ะ...” ฉันนั่งฟังเพื่อนเล่าถึงคนในข่าวสักพัก แล้วก็กลับเข้าสู่โหมดทำงาน เพราะถึงเวลานัดหมายพอดี ทีมงานของชื่นใจเข้ามาที่ห้องพอดี ระหว่างที่ฟังรายงานจากทีมที่ทำการผสมกลิ่นให้ ฉันก็จิบน้ำไปด้วย จนกระทั่งได้ลองดมกลิ่นที่ถูกผสมออกมาทั้งหมดห้าชนิด
“อื้อ! กลิ่นนี้แหละ ใช่เลย” หยิบกลิ่นเบอร์สามส่งให้หัวหน้าทีมที่ดูแลการผสมกลิ่นในครั้งนี้ กลิ่นนั้นให้ความรู้สึกเย็น ๆ แต่มีกลิ่นอายอบอุ่นเหมือนแสงแดดยามเช้า พร้อมกับความหอมละมุนเหมือนจิบเครื่องดื่มในวันที่อากาศหนาว กลิ่นนี้ทำให้ฉันนึกถึงการได้สวมเสื้ออุ่น ๆ ในวันหนาว ๆ มันตรงกับความรู้สึกนั้นทุกอย่างเลย ฉันชอบมาก
“ขอบคุณนะคะ” จากที่ทำหน้ากังวลตอนที่ฉันดมกลิ่นแต่ยังไม่ตรงใจ เมื่อบอกไปว่าชอบกลิ่นนี้และตรงกับที่ต้องการ พนักงานก็ยิ้มกว้างโล่งอกกันเสียยกใหญ่
“แล้วกลิ่น วินเทอร์สลิปล่ะ?” ชื่นใจถามต่อ หลังจากที่ฉันตกลงใช้กลิ่นเบอร์สามเป็นกลิ่นสเปเชียลของร้าน และต้องสั่งผลิตล็อตใหญ่ เพราะนอกจากจะทำเป็นก้านไม้หอมขายช่วงหลังปีใหม่แล้ว ฉันยังต้องนำมาวางจำหน่ายต่อหลังจากนั้นด้วย
“เลือกแล้ว ๆ ใช้เบอร์ห้านะ”
“โอเคค่ะคุณกัลป์ แล้วที่แขวนรถยนต์จะใช้เป็นกลิ่นไหนบ้างเหรอคะ?” หัวหน้าทีมถามต่อหลังจากตอบตกลงเรื่องกลิ่นสเปเชียลแล้ว ซึ่งกว่าจะคุยงานและตกลงเรื่องจำนวนการผลิตได้ ก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่เมื่อได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ฉันก็พร้อมที่จะนั่งคุยกับทีมงานต่ออย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลย
ใช้เวลาคุยงานกันสักพักใหญ่ก็เสร็จสิ้น พอถึงเวลาพักเที่ยงฉันก็ไปกินข้าวกับชื่นใจ จากนั้นก็กลับไปที่ร้านเพื่อทำงานของตัวเองต่อ เรียกได้ว่าในหนึ่งวันฉันทำงานหลายหน้าที่หลายตำแหน่งเลยทีเดียว











































































