บทที่ 8 ขี้น้อยใจ (1)
ฟะ... แฟนเหรอ!
ฉันทำหน้าเหวอทันทีเมื่อได้ยินเขาพูดเธอไปแบบนั้น พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าคนตัวโตก็กำลังสบตาฉันอยู่เช่นกัน ใบหน้าของเราอยู่ในระยะประชิดเพราะเขากอดฉันไว้แนบไหล่ ฉันเบนสายตาไปที่มือของตัวเองที่ยื้อไหล่ของฉลามดุเอาไว้จากเหตุการณ์กะทันหันเมื่อครู่ แล้วอยู่ดีๆ หน้าก็ร้อนขึ้นมา
แฟนอะไรกัน ไม่ใช่สักหน่อย
“เอ้ะ เราไม่เห็นรู้เลย” ผู้หญิงคนนั้นหน้าเสียไป ก่อนที่เธอจะหันมามองหน้าฉันอย่างงุนงง “แต่เราไม่เห็นได้ข่าวเลยว่าคะนิ้งดาวคณะอักษรจะมีแฟน”
อะ... อะไรน่ะ เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ
“ดาวคณะ?” ฉลามดุทวนเสียงเข้มทันที ก่อนที่เขาจะก้มลงมามองฉันที่ก้มหน้างุด “จริงเหรอนิ้ง”
“อะ... อื้อ” ฉันตอบกลับไปเสียงอ้อมแอ้มอย่างไม่ค่อยอยากจะพูดถึงนัก ฉันไม่ค่อยชอบตำแหน่งนี้มาตั้งแต่แรก พยายามจะขอออกอยู่หลายครั้งแต่ไม่เคยสำเร็จสักที ทั้งๆ ที่ฉันพยายามทำตัวไม่ให้เป็นจุดเด่นมากแล้วนะ เธอก็ยังจำได้อีก
“แม่ง...” แต่ที่ผิดคาดกว่าคือฉลามดุดันสบถออกมาเหมือนไม่สบอารมณ์ แล้วกำชับอ้อมแขนแน่นขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน “งี้คนก็จ้องแต่จะแอ้มเธออ่ะดิ ดีกรีดาวคณะไม่มีใครไม่อยากได้หรอก”
ฉันทำหน้างง ส่วนผู้หญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอเลิกคิ้วออกมา
“เราไม่ชอบ ออกเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“...”
“ลาออกจากดาวคณะเดี๋ยวนี้เลย”
มาขอแบบนี้มันได้เหรอ!
“เมื่อกี้เราแค่ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธผู้หญิงคนนั้นว่ายังไง เธอไม่โกรธใช่มั้ย?”
ฉันทำหน้ามุ่ยเล็กๆ หลังจากที่ฉลามดุพูดประโยคนั้นจบ ดาวคณะนิเทศน์คนนั้นก็เลยขอตัวออกไปอย่างหัวเสีย ส่วนฉันก็รีบเด้งตัวออกจากหน้าตักของร่างสูงทันทีเมื่อเขาคลายมือออก แล้วขยับไปนั่งจนสุดขอบของเก้าอี้อย่างรักษาระยะห่าง แม้ว่าฉันจะเข้าใจเรื่องที่เขาไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมาจีบ เขาอาจจะอยากแสดงความจริงใจ หรืออะไรก็ตาม
แต่การที่ดึงฉันเข้ามาเกี่ยวด้วยนี่มันใช่แล้วเหรอ
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” ฉันพูดกับเขาโดยไม่สบตา แล้วก็ได้ยินเสียงขยับตัวของคนข้างๆ
“ผิดเหรอ” และน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะตัดพ้อกลายๆ ของเขาทำให้ฉันชะงักไป “ที่ไม่มีสิทธิ์แต่หวงเธอเนี่ย”
“...”
“ผิดขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันหันกลับไปมองเขาทันที แล้วก็ผงะไปเมื่อเห็นว่าร่างสูงขยับตัวมาใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และพอเขาเห็นฉันสบตาด้วย ฉลามดุก็ท้าวแขนเข้ากับโต๊ะหินอ่อนทางด้านหลัง แล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาอย่างไม่แคร์สายตาของคนอื่นที่มองมาทางนี้เลย
“อะ... ใกล้เกินไปแล้ว” ฉันท้วงเขาแล้วเอากระเป๋ามาบังหน้าเอาไว้ ร่างสูงชะงักไป เขาถอยหลังในทันที แล้วเริ่มหัวเราะ
“ไม่ได้สักที” เขาพึมพำอะไรสักอย่าง แล้วฉันก็เริ่มอยากให้ส้มหวานมาที่นี่เร็วๆ เพราะฉันเริ่มรับมือกับเขาไม่ถูกแล้ว “เธอใจอ่อนเมื่อไหร่... เราจะไม่ปล่อยให้หนีแน่คอยดู”
ฉันเบิกตากว้าง มองเขาที่ยกไฟแช็คมาเปิดปิดเล่น ฉลามดุไม่ยอมลุกไปซะที เอาแต่นั่งข้างๆ ฉันจนกระทั่งฉันเห็นร่างบางของส้มหวานที่เดินบึ่งเข้ามาในประตูมหาลัย
“ส้ม... ส้มมาแล้วล่ะ” ฉันพูดกับเขา แล้วร่างสูงก็ยืดตัวมองตาม
“เห็นแล้ว” เขาตีหน้าเซ็ง ในขณะที่ทันทีที่มาถึงตัวส้มหวานก็เริ่มบ่นอุบ
“พี่หลาม! วันหน้าวันหลังอย่าลากนิ้งไปฉุกละหุกแบบนั้นอีกนะ อย่างน้อยก็บอกกันก่อน” เธอเอ็ดฉลามดุเป็นอย่างแรกยังกะสนิทกันมานาน แล้วเขาก็ทำหน้าตายใส่ “ยังจะมาทำหน้าแบบนั้นอีก รู้มั้ยว่าน้องตกใจแค่ไหนเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ลากนิ้งออกไปเลย!”
“ก็พี่แค่อยากอยู่กับนิ้ง” เขาตอบสั้นๆ แต่กลับทำให้ฉันตัวแข็งทื่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ “ทำไมทุกคนถึงมองพี่ผิดๆ แบบนั้นกันนักวะ”
“พี่...!” ส้มหวานตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง หากแต่ว่าฉลามดุกลับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเสียก่อน เขามองหน้าฉัน แล้วเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพร้อมกับล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเอง
“เลิกเรียนแล้วโทรมาเบอร์ที่พี่โทรไปนะ” เขาตบบ่าของส้มหวานเบาๆ แล้วเดินออกไปโดยไม่หันมามองหน้าฉันเลย แล้วนั่นก็ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่า...
“ผิดเหรอ... ที่ไม่มีสิทธิ์แต่หวงเธอเนี่ย”
“ทำไมทุกคนถึงมองพี่ผิดๆ แบบนั้นกันนักวะ”
เขาพูดเหมือนกำลังน้อยใจฉันเลย
จบคลาสแล้ว และฉันก็ได้แต่ยืนกระวนกระวายใจอยู่ข้างๆ ส้มหวาน
ให้ตายเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย เจอกันไม่กี่วันเอง แถมอีกฝ่ายก็เอาแต่จะวู่วามใส่อยู่ท่าเดียว แล้วทำไมฉันจะต้องมากังวลเรื่องที่เขาทำท่าเหมือนน้อยใจฉันด้วยนะ
“ส้มโทรหาพี่หลามแปปนะนิ้ง” ส้มหวานหันมาพูดกับฉันที่บังเอิญหันมามองหน้าเธออย่างขออนุญาตโดยไม่รู้ว่าทำไม ฉันแสร้งทำเป็นไม่สนใจตอนเธอยกโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ก็แอบเงี่ยหูฟังเสียงปลายสายเมื่อเธอเริ่มพูดเมื่อฝั่งนั้นรับสายแล้ว “ฮัลโหล พี่หลาม! เลิกเรียนแล้วนะ”
[เหรอ] ฉันได้ยินเสียงปลายสายตอบกลับมา มันชัดมากเพราะส้มหวานเปิดสปีกเกอร์โฟนต่อหน้าฉันเลยหลังจากเห็นว่าฉันเอียงหน้าไปทางโทรศัพท์ของเธอมากเกินไปหน่อย ทำเอาหน้ามานไปเลยเมื่อเห็นว่าเธอจับได้ว่าฉันแอบฟังอยู่
เปล่าสนใจสักหน่อย
“พี่จะพูดแค่นี้เหรอ” เธอถามปลายสายและเหลือบมองฉัน แล้วฉันก็ทำเมินหน้าหนีไปมองทางอื่น
[อ่า... รู้แล้วว่าเลิกเรียน]
“...”
[ฝากบอกนิ้งด้วยว่าวันนี้พี่ไม่ว่าง] ฉลามดุตัดสายไปในทันที ในขณะที่ฉันชะงักไป น้ำเสียงของเขาดูเรียบเฉยมากเลย จนกระทั่งส้มหวานเอาโทรศัพท์ออกแล้วเริ่มบ่น
“อะไรของพี่เค้าเนี่ย เสียมารยาทสุดๆ ตัดสายใส่ได้ยังไง” เธอทำหน้ามุ่ยตอนมองฉันที่นิ่งไป “งั้นเรากลับกันเถอะนิ้ง ดูพี่เค้าจะไม่ว่างนะ”
“อะ... อื้อ” ฉันพยักหน้าอย่างเก้ๆ กังๆ แล้วต่อมาก็โดนแรงจับจูงของส้มหวานให้เดินไปขึ้นสองแถวอีกฝั่งหนึ่ง ฉันถอนหายใจตอนขึ้นไปนั่ง แล้วก็ถอนหายใจอีกเมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เขาน้อยใจฉันเหรอ? หรือว่าเขาจะไม่จริงจังกับฉันกันแน่นะ
... ถ้าจะไม่มารับ ก็น่าจะส่งไลน์มาบอกกันบ้างสิ
“... อะ” ฉันสะดุ้งเมื่อเผลอคิดแบบนั้นออกไป เธอคิดอะไรอยู่นะคะนิ้ง เธอไม่ได้รอเขาสักหน่อย ตอนที่เรียนอยู่เธอแทบไม่นึกถึงเขาด้วยซ้ำ ถึงเขาจะมาหรือไม่มา จะจริงใจหรือไม่จริงใจเธอก็ไม่เห็นต้องไปสนใจเลยนี่
ใช่ ไม่เห็นจะต้องไปสนใจเลย
ฉันพยักหน้ากับตัวเอง เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก
จนกระทั่ง...
ดึกแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืด แต่ก็ไม่มีเสียงโทรศัพท์สั่นเลยสักนิด
แต่ฉันไม่ได้กระวนกระวายใจเลยนะ ฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของส้มหวานที่เราจะผลัดกันมานั่งทำเวลามีงาน ในขณะที่ส้มเล่นโน้ตบุ๊คอยู่บนเตียง
ฉันเอาโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงเลยล่ะ ถึงใครจะโทรมาฉันก็ไม่ได้ยิน...
“นิ้ง! พี่หลามโทรมา”
ฉันแทบจะหันไปทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ต่อมาก็หันหน้าหนี แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ระ... เหรอจ๊ะ ส้มรับให้หน่อยสิ”
“โอเค” เธอกดรับทันที ถึงแม้ว่าตอนแรกฉันอยากจะทิ้งไว้จนเขากดวางไปเอง แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ “พี่หลามเหรอ! ส้มพูดนะ พอดีนิ้งอ่านหนังสืออยู่”
“...”
“อ้อ นิ้งไม่ว่าหรอก แค่อ่านทวนของวันนี้น่ะ ใกล้จะจบแล้ว ส้มแอบดูอยู่” ฉันตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินแบบนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉลามดุคงคิดว่าฉันยุ่งอยู่เรื่องอ่านหนังสือ แต่ทว่า... “ฮะ? พี่อยู่หน้าหอเหรอ ยามไม่ให้เข้า?”
“...”
“โอเคๆ เดี๋ยวส้มบอกนิ้งให้”
ติ๊ด
ฉันได้ยินเสียงเธอวางสาย จนกระทั่งส้มหวานวางโทรศัพท์ฉันลงที่เดิมแล้วพูดขึ้น
“นิ้ง พี่หลามรออยู่หน้าหอเราอ่ะ นิ้งลงไปรับเขาขึ้นมาหน่อยสิ”
อะ... อะไรนะ
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้สองเท้าของฉันก็ยืนอยู่หน้าหอพักของตัวเองแล้ว
ไม่รู้ว่าส้มหวานอยากจับคู่ฉันกับฉลามดุอะไรขนาดนั้น เธอพยายามผลักดันฉันให้ลงไปข้างล่างด้วยตัวเองให้ได้เลย ในขณะที่ตัวเองก็นอนเล่นโน๊ตบุ้คอย่างสบายใจ
ให้ตายสิ นี่ส้มไม่รู้เลยรึไงนะว่าฉันโดนเขาโกรธอยู่น่ะ
เขาอยู่นั่นแล้ว ตรงลานจอดรถข้างหน้าตึกใกล้ป้อมยามนี่เอง
ฉันเม้มริมฝีปาก ตัดสินใจยืนแอบอยู่ข้างๆ เสาข้างหน้าหออย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่อทันทีที่ลงไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกับรถมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นเคย ฉลามดุสูบบุหรี่อีกแล้ว เขานั่งหันเสี้ยวหน้าด้านข้างมาทางที่ฉันยืนอยู่ ร่างสูงเสยผมขึ้น แล้วเริ่มพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างเงียบเชียบ
