บทที่ 3 จีบแบบฉลามดุ (2) จบตอน
“บ้านอยู่นี่เหรอ”
เสียงของคนตังโตดังขึ้นหลังจากเขาขับออกมาด้วยความเร็วสูงแล้วไม่นานก็ถึงหอของฉัน ฉันกลัวจนเกาะชายเสื้อเขาไม่ปล่อยเลยเพราะเขาขับเร็วมาก ฉลามดุแหงนหน้ามองหอฉัน ในขณะที่ฉันจะแกะหมวกกันน็อคออก แต่มือไม้มันสั่นจนแกะไม่ออกสักที
“อะ... อะไรเนี่ย” ฉันพึมพำอย่างขัดใจแล้วพยายามแกะอย่างสุดความสามารถแต่มันก็ไม่ออก จนฉลามดุต้องหันมามอง แล้วเขาก็เอื้อมมือมาปลดตัวล็อคใต้คางให้ฉันอย่างง่ายดาย
“เอ้า” ร่างสูงดึงมันออกจากหัวฉัน ส่วนฉันก็ได้แต่มองเขาหน้าเหวอๆ “ผมยุ่งหมดแล้ว”
พูดจบร่างสูงก็ทำในสิ่งที่ทำให้ฉันต้องนิ่งอึ้งไป เขาเอื้อมมือมาสางผมให้ฉันอย่างลวกๆ ก่อนที่ฉลามดุจะรู้สึกตัว เขาสบตากับฉันที่ยืนมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วจู่ๆ หูของเขาก็แดงเถือกขึ้นมา
“อ่า โทษ เราติดตอนที่เคยทำให้น้อง” ฉันมองเขาอย่างงุนงง แล้วจู่ๆ เขาก็เริ่มพูดแก้ตัวด้วยท่าทีลนลาน “คือหมายถึงน้องสาวแท้ๆ ไง เราไม่มีใครหรอก เราโคตรจริงใจกับเธอ”
ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
“อะ... โอเคจ้ะ” ฉันพูดเสียงสั่นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อแถมยังกลัวเขาอยู่ด้วย ในขณะที่ส่งโทรศัพท์คืนให้ร่างสูงแล้วมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ ถึงมันจะไม่ควรพูดคำนี้เพราะเขาเป็นคนลากฉันออกมาเองก็เถอะ แต่ว่า... “ขอบคุณนะ”
เขาก็เป็นคนดีนะ
“ว่าไงนะ” แต่ดูเหมือนฉลามดุจะไม่เข้าใจ พอฉันพูดขอบคุณเขาก็ทำท่าทางเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง “พูดใหม่ได้ปะ”
“ขอบคุณนะ” ฉันมองเขาแล้วพูดซ้ำอีกครั้ง แล้วจู่ๆ ร่างสูงก็นิ่งไป
ก่อนที่เขาจะ...
“น่ารักว่ะ! อยากตะโกนบอกว่าชอบเธอดังๆ ตอนนี้เลยถ้าทำได้!!” ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหันมามองเขาอย่างตกใจ ฉันเองก็เหมือนกัน อะไรของเขา บอกว่าชอบดังๆ อะไรของเขากัร! “ฟังดูน้ำเน่า แต่ตอนนี้เราชอบเธอมากกว่าเดิมอีก”
“...!”
“ต้องเอาเธอมาเป็นเมียให้ได้เลย คอยดูดิวะ” พูดแล้วร่างสูงที่นั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ก็สตาร์ทเครื่อง เขายิ้มให้ฉัน ในขณะที่จะใส่หมวกกันน็อค “ไว้เจอกันนะน้องนิ้งของพี่หลาม”
“อะ... เดี๋ยว” โดยไม่สนใจคำพูดของฉัน ฉลามดุก็ออกตัวรถไปอย่างรวดเร็วทันที ฉันได้ยินเขาตะโกนวี๊ดวิ้วเหมือนดีใจลั่นซอยด้วย พอเป็นแบบนั้นฉันก็อับอายจนก้มหน้างุดเพราะมีแต่คนมอง แล้วรีบเดินหนีขึ้นหอของตัวเองทันที
แต่... เดี๋ยวนะ
น้องนิ้งของพี่หลามอะไรของเขาเนี่ย!
