บทที่ 10 เพียงคำว่าเพื่อน

บิ๊กไบค์สีดำทะมึนขับออกไปไม่ไกลนักก็ถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ที่มิเชลบอก ซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ตั้งอยู่บนฟุตบาทติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามเป็นวัดดังซึ่งจะเปิดไฟประดับสวยงามตลอดปี

แม้ร้านนี้จะเสียงดังโหวกเหวกไปหน่อยแต่เธอชอบมากเพราะบรรยากาศดีเป็นกันเอง ชามใหญ่ให้เยอะกินไม่เลอะมุมปาก นั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวหลักสิบแต่วิวที่ได้นั้นเรียกได้ว่าเกินล้าน เสียอย่างเดียวคือป้าเจ้าของร้านไม่ค่อยชอบอ่านโน้ตที่ลูกค้าจดให้

"เฮ้อ...ป้าให้ถั่วงอกเรามาทั้งสวนอีกแล้ว" หญิงสาวทำหน้างอ ทำงานมาเหนื่อยๆ ไม่พอก้มลงไปเห็นถั่วงอกเหนื่อยยิ่งกว่าเดิมไปอีก มิเชลเกลียดถั่วงอกอย่างกับอะไรดี มันทั้งเหม็นเขียวและติดขมด้วย

"เอามานี่มา เดี๋ยวจัดการให้" คนตัวสูงยกชามก๋วยเตี๋ยวเข้าไปใกล้ๆ จากนั้นก็จัดการคีบถั่วงอกย้ายไปไว้ที่ชามของตัวเอง "ลูกค้าเยอะน่ะ ป้าแกคงลืมดูโน้ต"

"ขอบคุณนะแทน น่ารักที่สุดเลย" มิเชลยิ้มกว้าง ยกแก้วน้ำเย็นๆ ขึ้นมาดื่มอย่างอารมณ์ดี จะว่าไปแล้วมีแทนไทเป็นเพื่อนเนี่ยชีวิตของเธอก็ง่ายขึ้นเยอะ

บอกอย่างอายๆ ว่าที่ผ่านมาเธอเคยมองแทนไทในไทป์ที่เป็นแฟนอย่างเพ้อฝัน เพราะเพื่อนคนหนึ่งทำดีกับเธอได้ตลอดเวลา ทั้งที่จริงไม่จำเป็นต้องดูแลเธอดีขนาดนั้น

'แทน เราปวดท้อง'

'ปวดตรงไหน ปวดมานานเท่าไหร่แล้ว ปวดเมนส์หรือกระเพาะ'

'กระเพาะ โอ๊ย...ซี้ด ปวด..ท้อง'

นั่นคือช่วงเวลาตีสาม ยามเจ็บป่วยแทนที่เธอจะโทรเรียกรถโรงพยาบาลแต่กลับนึกถึงแค่แทนไท และเขาก็คือคนที่รีบจนสวมแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว ตอนอุ้มเธอไปหาหมอ

แม้แต่วันเกิดซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญของเธอ เค้กก้อนแรกและคำอวยพรคนแรกที่มิเชลได้รับมาตลอดเวลาหลายปีก็มาจากแทนไท

เวลา00.01 น.

ก๊อก!ก๊อก!

'สุขสันต์วันเกิด มีความสุขมากๆ นะครับมิเชล'

"เสร็จแล้ว ก๋วยเตี๋ยวบริสุทธิ์" แทนไทเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวไร้ผักกลับไปให้มิเชล พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเธอกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสีหน้าชื่นชม

"มองอะไร หน้าผมมีอะไรติดหรือไง" มือหนาคีบลูกชิ้นและอกไก่ในชามของตัวเองแบ่งให้หญิงสาวเพิ่มไปอีก จากนั้นก็คีบเส้นและผักที่ได้เยอะจนเกือบล้นชามเข้าปากไป

"ก็...หน้าแทนหมองไปอ่ะ" แกล้งเฉไฉถามเรื่องอื่นกลัวว่าเขาจะรู้ทันว่าแอบมองด้วยแววตาแห่งรัก

"เหรอ ผมโคตรยุ่งไม่ได้ดูสภาพหนังหน้าตัวเองเลย"

"แล้วไปไซต์งานได้ใช้ครีมที่เราซื้อให้บ้างป่ะเนี่ย"

"ครีม ...ที่คุณซื้อให้ผมกับคุณดินน่ะเหรอ"

"อาฮะ" พยักหน้าหงึกหงัก "แพงนะนั่น"

"ลืมเอาไปด้วยน่ะ" ปกติก็ไม่ใช่คนพิถีพิถันกับผิวพรรณมากนักแต่มักถูกมิเชลบังคับให้ใช้ครีมโน่นโลชั่นนี่บำรุงเสียมากกว่า แทนไทมักเออออด้วยเพราะถ้าไม่ทำตามจะถูกบ่นจนหูชาเรื่องที่ไม่รู้จักดูแลผิวพรรณตัวเอง

"ว่าแล้วเชียว ดูดิ๊สิวขึ้นหน้าตั้งหนึ่งเม็ด" นิ้วเรียวชี้ไปบนตุ่มแดงบนหน้าผากของเพื่อนชาย ซึ่งต่อให้สิวขึ้นเป็นสิบเขาก็ยังหล่ออยู่นั่นแหละ

"สิวเงี่ย...น่ะ" เขาเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย ต่างจากมิเชลที่หันไปมองซ้ายขวาเพราะกลัวมีคนได้ยิน

"แทนอ่ะ พูดอะไรลามก"

"เอ้าพูดจริง เข้าป่าหลายวันไม่ได้ปลดปล่อยเลย นี่ก็ว่าจะไปหาที่ลงอยู่เหมือนกัน"

คิ้วหนายักขึ้นหนึ่งทีก่อนจะหันไปสั่งเส้นเล็กพิเศษเพิ่มอีกหนึ่งชามด้วยท่าทางปกติ ส่วนมิเชลนั้นกลับรู้สึกห่อเหี่ยวทันทีเมื่อได้ยินว่าเขากำลังจะไปหาที่ลง

จะไปคลับนั่นอีกแล้วสินะ คลับที่แฟนเก่าของเขาเป็นเจ้าของ

'ยัยมิ้วกี้ แกมันหอกข้างแคร่' มิเชลได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงแฟนเก่าของแทนไท ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจคลับและอาบอบนวดกลางกรุง

"กินได้แล้ว อย่าเอาแต่มองผมดิ" ตะเกียบในมือเคาะลงขอบชามของหญิงสาวเบาๆ

"อื้อ..."

"ผมหล่ออันนี้เข้าใจ แต่มองเยอะไปเดี๋ยวสึกหรอ"

"เมื่อไหร่จะเลิกหลงตัวเองสักที" แม้จะเห็นด้วยกับความหล่อเหลาของเขาแต่ก็ต้องแกล้งทำหน้าเหม็นเปรี้ยวกลบเกลื่อน

"อ้าว~ ก็คนมันหล่อจริง ไม่เชื่อเดินไปถามสาวโต๊ะนั้นดูดิ"

"เหอะ! แรดอยู่นั่น เออๆ หล่อก็หล่อ แต่เราแค่กำลังคิดถึงว่าทำไมคนหล่อๆ แบบแทน ไม่หาแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคน ไปซื้อกินอยู่ได้ สำส่อนชะมัด"

"คุณก็รู้ว่าอีกไม่นานผมก็ต้องย้ายกลับไปอเมริกา ผมไม่อยากผูกมัดกับใครตอนนี้ ไม่อยากมีปัญหาให้จัดการในอนาคต"

ปัญหาที่แทนไทพูดถึงก็คงเป็นเรื่องความรักกับระยะทาง ถ้ามีแฟนแล้วแฟนของเขาต้องย้ายตามไปอยู่ที่อเมริกา ถ้าไปไม่ได้คงยุ่งยากน่าดู

"ถ้าแทนไปแล้วเราจะอยู่ยังไง ที่ผ่านมาในชีวิตแทนช่วยเราไว้เยอะมากเลยนะ" เธอคีบเส้นบะหมี่สี่เหลืองที่เริ่มอืดเข้าปากแล้วเคี้ยวช้าๆ

"พึ่งตัวเองครับ หรือไม่ก็คุณดิน คุณเจย์ คุณคัลเลน"

"พวกเขาเหมือนแทนซะที่ไหน"

"ยังไงก็เพื่อนเหมือนกันกับผมนั่นแหละ"

ตอนนี้มิเชลไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไง รู้เพียงแค่คำว่า เพื่อน มันทำให้เธอรู้สึกหน้าชาไปเลย จริงอย่างที่แทนไทพูด เป็นเธอเองที่มองเจตนาของเขาเป็นอย่างอื่นแล้วเพ้อฝันอยู่คนเดียว

"แล้วคุณล่ะไม่คิดจะสนใจใครบ้างเหรอ เห็นอยู่แห้งๆ แบบนี้มานานแล้วนะ"

"รู้ได้ยังไงว่าเราไม่สนใจใคร" อยากบอกจริงๆ ว่านอกจากเขาแล้วเธอก็ไม่เคยคิดที่จะมองใครอีก เมื่อไหร่เขาจะรู้ตัวนะ

"ไอ้...คุณกวินนั่นน่ะเหรอ"

"ไม่"

"ไม่เหลือ"

"ไม่เสือกค่ะ"

"พูดไม่เพราะเลย"

"จิ๊!" เธอทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่คนตัวโตอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่รู้ทำไมถึงหงุดหงิดเพียงแค่แทนไทถามเรื่องแฟน ทั้งที่เธอก็ถามเขาเหมือนกัน (ถามเพื่อเก็บข้อมูล)

"อย่ารอให้กลิ่นแก่ออกก่อนล่ะ ระวังไข่ฝ่อด้วยนะฮะ"

"ชิ!ปากหมาชิบ ติดมาจากดินใช่ไหม"

เธอเบะปากใส่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งเขาก็ทำเพียงยักคิ้วใส่เท่ๆ แล้วกลับไปสนใจก๋วยเตี๋ยวในชามตัวเองต่อ มีเพียงมิเชลที่ลอบอมยิ้มแล้วมองเขาด้วยแววตากรุ้มกริ่ม

หลังจากนั้นทั้งสองก็นั่งทานกันไปเงียบๆ มีเพียงเสียงรถวิ่งไปมาและเสียงคนในร้านที่กำลังคุยกันเท่านั้น กระทั่งแทนไทรอจังหวะเหมาะก็เอ่ยขึ้น

"เออนี่ ผมได้ข่าวมาว่าพ่อคุณกำลังจะลงทุนกับสิวารมณ์เหรอ"

สิวารมณ์เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีธนินทร์ สิวารมณ์เป็นผู้บริหาร เขาเป็นคนมีอำนาจและทรงอิทธิพลในวงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ แทนไทรู้มาว่าพ่อของมิเชลกำลังจะลงทุนสร้างโรงแรมกลางกรุงอีกแห่งกับตระกูลนี้บนที่ดินมากกว่า30ไร่ ซึ่งเสี่ยงกับการลงทุนระยะยาวมาก

"อืม สร้างไปได้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว"

"คิดดีแล้วเหรอ เศรษฐกิจแบบนี้กับเงินก้อนใหญ่ที่จะเอาไปลงทุนโดยไม่รู้จะได้ทุนคืนเมื่อไหร่ แล้วไหนจะเรื่องโรงแรมที่ภูเก็ตอีก"

"แทนก็รู้ว่าแด๊ดเป็นคนยังไง อยากได้อะไร อยากทำอะไรก็ต้องได้ทำ"

"โดยไม่สนว่าจะได้กำไรกลับมาเมื่อไหร่งั้นเหรอ"

"..." มือเล็กที่กำลังคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากชะงักงัน หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาราวกับรำคาญในสิ่งที่แทนไทเพิ่งจะพูดไป พาลวางตะเกียบลงไม่อยากกินต่อ

"อย่าพูดเหมือนดูถูกฝีมือบริหารของแด๊ดกับเราได้ไหม"

"มันไม่ใช่เรื่องดูถูกหรือดูผิดนะครับ แต่สิวารมณ์ไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณกับพ่อคุณคิดหรอกนะ ผมขอเตือนด้วยความหวังดี"

"ถ้าจะหมายถึงข่าวลือเรื่องที่ลุงธนินทร์เผาไล่ที่ชุมชนเก่าแก่ละก็ อันนั้นเราว่าแทนคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ"

มีเหตุการณ์เผาไล่ที่ขึ้น ซึ่งที่ดินตรงนั้นเป็นของธนินทร์ ฉะนั้นเจ้าของที่ดินจะทำอะไรกับทรัพย์สินของตัวเองก็ได้ ที่สำคัญธนินทร์ได้บริจาคที่ดินอีกหลายแปลงเพื่อสร้างบ้านให้ผู้ประสบภัยแล้ว

"อืม ผมคงเข้าใจผิดจริงๆ เพราะคงไม่มีใครรู้จักครอบครัวสิวารมณ์ดีเท่าคุณแล้ว โดยเฉพาะคนที่คุณชอบมาตั้งแต่เด็กก็คือลูกชายบ้านนั้น"

คงหนีไม่พ้นเรื่องที่มิเชลเคยบอกเอาไว้ว่าแอบชอบกวิน สิวารมณ์ ลูกชายคนเดียวของธนินทร์นั่นแหละ ซึ่งนั่นมันเรื่องตั้งแต่ชั้นอนุบาลนะ เอามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องร่วมธุรกิจในตอนนี้

สุดท้ายทั้งสองก็ต่างคนต่างกิน เสร็จแล้วแทนไทก็ขับรถไปส่งมิเชลที่คอนโดโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันอีก

"นั่นรถเจย์เดนหนิ"

มิเชลยื่นหมวกกันน็อกคืนให้แทนไทจากนั้นก็เดินไปเคาะกระจกรถคันที่เป็นของเพื่อนเธอ

ก๊อก ก๊อก

"กลับมากันแล้วเหรอ"

เจย์เดนหนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมันซึ่งนั่งอยู่เบาะด้านหลังเปิดกระจกรถลงทักทายมิเชล พอมองผ่านไหล่เล็กไปก็พบว่าแทนไทกำลังเดินตรงมาทางรถของเขาพอดี

"จะไปไหนกันเหรอ"

มิเชลตอบคำถามเป็นคำถามพลางมองไปที่แทนไท ซึ่งตอนนี้เดินอ้อมไปเปิดประตูรถด้านหน้าแล้วขึ้นไปนั่งข้างฟาโรมือขวาคนสนิทของเจย์เดน

"ไปปลดปล่อยตามประสาผู้ชาย" เจย์เดนยักคิ้วให้เธอกวนๆ

"หมายความว่า..." แทนไทจะไปที่คลับของมิ้วกี้จริงๆ สินะ

"ไม่ต้องอยากรู้ รีบขึ้นไปห้องดื่มนมแล้วแปรงฟันเข้านอนซะ ผู้ชายเขาจะไปมีความสุขกัน"

พูดจบก็เลื่อนกระจกขึ้นจากนั้นก็ขับรถออกไปจากคอนโดทันที ทิ้งให้มิเชลยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงนั้นคนเดียว แต่ถ้ายอมปล่อยไปง่ายๆ ก็คงไม่ใช่มิเชลน่ะสิ

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครคนหนึ่ง ซึ่งรอนานพอสมควรกว่าปลายสายจะยอมรับ

"ตอนนี้อยู่ที่คลับใช่ไหม ฉันมีงานให้เธอทำ...คืนนี้เอาให้หนักๆ เลย"

บทก่อนหน้า
บทถัดไป