บทที่ 6 เลือก

“อย่ามายุ่งกับฉัน”

ทำได้เพียงข่มขวัญตัวเองให้สงบนิ่ง แต่น้ำเสียงเย็นชาของฉันไม่สามารถขู่ขวัญคนสารเลวพวกนี้ได้หรอก ฉันแอบกดต่อสายหาอัคคี ไม่รู้หรอกว่าเขาจะรับสายไหม ตอนนี้หมดปัญญาจะนึกถึงใครแล้ว

“ได้ข่าวว่าไอ้อัคคีมีแฟนสวย แต่ไม่เคยเห็นมันควงเปิดตัวสักที สงสัยจะกลัวหมาป่ารุมทึ้งเนื้อแกะว่ะ” พวกมันแสยะยิ้มเหี้ยม พาลให้ฉันนึกไปถึงคำพูดหนึ่งของอัคคีตอนที่เขาขอคบกับฉัน

‘เรามาคบกันดีไหมขิม คบกันแบบไม่ให้ใครรู้’

‘ทำไม’

‘เพราะเราศัตรูเยอะ ขิมอาจเป็นอันตราย’

‘ไม่… ความหมายคือคบทำไม? อัคชอบขิมเหรอ?’

‘อืม… ชอบ’

นั่นเป็นบทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างเรา และเป็นเรื่องน่าตลกที่ฉันยอมตอบตกลง ทั้งที่ตอนนั้นฉันไม่ได้รู้สึกรักชอบอัคคีด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ของพวกเราค่อนข้างอธิบายยาก ฉันรู้จักกับอัคคีตอนปีหนึ่ง สมัยที่ฉันทำตัวเหลวแหลกจนเกือบพลาดท่าซ้ำรอยเดิมเหมือนคืนนั้นเมื่อสองปีก่อน ใช่… ฉันถูกมอมยาแล้วโดนหิ้วขึ้นเตียงอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ผู้ชายบนเตียงคนนั้นคืออัคคี พอเขาเห็นว่าฉันไม่มีสติเขาก็ไม่ได้หักหาญน้ำใจฉัน ซ้ำยังอยู่รอจนฉันฟื้น หลังจากฉันตื่นขึ้นมาเขาก็ขอคบกับฉันเลย ตอนนั้นฉันนิ่งอึ้งไปนานเลยล่ะ

อัคคีเป็นเพื่อนของแฟนเพื่อนฉันอีกที เราเคยเจอกันหลายครั้ง ถึงเขาจะไม่ได้เป็นคนดี แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเลวเช่นกัน เรียกว่าเป็นคนเทา ๆ เหมือนกับฉัน และเพราะเขาไม่หักหาญฉันเหมือนผู้ชายสารเลวคนนั้น ฉันจึงเผลอไผลตอบรับเป็นแฟนกับเขาไป

หลังจากเราคบกัน นอกจากเพื่อนสนิทแล้วก็ไม่ค่อยมีใครรู้ เราไม่เปิดตัว ไม่ควงกันไปไหนมาไหน เวลาไปเที่ยวก็ไปกันเป็นกลุ่ม แน่นอนว่าเราไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันด้วย

จะว่าไงดีล่ะ… ความสัมพันธ์ของฉันกับอัคคีมันคล้ายพิเศษแต่ก็ไม่พิเศษ คล้ายจะมากกว่าเพื่อนแต่ก็ไม่ใช่แฟน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอดแหละนะ ก็อยู่กันมาได้จนถึงหนึ่งปี เป็นคู่รักที่ต่างสาดความเย็นชาใส่กันเสมอจริง ๆ

ใคร ๆ ก็บอกว่าฉันกับอัคคี… นิสัยเย็นชาเหมือนกันเกินไป ชีวิตรักของเราจึงไม่ต่างจากการถูกแช่แข็ง แต่ฉันไม่แคร์ อัคคียิ่งโคตรไม่แคร์

“เอาไงดีวะ พายัยนี่ไปเล่นสนุกที่ไหนกันดี” เสียงน่ารังเกียจเรียกสติฉันกลับคืนจากภวังค์ความคิด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเหม่อ ฉันต้องรีบหาทางรอดให้ตัวเอง

“PK ผับระบบความปลอดภัยไม่ได้ห่วยแตกอย่างที่พวกแกคิดกันหรอกนะ ถ้าคิดว่าจะฉุดลากฉันไปจากที่นี่ได้ก็ลองดู” ฉันจงใจพูดชื่อสถานที่ดัง ๆ เพื่อหวังให้คนในสายได้ยิน หากเขามาช่วยฉันไม่ทัน อย่างน้อย ๆ กล้องวงจรปิดของที่นี่อาจจะช่วยอะไรได้บ้าง ตอนนี้ถ้าดึงเวลาได้ก็ต้องทำ

“ฮะ ๆ สมแล้วที่เป็นแฟนไอ้อัคคี ขนาดจนตรอกก็ยังคงความเย็นชาหน้าตายไว้ได้”

“น่าสนใจจริง ๆ” ไอ้ชั่วคนหนึ่งเอื้อมจับปลายคางฉัน พยายามข่มกลั้นความขยะแขยงไว้ใต้ใบหน้าเย็นชา ผู้ชายเป็นเพศที่น่ารังเกียจจริง ๆ ดีแต่ใช้กำลังที่เหนือกว่าข่มเหงกัน ทุเรศสิ้นดี

“ไปคอนโดกูแล้วกัน ที่นั่นมีกล้องด้วยเว้ย”

“เออ ดี ๆ ยัยนี่สวยเด็ดขนาดนี้ต้องถ่ายหนังสดเก็บไว้ กูชอบ!”