“นิ้ง!! โอ้พระเจ้า ส้มนึกว่านิ้งโดนไอ้นักเลงนั่นรุมยำไปแล้ว”
ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปตัวของฉันก็แทบจะถลาไปด้านหลังเพราะโดนส้มหวานที่นั่งกระดิกเท้ายิกๆ ตีหน้าเครียดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโผเข้ามาหา เธอร้องไห้ด้วย แถมยังถือโทรศัพท์ไว้ในมือไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก
“นิ้งปลอดภัยดีจ้ะส้ม” ฉันยิ้ม แล้วเธอก็ปล่อยโฮออกมา
“บ้าไปแล้ว! ส้มกำลังจะโทรแจ้งตำรวจเลยเมื่อกี้น่ะ ตอนที่เธอโดนไอ้หมอนั่นจับตัวไปส้มนี่เดินหานิ้งทุกซอยเลยนะ แต่ไม่เจอนิ้งเลย ส้มเกือบจะเป็นบ้า!”
“โอ๋ๆ ใจเย็นๆ นะส้ม นิ้งอยู่ซอยข้างมหาลัยนี่แหละ”
“จริงอ่ะ ส้มก็เดินไปที่ซอยนั้นนะ ทำไมส้มไม่เจอนิ้งเลย” ส้มหวานมีสีหน้าแปลกใจมาก เธอปล่อยตัวฉันด้วยน้ำตาแล้วเริ่มสำรวจไปรอบตัวของฉันทันที “เอ้ะ ปลอดภัยดี แล้ว... ไอ้นักเลงนั่นล่ะ?”
“เข้าห้องก่อนนะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ฉันพูด แล้วส้มหวานก็ปาดน้ำตาออก เธอพยักหน้าในขณะที่ปิดประตูลงอย่างว่าง่าย เราเดินเข้าไปนั่งในห้อง แล้วฉันก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง
จนฉันเล่าจบ ส้มหวานที่มีสีหน้านิ่งอึ้งตั้งแต่เริ่มเรื่องก็โพล่งขึ้นมา
“เถื่อนจัดปลัดบอก!” เธอหัวเราะออกมาหลังจากนั้น “เป็นการจีบที่แปลกประหลาดมากอ่ะ”
“ไม่เห็นน่าขำเลย” ฉันทำหน้ามุ่ย แล้วส้มที่มีสีหน้าดีขึ้นมากก็มองฉันยิ้มๆ
“ก็ดูหมอนั่นไม่มีพิษมีภัยอะไรนะ เทียบกับคนอื่นๆ ที่มาจีบนิ้งด้วยการทักแชทล่ะก็” พูดแล้วเธอก็ทำหน้าแหยะ “แบบนี้น่าตื่นเต้นกว่าเยอะ”
“งั้นเหรอ” ฉันนิ่งคิดตามคำพูดเธอไปด้วย “แต่เค้าดูน่ากลัวอ่ะ”
“ก็ต้องดูไปเรื่อยๆ” ส้มหวานพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น “ผู้ชายช่วงมาจีบแรกๆ มันก็มาดีทุกคนแหละ ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะมาแบบไหน เธอต้องดูเขาไปเรื่อยๆ ไงล่ะนิ้ง”
“แต่เขาดูไม่น่าคบหาเลยนี่นา” ฉันพูดแล้วก็นึกถึงตอนที่เขาดึงฉันมานั่งซ้อนตักที่รถมอเตอร์ไซค์ แล้วอยู่ๆ ก็โอเวอร์โหลดเลย หน้าก็ร้อนขึ้นมาแทบแดดิ้น “ฮือ ไม่ไหวหรอก”
“เอ้ะ นิ้งนี่! ก็อย่าไปคิดอะไรมาก” ส้มหวานพูดแล้วเขย่าไหล่ฉันที่เริ่มทำสีหน้าไม่มั่นใจ “นานๆ ทีจะมีคนกล้ามาจีบเธอตรงๆ มากกว่าการขอไลน์จากเพื่อนแล้วทักแชทเธอมานะนิ้ง เธอต้องลองดู มันน่าตื่นเต้นดีออกว่าเขาจะมาไม้ไหนบ้าง”
“หืม...”
ติ๊ง
ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบส้มหวานกลับไปด้วยซ้ำ อยู่ๆ เสียงไลน์เข้าจากโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น ฉันสบตากับส้มหวาน แล้วเธอก็พยักเพยิดให้ฉันหยิบขึ้นมาเปิดดู
เอ้ะ หรือว่า
พี่หลามคนจริง : ทำไรอ่ะ
พี่หลามคนจริง : คิดถึง
ฉันแทบจะปล่อยโทรศัพท์ลงพื้นตั้งแต่วินาทีนั้น
“ส้ม” ฉันเรียกเธอเสียงกล้าๆ กลัวๆ “เขาทักมาอ่ะ”
“เฮ้ย! เอามาดูๆๆ” เธอมีท่าทางตื่นเต้นในขณะที่หยิบโทรศัพท์ฉันไปดูบ้าง “คิดถึง? แม่เจ้า เปิดข้อความแรกมาจัดหนักปลัดยังบอกว่าสุดจัดเลยอ่ะ”
“ตอบไปว่ายังไงดี” ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วส้มหวานก็หันมามองฉันด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“คิดถึงเหมือนกันค่ะพี่หลาม งี้ดีมะ?”
“ส้ม! นิ้งไม่ตลกนะ” ฉันพูดอย่างขัดใจ แล้วดึงโทรศัพท์กลับมาเพื่อตอบกลับไป
พี่หลามคนจริง : อ่านแล้วไม่ตอบ ยุ่งอยู่เหรอ
Ka ning : เปล่าอ่ะ
ฉันไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรแล้วจริงๆ นะ
ติ๊ง
พี่หลามคนจริง : นึกว่ามากวนเธอ
พี่หลามคนจริง : คิดถึงชิบหายเลย อยากเจออีก
Ka ning : ไม่กวนๆ
พี่หลามคนจริง : ไรวะ ไม่คิดจะบอกคิดถึงกลับบ้างเหรอ
โอ้ย ทำไมเขาต้องพิมพ์อะไรแบบนี้มาด้วยนะ!
Ka ning : เพิ่งคุยกันวันแรกเอง
พี่หลามคนจริง : ก็เข้าใจ แต่อยากฟังอ่ะ
“แน่ะๆ ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ใหญ่เลย” ส้มหวานยิ้มแซวฉันที่นั่งกดโทรศัพท์ตอบข้อความเขา ฉันหน้าแดงไปหมด สารภาพเลยล่ะว่าฉันไม่เคยคุยอะไรแนวนี้กับผู้ชายที่มาจีบเลย แล้วก็มีใครพิมพ์คำว่าคิดถึงมาโต้งๆ แบบนี้ด้วย
ฉันไม่ชินอ่ะ
ติ๊ง
พี่หลามคนจริง : ไม่ตอบ งั้นทำไรอยู่
ฉันเม้มปาก ไม่อยากโดนส้มหวานล้ออีก ก็เลยตัดสินใจตัดบท
Ka ning : จะนอนแล้วล่ะ
พี่หลามคนจริง : เฮ้ย นอนเร็วจังอ่ะ
Ka ning : อื้อ ฝันดีนะ
ไม่รู้ว่าจะเย็นชาไปรึเปล่านะ
ฉันส่ายหน้าให้ตัวเองแล้ววางโทรศัพท์ลงกับที่นอน ส้มหวานมองฉันกลับ แล้วฉันก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้เธอ ก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อที่จะไปอาบน้ำ แล้วก็นอนหลับตามที่พิมพ์ส่งให้เขา
แต่พออาบเสร็จแล้วออกมาจากห้องน้ำนี่สิ
ติ๊ง
ติ๊ง
ติ๊ง
ฉันตกใจเมื่อได้ยินเสียงไลน์เข้าซ้อนกันสามครั้ง หันไปมองส้มหวานที่หลับปุ๋ยไปแล้วก็เลยถอนหายใจ เธอคงไม่มายุ่งอะไรกับโทรศัพท์ฉันหรอก แต่คงเป็นฉลามดุนั่นแหละที่ส่งมา ก็ฉันบอกว่าฝันดีแล้วนี่นา เขายังจะมาต่ออะไรอีก
