บทที่ 5 เสือพยัคฆ์
พรึ่บ!
ฉันกระชากแขนกลับ ยกมือขึ้นผลักร่างสูงแรง ๆ จนเขาเสียหลักถอยไปหนึ่งก้าว สีหน้าเย็นชาถึงขีดสุด จีซัสเก่งมากที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ขืนยังหยาบคายใส่ฉันไม่เลิก ต่อให้เป็นแฟนน้องฉันก็ไม่ติดที่จะตบหรอกนะ
สายซอคบกับจีซัสได้ประมานสี่เดือนแล้ว ตอนทั้งสองคนคบกันแรก ๆ ฉันไม่เคยเห็นด้วย แต่น้องสาวฉันมันดื้อด้าน เตือนไม่เคยฟัง หลังจากทั้งคู่คบกันได้ไม่ถึงสองเดือน ความสัมพันธ์ก็เริ่มแย่ลง สาเหตุมาจาก ‘ความใส่ใจมากเกินไป’ ของจีซัส หมอนี่บังคับและควบคุมสายซอแทบจะทุกอย่างจนยัยนั่นทนไม่ไหว สุดท้ายจบลงด้วยการทะเลาะกันบ่อย ๆ
แต่ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน ตราบใดที่สายซอยังโอเคอยู่น่ะนะ
“ฉันไม่ยอมเลิกกับสายซอง่าย ๆ แน่!” เสียงตะโกนไล่หลังด้วยความโมโห ฉันไม่สนใจยังคงเดินต่อไปจนกระทั่งถูกร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนขวางทาง ไม่รู้ว่าเขายืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้นานหรือยัง ช่างเถอะ
“น่าสมเพชเสียจริง ฮึ” เสียงทุ้มต่ำติดเย้ยหยันดังมาจากเขา ฉันทำเมินเดินผ่าน ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ทว่าจังหวะที่กำลังผ่านเขาไป มือหนาเอื้อมมารั้งแขนฉันไว้อย่างถือวิสาสะ “เดี๋ยว”
“จะทำอะไร…” เงยหน้ามองเจ้าของการกระทำหยาบคายคนที่สองของวันด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะชะงักไป
ใบหน้านี้… ดวงตาคู่นี้… กลิ่นอายอันตรายแบบนี้… ฉันจำได้ไม่เคยลืม!
เขาคือ… เสือพยัคฆ์!
เพราะตกใจที่จู่ ๆ ก็ได้เจอกับคนที่ไม่อยากเจอกะทันหันทำให้สีหน้าเย็นชาของฉันเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบกลับคืนสู่ความสงบเหมือนเดิม
สองปีแล้ว… สองปีเต็ม ๆ ที่ฉันพยายามหลบหลีกผู้ชายคนนี้ ทั้งที่มหาวิทยาลัยและตามสถานที่อโคจร ที่ไหนที่เล่าลือว่าเขาชอบไป ฉันก็จะไม่ไป พูดง่าย ๆ คือที่ไหนมีเสือพยัคฆ์ ที่นั่นไม่มีสายขิม ทว่าไม่นึกเลยว่าวันนี้จะเป็นวันซวยของฉัน
ดวงตาคมเข้มดุจสัตว์ป่าหรี่ลงราวกับจับจ้องเหยื่อ ฉันหลุบตาลง เก็บซ่อนทุกความรู้สึก แม้ในใจจะสั่นรัวด้วยความหวาดหวั่นมากก็ตาม …นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้
สงบใจไว้สายขิม…
“ฉันเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?”