“สารเลว!” ฉันกระชากแขนกลับ ไม่ยอมถูกลากไปด้วยง่าย ๆ ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนผ่านซะด้วยสิ จะร้องให้คนช่วยก็คงไร้ประโยชน์ ทำได้แค่ช่วยตัวเอง คิดดังนั้นจึงยกเท้าถีบร่างสูงด้านหน้าจนมันเสียหลักไปหลายก้าว มันหันมาตวาดเสียงเหี้ยมใส่

“นังนี่! อยากโดนดีนักใช่ไหม!”

แควก! คอเสื้อถูกกระชากจนขาดตกลงมาข้างไหล่ เผยผิวขาวสู่สายตาลุกวาวของพวกสวะทั้งสี่ ฉันคว้าจับชุดขาดแหว่งของตัวเองพลางเม้มปากแน่น พยายามสะกดความกลัวไม่ให้ร่างกายสั่นเทา

“กำลังเล่นอะไรกันอยู่วะ” ท่ามกลางความเงียบ เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนร่างนั้นค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้น ในมือเขาคีบมวนบุหรี่ พ่นควันขาวกลบบรรยากาศอึมครึม เมื่อเราสบตากัน รอยยิ้มเหยียดผุดขึ้นมุมปากหนา “น่าสนุกดีนี่”

“มึงเองเหรอไอ้เสือ สนใจมาเล่นด้วยกันไหมล่ะ” หนึ่งในเศษสวะชักชวนเขาผู้มาใหม่

“รับรองมึงถูกใจแน่ นังนี่เป็นแฟนสุดที่รักของไอ้อัคคีเลยนะเว้ย”

ฉันเห็น… สีหน้าของเสือพยัคฆ์ชะงักไปเล็กน้อยตอนได้ยินชื่ออัคคี ดวงตาคมกริบราวกับเสือนักล่าจ้องมาทางฉันอย่างเต็มตาอีกครั้ง

“หือ… ที่แท้เธอก็คือแฟนไอ้อัคคีเองเหรอ” เขาพึมพำเบา ๆ สูบบุหรี่จนหมดมวนก่อนทิ้งลงพื้นแล้วขยี้ด้วยปลายรองเท้า ร่างสูงก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าฉัน ดวงตาคมหลุบต่ำมองไหล่ขาวเนียน ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มจาง ๆ “เลือกมา จะไปกับฉันหรือพวกมัน?”

เขาว่ายังไงนะ…?

“เฮ้ย พูดอะไรวะ? อึก!” สวะตัวหนึ่งขยับเข้ามาใกล้พวกเรา ทว่ายังไม่ทันถึงตัวฉันมันก็ถูกมือหนาของผู้ชายตรงหน้าบีบคอเอาไว้ เสือพยัคฆ์ไม่แม้แต่จะชายตามอง สายตาคมกริบจับจ้องตรงมาที่ฉันนิ่ง

“เลือก เธอจะไปกับใคร?” น้ำเสียงกดดันเค้นถาม การกระทำของเขาทำให้สวะอีกสามตัวถอยห่างอย่างระแวดระวัง แต่ฉันก็คือฉัน ฉันรู้ดี… ต่อให้ฉันเลือกไปกับใครก็ไม่ต่างกัน เพราะพวกนี้ก็สารเลวไม่แพ้กัน เผลอ ๆ ผู้ชายตรงหน้าฉันอาจจะเลวร้ายมากกว่าด้วยซ้ำ แล้วทำไมฉันต้องเลือกด้วย?

“…”

“จะไม่เลือกสินะ” มือหนาคลายออกจากลำคอของสวะตัวนั้น เมื่อได้รับอิสระ พวกมันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เสือพยัคฆ์เปลี่ยนท่าเป็นล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหมุนตัวหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก ฉันมองตามหลังเขาด้วยความรู้สึกเฉยชา

ช่างเขาสิ… ฉันไม่มีทางขอให้เขาช่วยอยู่แล้ว

“ไอ้เวรนั่น… แข็งแกร่งเกินไปจนน่าเจ็บใจฉิบหาย” สวะตัวหนึ่งสบถออกมา พวกมันเข้ามากระชากแขนฉันอีกรอบ คราวนี้ฉันสะบัดแขนออก แล้วถีบหน้าท้องมันจนล้ม “อั่ค!”

“นังตัวดี! ฤทธิ์เยอะนักเหรอ!”

เพี๊ยะ!

รสสนิมของเลือดคละคลุ้งในโพรงปาก ความเจ็บชาซีกหน้าข้างซ้ายไม่ได้ทำให้ฉันใส่ใจมันนัก ทว่าขณะกำลังหันหน้ากลับมา เงาสีดำของใครคนหนึ่งพุ่งผ่านหน้าไปด้วยความเร็วสูง

พลั่ก!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป