บทที่ 4 สายขิม

“ไม่เอาน่า เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วสายซอ แกก็รู้ว่าเตี่ยกับม้ารักพวกเรา เพียงแต่…” ฉันนึกหาคำมาปลอบใจน้อง

“เพียงแต่รักนั้นอยู่ลึกเกินไปที่จะแสดงออกงั้นสินะ ฮึ” สายซอต่อคำพูดให้ฉัน ไม่อยากจะยอมรับเลยว่านั่นคือความจริง ที่ผ่านมาเตี่ยกับม้าเลี้ยงเราด้วยความเย็นชาจริง ๆ แม้แต่กอดครั้งล่าสุดฉันยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกท่านรักและใส่ใจแต่สายซึง ขณะที่เอาแต่เข้มงวดกับฉันและสายซอตลอด “เกิดเป็นลูกสาวมันผิดตรงไหนเหรอเจ้… เค้าก็อยากได้ความรักจากเตี่ยกับม้าเหมือนกันนะ”

“...”

ฉันได้แต่ถอดถอนใจ ลูบผมสั้นประบ่าสีเขียวแสนเปรี้ยวเข็ดฟันของน้อง นึกถึงตอนที่เตี่ยกับม้าเห็นสีผมของสายซอ ท่านโกรธมากจนไล่น้องออกจากบ้านเลยล่ะ ตอนนั้นฉันต้องไปตามน้องจากบ้านเพื่อนยันดึกดื่น ปลอบน้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้อดทนอีกหน่อย อีกไม่นานฉันจะขอม้าย้ายออกมาอยู่เองแล้ว โดยใช้ข้ออ้างว่าต้องฝึกงานและใกล้มหาวิทยาลัย ไปกลับสะดวก ถึงตอนนั้นฉันจะชวนสายซอมาอยู่ด้วยกัน ฟังดังนั้นน้องจึงยอมกลับบ้านกับฉัน ยอมอดทนให้เตี่ยกับม้าดุว่า แต่สุดท้ายสายซอก็ยืนกรานว่าจะไม่ย้อมสีผมกลับอยู่ดี

น้องฉันมันดื้อจริง ๆ นั่นแหละ แต่ฉันก็เข้าใจน้องดีกว่าใคร

“สายซอ อยู่นี่นี่เอง!” เสียงตะโกนแทรกเสียงดนตรีจากด้านหลังทำให้ร่างบางที่กำลังฟุบหน้าบนโต๊ะสะดุ้งตัวขึ้น ฉันมองข้ามไหล่น้องไปเห็นร่างสูงกำลังเดินแหวกผู้คนมาทางนี้ สีหน้าถมึงทึงลอยเด่นมาแต่ไกล

“ซวยแล้วเจ้! เค้าไม่อยากเจอจีซัสตอนนี้!” สายซอลุกขึ้นคว้ากระเป๋าข้างหนึ่ง คว้ามือฉันอีกข้างหนึ่ง แล้วพาเดินแทรกผู้คนออกมาอีกทาง ฉันเดินตามอย่างทุลักทุเล หันกลับไปมองด้านหลังเห็นร่างสูงเจ้าของชื่อจีซัสเบิกตากว้างก่อนจะส่งสายตาโกรธจัดมาทางพวกเรา “หมอนั่นมาที่นี่ได้ยังไงกัน! อยากจะบ้าตาย!”

“เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”

พวกเราเดินมาถึงส่วนของหลังผับซึ่งเป็นทางเดินมืดสลัวทอดยาว สายซอปล่อยมือฉัน หันไปมองด้านหลังอยู่ตลอด

“จีซัสต้องตามมาทันแน่ ๆ อ่ะเจ้! ทำไงดี?!” พอเห็นท่าทางลนลานของน้อง ฉันก็เลิกสงสัยไว้กลับไปค่อยถามแล้วกัน ฉันมองไปทางบันไดหนีไฟ จับมือสายซอแล้วพาเดินไปทางนั้น ผลักประตูเข้ามา สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นบุหรี่อบอวลจนรู้สึกแสบจมูก แต่ไม่มีเวลาแล้ว ต้องดึงน้องเข้ามาซ่อนตรงนี้ก่อน

“รออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวเจ้ล่อหมอนั่นไปที่ลานจอดรถ หลอกให้เขาเข้าใจว่าแกขึ้นแท็กซี่กลับไปแล้ว” จับไหล่น้องมายืนพิงผนังข้างประตูหนีไฟ ดวงตาสายซอฉายแววกังวลเล็กน้อย ฉันย้ำ “จบเรื่องเจ้จะกลับมารับ ถือโทรศัพท์ไว้ล่ะ แล้วอย่าไปไหน”