“…!” ฉันเลื่อนสายตาขึ้นสบกับดวงตาคมอีกครั้ง แววตาเคลือบแคลงสงสัยของเขาฉายชัดออกมา ความยินดีผุดขึ้นในหัวของฉัน
เขาจำฉันไม่ได้... ดี… ดีมาก
“มุขจีบหญิงของนายห่วยเกินไปนะ ฮึ!” ดึงแขนออกจากมือหนาพลางเหยียดยิ้มดูแคลน ในเมื่อเขาจำฉันไม่ได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อาศัยจังหวะที่เขากำลังยืนนิ่งรีบเดินหนีกลับเข้ามาในผับ ถอดถอนใจออกมาแรง ๆ เมื่อพ้นประตูมาแล้ว
นั่นสินะ… ไม่แปลกที่เขาจะจำฉันไม่ได้… บอกแล้วไงว่าฉันเปลี่ยนไปจากเมื่อสองปีก่อนแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแค่ภายใน แม้แต่ภายนอกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ตึง
“สายซอ?” ฉันเรียกหาน้องสาวท่ามกลางความมืดสลัวภายในบันไดหนีไฟ ทว่ากลับไร้เสียงตอบรับ แม้แต่เงาใครสักคนยังไม่มีให้เห็น มีเพียงกลิ่นบุหรี่คละคลุ้งในอากาศไม่จางหาย “บอกว่าอย่าไปไหนไงยัยตัวดีนี่!”
กดโทรศัพท์ต่อสายหาน้องพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เจอหน้าจะดีดหน้าผากให้เขียวเลย ทำไมยิ่งโตยิ่งดื้อด้านแบบนี้นะ!
เสียงรอสายดังขึ้นสองครั้งแล้วถูกโอนเข้าฝากข้อความ คิ้วเรียวขมวดมุ่น กดต่อสายอีกครั้ง คราวนี้ติดต่อไม่ได้แล้ว ฉันเริ่มร้อนใจ
“บ้าเอ๊ย… ยังอยู่ในผับแน่ ๆ” สายซอไม่มีทางกลับไปก่อนฉัน ถ้าฉันบอกให้รอยัยนั่นก็จะรอ แม้บางครั้งจะเถลไถลบ้าง แต่ไม่เคยทิ้งฉันหรือหนีกลับก่อน งั้นแสดงว่ายังอยู่ในผับนี้นี่แหละ
ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะเดิมเห็นว่าถูกเก็บไปแล้ว มองไปรอบ ๆ ท่ามกลางความมืดและแสงสีสาดส่อง สายซอสวมเดรสสีขาวค่อนข้างเด่นสะดุดตาน่าจะหาเจอได้ง่าย แต่มองเป็นสิบรอบแล้วก็หาเธอไม่เจอ
ยัยตัวดี… หายไปไหนของแกนะ!
“โอ๊ะโอ ดูซิว่าพวกเราเจอใคร” เสียงผิวปากดังมาจากผู้ชายกลุ่มหนึ่งซึ่งยืนรวมหัวกันอยู่ตรงลานจอดรถหน้าผับ ฉันเดินออกมาตามหาสายซอที่รถเพราะคิดว่าเธออาจกลับมารอ ทว่ากลับไร้วี่แวว
“แฟนสุดที่รักไอ้อัคคีนี่หว่า”
ชื่ออัคคีเรียกสายตาจากฉันแทบจะทันที อัคคีเป็นแฟนฉันเอง แต่ผู้ชายกลุ่มนี้ฉันไม่รู้จัก เพื่อนอัคคียิ่งไม่ใช่ ความเป็นไปได้อย่างเดียวคือ… ศัตรู
กริ่งเตือนภัยดังลั่นในหัว ตลอดเวลาหนึ่งปีที่คบกับอัคคีมา ฉันเสี่ยงอันตรายเพราะเขามาหลายครั้งหลายหน เพราะอัคคีมีศัตรูเยอะ ฉันจึงระวังตัวตลอดเวลา
สองเท้าก้าวเข้าหารถพลางหยิบรีโมทกดปลดล็อค รีบเปิดประตูหมายจะเข้าไปนั่ง ทว่าท่อนแขนถูกรั้งแล้วกระชากสุดแรง ร่างฉันเสียหลักถอยหลังห่างจากตัวรถไปกระแทกกับประตูรถอีกคัน ความเจ็บแปล็บตรงแขนแล่นวาบเข้ามา
บัดซบ… ช้าเกินไป!
“จุ๊ ๆ จะรีบไปไหนล่ะที่รัก อยู่เล่นสนุกเป็นเพื่อนพวกเราก่อนสิ” พวกสารเลวกลุ่มนั้นเดินมาล้อมรอบฉัน สีหน้าของพวกมันหื่นกระหาย ท่าทางคุกคามไม่ปิดบัง แผ่รังสีชั่วช้าเกินคน
ฉันแย่แล้ว…