ฉันกดเปิดไลน์ดู แล้วก็ถึงกับเหวอเมื่อเห็นข้อความของเขา
พี่หลามคนจริง : รีบนอนไปไหนวะ
พี่หลามคนจริง : อย่าเพิ่งนอนดิ
พี่หลามคนจริง : เงียบ หนีไปนอนเหรอ
พี่หลามคนจริง : ใครให้นอนวะถามจริง ไม่ให้นอน
พี่หลามคนจริง : บอกว่าไม่ให้นอนไง
อะ โอ้ย ฉันจะบ้าตาย
ติ๊ง
แต่สงสัยว่ามันขึ้นว่าอ่านแล้วในไลน์ของเขาเพราะฉันเปิดอ่านข้อความ ฉลามดุเลยรีบส่งข้อความใหม่มาอย่างรวดเร็ว
พี่หลามคนจริง : อ่านแล้ว ดีมาก
พี่หลามคนจริง : อย่าเพิ่งไปนอนได้มั้ย เราขาดเธอไม่ได้
ขาดเธอไม่ได้?
ฮือ ทำไมเขาถึงชอบพิมพ์อะไรแบบนี้มานะ มันจั๊กจี้ยังไงไม่รู้
Ka ning : ง่วงนอนแล้ววว
ฉันพิมพ์ตัดบทไปอีกครั้ง แล้วเขาก็เงียบไปพักใหญ่ มันขึ้นว่าเขาอ่านแล้ว แต่เขากลับไม่ตอบ
เอ้ะ เขาเป็นอะไรรึเปล่า?
แล้วฉันจะไปสนใจเขาทำไมเนี่ย
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะไม้ตรงหัวเตียง สางผมตัวเองลวกๆ แล้วล้มตัวลงนอน ฉันหลับตาลงแล้วทำท่าจะปิดโคมไฟที่หัวเตียงเพราะไฟนีออนส้มหวานปิดมันไปแล้ว
แต่ทว่า
ติ๊ง
เสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้ฉันรีบลุกจากเตียงไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูแทบไม่ทัน ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ฉันไม่ได้รอข้อความเขาสักหน่อย แล้วทำไม...
พี่หลามคนจริง : เดี๋ยวโทรไปร้องเพลงกล่อม
ทะ... ทำไม!
ครืด ครืด
“...!”
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกว่าโทรศัพท์สั่นทันทีที่ฉลามดุส่งข้อความนั้นมา และเพราะอารามตกใจ นิ้วฉันเลยเผลอไปโดนปุ่มกด... รับ!
ให้ตายเถอะ จะทำยังไงดี
สุดท้ายฉันก็จนใจ ไม่กล้าตัดสายด้วย เลยเอาโทรศัพท์มาแนบหู
[เฮ้ย รับแล้ว! เฮ้ย เค้ารับโทรศัพท์กูว่ะไอ้เดี่ยว!] ฉันเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูทันทีที่กดรับสายเสียงตะโกนท่าทางดีใจสุดๆ ของฉลามดุก็ดังขึ้นลั่นโทรศัพท์เหมือนเด็กเวลาที่ได้รถบังคับที่ถูกใจ ก่อนที่เหมือนจะเป็นเสียงของเขาที่ตีกันกับใครสักคน มีเสียงปาข้าวของด้วย จนกระทั่งเสียงทุ้มกลับมาทักอีกครั้ง [ไง]
“อะ... โทรมามีอะไรเหรอ” เสียงของฉันสั่นและเบามาก ฉันได้ยินเขาหัวเราะ แล้วพอฉลามดุตอบกลับมาเท่านั้นแหละ
[คิดถึงจะตาย] ฉันก็... อยู่ดีๆ ก็ตัวชาไปหมดเลย [เราไม่ชอบพิมพ์ข้อความ ชอบคุยต่อหน้ามากกว่าไง]
“...”