“คิก… เค้ายี่สิบแล้วนะเจ้ ไม่ใช่ห้าขวบ” เสียงขบขันเจือความเมามายของสายซอทำฉันนึกหมั่นไส้ดีดหน้าผากเนียนใสไปหนึ่งที

“อายุยี่สิบแต่พอเมาแล้วเหมือนเด็กห้าขวบอย่างแกน่ะ มันต่างกันตรงไหนไม่ทราบ”

“ค่า ๆ เค้าจะไม่ไปไหน ไม่ดื้อ ไม่ซน จะรอเจ้มารับตรงนี้เลย” สายซอทำท่าตะเบ๊ะแบบตำรวจ ใบหน้าเรื่อแดงเพราะพิษเหล้าคลี่ยิ้มซุกซน

“อย่าไปไหนล่ะ มีอะไรรีบโทรหาเจ้ เจ้จะรีบมา” กำชับน้องเสร็จจึงผลักประตูกลับเข้ามาในโถงทางเดิน มองประตูหนีไฟอย่างกังวลเล็กน้อยก่อนเดินไปทางประตูด้านหลังผับ

ลานจอดรถของผับนี้อยู่ด้านหน้า ด้านข้างจะเป็นถนนสำหรับเรียกรถแท็กซี่ ฉันเดินอ้อมจากด้านหลังผับมาเพื่อจะตรงไปทางถนน ในตอนนั้นเองร่างสูงของใครคนหนึ่งเปิดประตูตามหลังออกมา

เป็นจีซัส… แฟนของสายซอ

“สายซออยู่ไหน?” เขาถามเสียงห้วนทันทีที่เห็นฉัน ถ้าพูดกันตามจริงแล้วหมอนี่เด็กกว่าฉันหนึ่งปี เขาควรเคารพฉันให้มากกว่านี้ แม้ไม่ใช่ในฐานะของพี่สาวแฟนก็ควรเคารพในฐานะอาวุโสกว่า แต่จะไปเอาอะไรกับคนนิสัยใจร้อนมุทะลุอย่างจีซัสได้ล่ะ

“ขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว” ฉันตอบหน้าตาย มันคือหน้ากากที่ฉันมักสวมต่อหน้าคนอื่น เย็นชาหน้าตาย… นั่นแหละตัวฉัน

“โกหก ถ้าซอขึ้นรถไปแล้วทำไมเธอยังอยู่นี่ล่ะ เธอโกหกฉันใช่ไหม?” ถือว่าฉลาด…

“ฉันอยู่ต่อเพราะมีนัด ยังสงสัยอะไรอีกไหม?” แต่ฉันฉลาดกว่า

ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงพูดโกหกด้วยสีหน้านิ่งแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด แต่เพราะฉันเปลี่ยนไปแล้ว กับอีแค่คำโกหกโง่ ๆ ไม่กี่คำ สบายมาก

ฉันหมุนตัวจะเดินกลับเข้าผับ ต้องหลอกให้จีซัสตามสายซอไปก่อน ถึงจะกลับไปหาสายซอที่บันไดหนีไฟแล้วพากลับบ้านได้

“เดี๋ยว!” แรงฉุดที่แขนดึงร่างฉันหันกลับไปหาเขาอย่างเสียไม่ได้ สายตาเย็นชาจ้องตาเจ้าของการกระทำหยาบคาย จีซัสเพิ่มแรงบีบที่แขน สีหน้าเขาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อคำโกหกของฉัน “ฉันไม่เชื่อว่าซอกลับไปแล้ว ยัยนั่นติดเธออย่างกับอะไร ไม่มีทางกลับไปคนเดียวแน่!”

หมอนี่ฉลาดเกินไปแล้ว… แต่รู้อะไรไหม… จุดจบของคนฉลาดเกินไปมันไม่สวยนักหรอกนะ

“ปล่อยฉัน” แรงกดดันทางสายตาทำให้มือหนายอมคลายออก ฉันยังคงสีหน้าสงบนิ่ง น้ำเสียงเย็นชาเปล่งออกมาช้า ๆ ทีละคำ “แฟนคนเดียวยังดูแลให้ดีไม่ได้ สมควรไปตายซะ”

“สายขิม!” จีซัสโกรธแล้ว เส้นเลือดปูดโปนตรงขมับของเขาไม่ได้ทำให้ฉันหวาดหวั่นสักนิด

“ก็ยังจำได้นี่ว่าฉันชื่ออะไร งั้นก็ควรจำใส่หัวเอาไว้ด้วยว่าฉันคือใคร สายซออาจจะยอมนาย แต่ฉันไม่ใช่!”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป