บทที่ 2 909
“ยัยนี่ตัวหนักชะมัด ชิ!” ซอลลี่ปัดมืออย่างรังเกียจเมื่อโยนร่างบางลงบนเตียงเรียบร้อย เธอมองยิหวาที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง “หมอนั่นมาหรือยัง?”
“อยู่ที่คลับด้านล่างแล้ว เดี๋ยวก็ขึ้นมา ทิ้งมันไว้นี่แหละ”
“ก็ดี แล้วคีย์การ์ดล่ะ?”
“หมอนั่นมีใบหนึ่ง นี่อันสำรอง ฉันยืมไว้ เอาไปคืนก็จบล่ะ” คีย์การ์ดสีขาวในมือที่มีตัวเลข 909 ติดอยู่ถูกแกว่งไปมา ยิหวาปรายตามองร่างบางไร้สติบนเตียง สายตาเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง “ความผิดของเธอเองนะสายขิม เพราะเธอขวางหูขวางตาฉันเกินไป อย่าโทษฉันล่ะ ถือว่านี่คือการแก้แค้นก่อนจากแล้วกัน”
ยิหวามักเป็นที่หนึ่งเสมอทั้งหน้าตาและฐานะ มีเพียงการเรียนเท่านั้นที่ไม่ว่าเธอจะพยายามยังไงก็ยังทำได้แค่ที่สอง พ่อของเธอเป็นถึงประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ มีหน้ามีตาในสังคม ไม่ว่าจะด้านไหนเธอก็ทำได้ดีมาตลอด แต่ผลการเรียนกลับไม่เป็นที่น่าชื่นชม ถ้าหากไม่มีสายขิม ผลการเรียนอันดับหนึ่งคงเป็นของเธอไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ
“ไปเหอะ บายนะยัยเด็กเนิร์ดสมควรตาย ฮึ!” ซอลลี่คลี่ยิ้มร้ายใส่ร่างบนเตียง ทั้งสองเดินออกจากห้องไปพร้อมประตูที่ปิดลงและชีวิตที่พังทลายของสายขิม
ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของเธอ
.
.
.
ปึก!
แกร็ก!
“เวรเอ๊ย…” เสียงเมามายเจือหัวเสียดังจากริมฝีปากหนาที่ยังคาบมวนบุหรี่อยู่ ดวงตาคมกริบดุจสัตว์ป่าจ้องร่างสูงของคนที่เดินมาชนเขาอย่างไม่กลัวตาย
“เฮ้ย! วอนตีนเหรอวะ!” น้ำเสียงเข้มกระชากถามจากด้านหลัง ลมวูบหนึ่งผ่านร่างเขาไปพร้อมกับร่างหนาตรงหน้าที่ปลิวไปติดผนัง เจ้าของการกระทำสุดห่ามยืนหันหลังยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบบนอกชายคนนั้น “ชนเฮียเสือนี่คืออยากตาย?”
“อั่ก…!” แรงกดปลายเท้าเพิ่มขึ้น ชายผู้เคราะห์ร้ายถึงกับตาสว่างสร่างเมาทันที “ขะ ขอโทษครับ อั่ก!”
“ถ้าขอโทษแล้วหายจะมีตำรวจไว้ทำเหี้ยไรครับ” อีกเสียงหนึ่งกดต่ำถามก่อนตามมาด้วยร่างสูงในชุดสีขาวตั้งหัวจรดเท้า มาดของเขาคล้ายเทวดาขัดกับรอยยิ้มปีศาจบนใบหน้าสิ้นเชิง
“เอาไงกับมันดีล่ะเฮีย” กวิน เจ้าของฝ่าเท้าที่ยังกดบนอกชายบนพื้นหันมาถาม เรือนผมสีเพลิงโดดเด่นในความมืด ดวงตาโหดเหี้ยมทอประกายสนุกผิดกับสถานการณ์
“…” คนถูกถามเพียงปรายตามองอย่างหมดอารมณ์จะใส่ใจ วันนี้เขาดื่มไปค่อนข้างหนัก รู้สึกได้ถึงความเดือดพล่านของเลือดในตัว
“เฮียเสือ จะเอาไง”
ร่างสูงถอนใจหนัก ๆ ก้มเก็บคีย์การ์ดของตัวเองที่โดนชนจนตกขึ้นมาใส่กระเป๋ากางเกง เขาไม่อยากเสียเวลาจึงสะบัดมือเป็นเชิงสั่งว่าปล่อยมันไป ฝ่าเท้าถูกยกออกอย่างไม่เต็มใจนัก ชายคนนั้นรีบลุกขึ้นเก็บของบนพื้นแล้ววิ่งลนลานหนีไปท่ามกลางสายตาคุกรุ่นของชายผมสีเพลิง
คนกำลังอยากมีเรื่องแท้ ๆ น่าเสียดายจริง…
“พวกมึงกลับไปได้ล่ะ”
“โอ้โห… พอจะได้กินเหยื่อก็ไล่เลยนะเฮีย”
“หรือมึงจะกินด้วย?” คิ้วหนาเลิกนิด ๆ มองรุ่นน้องที่เดินตามมาจากไนต์คลับของโรงแรม
“ว่าแต่อยู่ห้องไหนเหรอครับ เธอได้บอกไหม?” เร็น หนุ่มชุดขาวขมวดคิ้วถาม สายตามองไปทางลิฟต์
“ห้อง 606 มั้ง...” คำตอบของเขา ทำสองหนุ่มถอดถอนใจพร้อมกัน
“ดูใหม่อีกทีเถอะครับ” น้ำเสียงระอาเอ่ยแนะ
“ทำไม? พวกมึงคิดว่าคนอย่างเสือพยัคฆ์จะจำผิด?”
“ก็เพราะเป็นเสือพยัคฆ์นี่แหละ”
“น่าห่วงสุด ๆ เลยครับ”
รังสีอันตรายแผ่กระจายมาจากร่างสูงเจ้าของนาม เสือพยัคฆ์ เขาปรายตามองรุ่นน้องคู่ใจทั้งสองด้วยสายตาเชือดเฉือน กล้ามากที่ดูถูกเขา
“งั้นเอาไปดูเอง!” คีย์การ์ดสีขาวถูกล้วงจากกระเป๋าโยนใส่มือกวินที่ยกขึ้นตวัดรับ เขาชะงักพลางถอนใจอีกรอบ
“นี่มันห้อง 909 ต่างหากล่ะเฮีย จริง ๆ เล้ย!”
“…” เสือพยัคฆ์หลุบตาลง คิ้วเรียวขมวด เขามองผิดเหรอวะ…
“งั้นชั้นเก้านะครับ เชิญ” ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อกดชั้นเก้าเสร็จ เร็นจึงเดินออกมาแล้วผายมือให้เสือพยัคฆ์เดินเข้าไป ร่างสูงเซเล็กน้อยแต่ก็ยังทรงตัวเดินเข้าลิฟต์
“เฮียเดินไหวไหมเนี่ย ชักห่วง”
“ไม่ต้องเสือกทุกเรื่องก็ได้ กูไม่ได้เมาขนาดนั้น”
“คร้าบ ๆ งั้นขอให้กินเหยื่ออย่างเอร็ดอร่อยนะเฮีย เนื้อนมไข่เบอร์นั้น รองรับเสือกินดุอย่างเฮียได้ยันเช้าแน่นอน ฮ่า ๆ” กวินหัวเราะร่วนก่อนจะถูกเร็นเตะขาแรง ๆ หนึ่งที เขาจึงเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าเหี้ยม ๆ ของคนในลิฟต์
เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง รังสีกดดันพลันหายไปทันที พวกเขาถอนหายใจเฮือก ส่งสายตาให้กันเป็นเชิงว่า ‘เกือบกระตุกหนวดเสือเข้าแล้วสิ’
.
.
.
ติ้ด!
ประตูห้อง 909 ถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงเดินเข้ามาภายใน เสียงกริ๊กเบา ๆ ดังตามหลัง เจ้าของร่างสูงไม่ได้ใส่ใจ สาวเท้าเดินมาถึงเตียงนอนซึ่งมีร่างบางนอนหันหลังให้อยู่ เขาหลุบตามองเธอแวบเดียวแล้วเอื้อมปิดโคมไฟ
กฎของเสือพยัคฆ์มักชอบล่าในความมืด ไม่ว่าเหยื่อจะน่ามองน่าขย้ำเพียงไหนก็ไม่มีข้อยกเว้น
ความตื่นเต้นระหว่างกินเหยื่อมันคือสัญชาตญาณของสัตว์ป่า โดยเฉพาะเสือนักล่าอย่างเขา
และเหยื่อที่เขาหมายตา… ล้วนถูกล่ามาอยู่ใต้ร่างเขาทั้งสิ้น!