[แต่พอเธอกลับห้องเราก็ไม่รู้จะเจอหน้ายังไง ก็เลยโทรหา] ฉันฟังเสียงเขาเงียบๆ เพราะอายจนไม่กล้าที่จะพูดอะไร จนเสียงทุ้มต่ำดูออกจะเท่นิดๆ ของเขาดังขึ้นอีก [ไม่นอนเหรอนิ้ง]
“ก็คุณโทรมา...” ฉันพูดเสียงอ่อน แล้วเขาก็หัวเราะในลำคอ
[เฮ้ย เราก็แค่จะมากล่อมเธอนอนไง] เขาพูด [เผื่อจะฝันถึงเราไรงี้]
“มะ... ไม่ฝันหรอก”
[เออก็ได้ ไม่ฝันก็ไม่ฝันวะ] เสียงของเขากลั้วหัวเราะอยู่ตลอดเวลาเหมือนเจ้าตัวมีความสุขมากมาย ก่อนที่เสียงเขาจะห่างออกไปเหมือนกำลังคุยกับเพื่อน [เฮ้ย เหี้ยเดี่ยว มึงเอากีต้าร์กูมานี่]
“...”
[กูจะเล่นให้ว่าที่แฟนกูฟัง] ฉันหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อได้ยินเขาตอบเพื่อน ฉันไม่ได้ยินเสียงเพื่อนเขาหรอก แต่ได้ยินเสียงเขาเต็มๆ เลย ว่าที่แฟนอะไรกันน่ะ [เออ อย่าแซว เดี๋ยวกูตบให้เลย]
“...”
[มึงจะให้หรือไม่ให้ อย่ามาล้อเลียนดิ๊] เขาตวาดด้วย [นิ้งรอนานแล้ว มึงนี่แม่ง...!]
ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเหมือนปลายสายขว้างอะไรสักอย่างไปหาเพื่อนเขาจนมันกระแทกอะไรก็ไม่รู้เสียงดังมาก เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นอีกหลังจากนั้น เหมือนเขาวางโทรศัพท์แล้วเดินห่างออกไปเอาเรื่องเพื่อนเขาเลย จนกระทั่งฉันได้ยินเสียงเขาเอาโทรศัพท์มาแนบหู มันเป็นเสียงตะกุกตะกัก แล้วก็ไม่รู้ทำไมฉันถึงต้องรอเขากลับมาคุยด้วยนะ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
[มาแล้ว] ฉันได้ยินเสียงเขาดีดกีต้าร์คลอเบาๆ แล้วพูดเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น [ง่วงนอนยัง]
“เอ่อ...” ฉันตัดสินใจที่จะโกหก “ง่วงแล้วล่ะ”
ที่ไหนกันล่ะ ฉันตาสว่างตั้งแต่เขาโทรมาหาแล้ว
[งั้นเดี๋ยวร้องเพลงกล่อม เอาปะ?]
ฉันนิ่งไป
“เล่นกีต้าร์เป็นด้วยเหรอ” ฉันตัดสินใจถามเขาตามที่สงสัย
[เอากีต้าร์มาเล่นขนาดนี้คงเล่นไม่เป็นมั้ง] ฉันชะงักไปเมื่อเขากวนประสาท แล้วไม่ได้ตอบอะไรกลับไปจนเขาต้องพูดขึ้นมาอีก [โทษที ไม่แกล้งล่ะ โกรธเหรอ]
“กะ... ก็ไม่ได้โกรธค่ะ”
[โอเค ไม่ได้โกรธก็ไม่ได้โกรธ]
เขาว่าง่ายจังนะ
[เพลงไรดี] พอเห็นว่าฉันเงียบไป อีกฝ่ายก็พูดเหมือนกำลังถามตัวเอง แล้วก็เริ่มดีดกีต้าร์คลอขึ้นมาเบาๆ เป็นเพลงจังหวะช้าๆ ในขณะที่จะพึมพำในลำคอ แต่ฉันกลับได้ยิน [ไม่กล้าร้องว่ะ... ช่วงนี้ไม่ได้วอร์มเสียงเลย เพี้ยนสะเด็ด]
ฉันเกือบจะหลุดขำ แต่ก็กลั้นเอาไว้ทัน
“...”
