บทที่ 7 Diffuser Love หอมกลิ่นรัก 7

Diffuser Love หอมกลิ่นรัก 7

“กินข้าวหรือยังคะเนี่ย” เมื่อเปิดประตูร้านเครื่องหอมเข้าไปก็ไม่ลืมเอ่ยถามพนักงานทั้งสองคนที่กำลังยืนเช็ดตู้โชว์เครื่องหอมและนั่งแพ็กออร์เดอร์สินค้าอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน

“เรียบร้อยค่ะคุณกัลป์”

“โอเคค่ะ แล้วนี่พี่นิดาอยู่ไหนคะเนี่ย?”

“พี่นิดากำลังโทร. สัมภาษณ์พนักงานอยู่ค่ะ” พี่จิ๊บตอบพร้อมหันไปส่งยิ้มและทักทายลูกค้าที่เปิดประตูร้านเข้ามาอย่างรู้จังหวะ

ฉันพยักหน้ารับคำตอบนั้น ก่อนจะหันไปยิ้มให้ลูกค้าแล้วส่งซิกให้พี่จิ๊บเข้าไปดูแล จากนั้นเดินไปเช็กออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งซื้อออนไลน์เข้ามาและช่วยแพ็กของใส่กล่องพัสดุอย่างแน่นหนา เตรียมส่งให้ลูกค้า วันนี้มีเกือบสี่สิบกล่องเลยทีเดียว ระหว่างที่นั่งแพ็กของก็ยังมีออร์เดอร์เข้ามาไม่ขาดสาย

“อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะคุณกัลป์” นั่งแพ็กของอยู่นานเกือบหนึ่งชั่วโมง เสียงพี่นิดาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง และคงจะตกใจที่เห็นฉันนั่งอยู่ตรงนี้

“สักพักใหญ่แล้วค่ะ พี่นิดาสัมภาษณ์พนักงานใหม่อยู่ไง หนูเลยไม่ขึ้นไป กลัวเขินอะ” บอกพี่ผู้ช่วยอย่างเขินอาย คนที่ได้ยินคำตอบนั้นถึงกับหัวเราะออกมาเบา ๆ

“อายอะไรกันคะ แล้วนี่กินข้าวมาหรือยังให้พี่สั่งให้ไหม?” ผู้ช่วยที่เหมือนพี่สาวของฉันเอ่ยถามอย่างใส่ใจ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้รับการดูแลจากพี่นิดาอย่างดีเลยสินะ

“เรียบร้อยแล้วค่ะ นี่ว่าจะเคลียร์ออร์เดอร์ไปพลาง ๆ”

“โอเคค่ะ แต่พี่นี่แหละที่ยังไม่ได้กิน ยังไงเดี๋ยวพี่กลับมาช่วยนะคะ” พี่นิดาตอบรับด้วยรอยยิ้มแล้วเดินออกห่างไปยังโซนด้านหลังร้าน

“จ๊ะเอ๋!” เสียงทุ้มเอ่ยทักพร้อมกับชะโงกหน้าเข้ามาตรงหน้า ทำเอาฉันสะดุ้งเอนหลังหลบทันที ท่าทางขี้ตกใจของฉัน ทำให้น้องชายหัวเราะออกมาอย่างชอบใจเมื่อแกล้งพี่สาวได้สำเร็จ

“ตกใจหมดเลย มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ฉันรีบถามเขาอย่างตกใจ ไหนบอกจะเข้ามาเย็น ๆ นี่ยังไม่บ่ายสามเลยนี่?

“เรียนเสร็จเร็วครับเลยมาก่อน เดี๋ยวห้าโมงเย็นเพื่อนจะตามมาครับ” น้องชายเอ่ยบอกก่อนจะเดินอ้อมมานั่งข้างฉันที่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน เมื่อเห็นฉันกำลังแพ็กของ ก็นั่งลงช่วยทำโดยไม่ต้องรอให้ฉันร้องขอความช่วยเหลือ

“หยุดไปทำงานกันกี่วันล่ะ?” ฉันถามเขาขณะที่มือยังแพ็กของอยู่

“สองสามวันเลยครับ มีเรียนวันอังคารอะ แต่คงจะรีบทำให้เสร็จแล้วค่อยกลับคอนโดฯ กันครับ” คาร์โลว์หนุ่มนักศึกษาวัยยี่สิบสองปีกับโพรเจกต์จบของเขานั้นดูหนักหนาอยู่ไม่น้อยเลย

“ไหวหรือเปล่าล่ะ ฮึ?” ระหว่างที่หยิบกล่องก้านไม้หอมพันใส่แผ่นกันกระแทกเตรียมแพ็กใส่กล่อง ก็ไม่ลืมเอ่ยถามน้องชายด้วยความเป็นห่วง

“ไหวครับ แต่อีกนิดจะเป็นบ้าแล้ว”

“แน่ะ พูดไปเรื่อยเลย”

“ก็จริงอะ แล้วของนี่เอาไปส่งที่ร้านตรงมุมอาคารใช่ไหมครับ?”

“ใช่ค่ะ”

“โอเค เดี๋ยวผมขนไปให้เอง”

“ขอบใจนะ ใจดีจริง ๆ” เราสองพี่น้องนั่งแพ็กของสักพักจนถึงเวลาปิดร้าน ทุกคนช่วยกันทำความสะอาด และคาร์โลว์ก็ขนพัสดุไปยังร้านขนส่งที่เช่าอาคารของฉันบริเวณห้องแรกสุด ระหว่างนั้นฉันก็บอกให้พนักงานกลับไปพักผ่อนหลังจากทำงานหนักกันมาทั้งวัน ถึงแม้ทุกคนจะเกรงใจมาก แต่ฉันก็ยังยืนยันว่าให้ทุกคนกลับบ้านก่อนได้เลย

บทก่อนหน้า
บทถัดไป