[อย่าเงียบดิวะเธอ แนะเพลงหน่อย]
“เอ่อ... เพลงอะไรก็ได้จ้ะ”
[เพลงนี้มั้ย] เขาโพล่งแทรกขึ้นมา แล้วเริ่มเล่นเพลงที่ฉันไม่รู้จัก ฉันค่อยๆ ล้มตัวลงนอนเบาๆ เพราะกลัวจะทำส้มหวานตื่น แล้วฟังเสียงกีต้าร์ที่เขาเล่น ถือว่าใช้ได้เลยล่ะ ในขณะที่ฉันจะค่อยๆ หลับตาลง [... ดีมั้ย]
ฉันได้ยินเสียงเขานะ แต่ฉันเริ่มง่วงแล้วล่ะ
[นิ้ง หลับยังวะเนี่ย เงียบเลย]
“... อื้อ” ฉันครางกลับไป แล้วเขาก็หัวเราะกลับมา
[เสียงตอนเธอละเมอน่าจับฟัดจังอ่ะ]
ฉันได้ยินเขาพูดเรื่องน่าอายด้วย แต่ฉันไม่มีอารมณ์จะมาโวยวายเขาแล้ว ตาของฉันหนักอึ้ง ในขณะที่จะได้ยินเสียงเขาดังก้องอยู่ในหู ฉลามดุเรียกชื่อฉันอยู่สองสามครั้ง
ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไปซะดื้อๆ
[พาร์ท : ฉลามดุ]
อะไรวะ เงียบเลย
นิ้งหลับไปแล้ว?
“เล่นเพลงอะไรของมึงเนี่ยไอ้หลาม เลี่ยน” ผมผละจากโทรศัพท์ไปยังหน้าไอ้เดี่ยว มันเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายของผมเอง รักกันมาก แต่ดูมันพูดกับกูดิ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ผมจะเอากีต้าร์มาเล่นให้นิ้งฟังเผื่อได้คะแนนหัวใจ แต่มันก็กวนส้นอยู่ได้ “มัวแต่คุยกับแฟน ลืมเพื่อนเลยนะมึง”
“หลับไปล่ะ” ผมพูดสั้นๆ แล้วตัดสินใจไม่ตัดสาย คืออาจฟังดูโรคจิตนิดหน่อย แต่ผมอยากฟังเสียงหายใจของเธอตอนนอนไง “ผู้หญิงอะไรน่ารักชิบหายเลย”
“มึงจะพูดว่าน่าปล้ำว่างั้นเหอะ”
“ไอ้เหี้ย” ผมทำสีหน้าถมึงทึง แต่ในใจก็คิดงั้น ถึงมันจะดูคิดถลำลึกไปนิด “โคตรเซ็ง นิ้งนอนเร็วกว่าที่กูคิดอ่ะ กูกะจะคุยนานๆ”
อันนี้จากใจจริง ผมอุตส่าห์หน้าด้านโทรไปหาเธอทั้งๆ ที่เพิ่งคุยกันวันแรก ถึงจะตกใจที่นิ้งรับสายก็เหอะ แต่ก็ดีแล้วไง เธออาจจะมีใจให้ผมนิดๆ แล้วก็ได้
ผมคิดแล้วถอดเสื้อเปลี่ยนเป็นเสื้อกล้ามที่ผมมักใส่นอนเป็นประจำ แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นไปล้มตัวนอนบนเตียง หาหูฟังด้วย จะได้ฟังเธอตอนหลับ นี่ถ้าตอนนี้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ผมไม่ใช่ไอ้เดี่ยวแต่เป็นคะนิ้งล่ะก็ ผมคงนอนหลับฝันดีแน่ๆ
“มึงเคยอินดี้นึกอยากฟังเพลงก่อนนอนด้วยเหรอวะ” เพื่อนรักชิบหายมองหน้าผมในขณะที่มันนอนเล่น GTA V อยู่ ผมไหวไหล่ แล้วเสียบหูฟังอย่างรวดเร็ว
“กูจะฟังเสียงหายใจนิ้งตอนนอน” มันทำหน้าขยะแขยงทันทีที่ผมพูดจบ
“ไอ้หลาม ไอ้วิตถารโรคจิต”
“กูจะไม่ตัดสายแน่”
“ไอ้กาเมสุมิจฉา”
“เออ รู้ว่าเคยบวช แต่ไม่อยากฟัง” ผมทำสีหน้าหาเรื่องเพื่อบอกว่าผมจะเอาจริงแล้วนะ ไอ้เดี่ยวก็เลยยักไหล่อย่างกวนประสาทแล้วยอมสงบปากสงบคำเล่นเกมต่อไปเงียบๆ แต่โดยดี
ผมหันไปใจจดใจจ่อกับสายของคะนิ้งต่อ แล้วผมก็ได้ยินเสียงหายใจของเธอดังเล็ดลอดเข้ามา มันเหมือนเสียงลมว่ะ แผ่วๆ น่ารักๆ พูดแล้วก็อยากให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ เป็นเธอจริงๆ เลยว่ะ เชื่อดิ ผมจะจับหอมซ้ายหอมขวา ซบจนข้ามคืน
พูดแล้วก็นึกถึงตอนที่เจอเธอวันแรก
คือวันนั้นผมมีเรื่องไง สะสางกับอริเก่าที่เทคนิกฝั่งตรงข้ามเล็กน้อย ตะลุมบอนกันเสร็จอะไรเสร็จก็เดินกลับบ้านเพราะผมไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์ลูกรักผมมาด้วย ผมจำได้ว่าผมเห็นเธอเดินกลับบ้านกับเพื่อน ก็เห็นเธอเดินแค่กับยัยคนนั้นคนเดียวนั่นแหละ คือรู้อะไรมั้ย ตอนที่เธอเดินผ่านผมแล้วมันเป็นจังหวะที่เธอคุยอะไรไม่รู้แล้วหัวเราะ
เชื่อมั้ย นาทีนั้นเหมือนเห็นตุ๊กตาเดินได้ ถึงสภาพตอนนั้นจะร่อแร่ แต่ก็แทบละลาย
ผู้หญิงอะไรวะ น่ารักขยี้ใจสิ้นดี
แล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็แอบมาด้อมๆ มองๆ เธอแถวๆ หน้ามหาลัยอยู่บ่อยๆ คือเข้าใจฟิลรักแรกพบมั้ย แบบเห็นแล้วคิดเลยว่าคนนี้แหละแม่ของลูกในอนาคต ผมมองเธอมาประมาณเดือนกว่าๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว จนวันนี้ไม่รู้เกิดความกล้าเหี้ยอะไรขึ้นมาถึงไปยืนดักอยู่ในมหาลัย แล้วตัดสินใจเรียกชื่อเธอ จนกระทั่งมาขอเบอร์ (แบบบีบบังคับนิดๆ)
พอได้คุยผมก็ยิ่งรักยิ่งหลงเข้าไปอีก แล้วพอเธอหลับไปทั้งๆ ที่คุยกับผมนะ
คือเหมือนเธอแม่งไว้ใจผมอ่ะ เหี้ย เขินว่ะ คิดเองเขินเอง
ผมหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งแบบโงหัวไม่ขึ้นแค่เพราะเห็นเธอยิ้ม แค่นิ้งมายืนอยู่ตรงหน้า ผมแม่งก็อยากจะดิ้นตรงหน้าเธอเลย
อย่า... อย่าให้เจออีกทีนะเว้ย
น่ารักขนาดนี้ ถ้าจีบไม่ติด ไม่ได้คบเป็นแฟนคงเสียชาติเกิด
[จบพาร์ท : ฉลามดุ]
