ฉันค่อยๆ โผล่หน้าออกไป แล้วก็เป็นจังหวะที่ร่างสูงหันมามองทางนี้พอดี
ทันทีที่เห็นเขาก็กวักมือเรียกฉันให้เดินเข้ามาหา แล้วทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นในวินาทีนั้น
ฉันอึกอักนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะยังโกรธหรือน้อยใจฉันอยู่รึเปล่า แต่พอเดินเข้าไปใกล้ตัวร่างสูงที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์แล้ว ข้อมือของฉันก็ถูกคว้าไปใกล้เขาอีกนิดอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อะ... ปล่อยนะ” ฉันตกใจและดันเขาออกทันที ในขณะที่เงยหน้ามองฉลามดุในความมืด มันมีแค่แสงไฟจากถนนข้างหน้าเท่านั้น ฉันก็เลยเห็นไม่ชัดว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่
จนกระทั่งทั้งตัวของฉันถูกเขาโอบเข้ามาใกล้และถูกกอดเอาไว้แน่นโดยที่คนกระทำไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
ฉันเบิกตากว้าง พยายามดันเขาออกอีกรอบแต่ก็ไม่เป็นผล เลยได้แต่พูดเสียงสั่นๆ ออกไปแทน “นะ... นี่”
“เราหนาว” แต่คำสั้นๆ ของเขากลับทำให้ฉันชะงักไปอย่างไม่เข้าใจ “แล้วก็น้อยใจนิดหน่อย”
นะ... น้อยใจ?
“...”
“เธอโกรธเรารึเปล่า... ที่วันนี้เราไม่ได้ไปรับ” ฉันนิ่งไปเมื่อได้ยินฉลามดุถาม และสั่นหน้าเบาๆ ในอ้อมแขนของเขา “แต่เราโกรธ”
เขาโกรธฉันเหรอ?
“โกรธเรื่องอะไรเหรอ” ฉันถามกลับไป แล้วร่างสูงก็ซุกใบหน้าลงมาที่ไหล่ของฉันจนสะดุ้งไปทั้งตัว เส้นผมแข็งๆ ของเขาคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอจนฉันต้องหลับตาปี๋และหน้าร้อนวูบขึ้นมาด้วยความอาย
“ไม่มีเหตุผล” เขาตอบกลับเบาๆ แล้วกอดฉันแน่นขึ้นอีก “แค่เราชอบเธอมาก... ก็เลยโกรธมั้ง”
“ไม่เห็นเข้าใจเลย”
“หึ อย่าเข้าใจเราเลยว่ะเธอ” เขาคลายอ้อมกอดออก แล้วจับไหล่ของฉันเอาไว้แน่นในขณะที่มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า “จะนอนแล้วไง?”
ฉันทำหน้างุนงงแล้วก้มลงมองชุดของตัวเอง เพิ่งรู้สึกตัวว่าใส่ชุดนอนลงมาหาเขาข้างล่าง มันเป็นชุดนอนแบบเดรสสีครีม แถมบางเบามากด้วย หน้าแดงไปหมดเมื่อรู้สึกตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉลามดุที่เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“อย่าใส่ชุดนอนบางๆ แบบนี้ลงมารับผู้ชายคนไหนอีกเลยนะ” เขาพูดแบบนั้น แล้วมันก็ทำให้ฉันต้องก้มหน้างุดลงแทบจะทันที “แต่มารับเราได้”
“...”
“เมื่อกี้ที่กอดเธอ เหม็นบุหรี่มั้ย?” พอเห็นว่าฉันเงียบไป ฉลามดุก็ถามขึ้นมาอีกเหมือนพยายามหาเรื่องคุย ส่วนมือที่จับที่ไหล่ของฉันก็เริ่มเลื่อนลงมากุมมือของฉันเอาไว้อย่างหลวมๆ
“นะ... นิดหน่อย” ฉันตอบโดยไม่สบตากับเขา แล้วฉลามดุก็หัวเราะ
“ไม่บอกก่อน” เขาบีบมือฉันแน่นขึ้นข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างก็เลื่อนขึ้นมาปัดเส้นผมของฉันที่ตกลงมาปรกหน้าเพราะลมตอนกลางคืนมันค่อนข้างแรงให้อย่างลวกๆ “ไม่ชอบคนสูบบุหรี่?”
ฉันมองเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วตอบไปตามความจริง “อื้อ ไม่ชอบ”
“งั้นเดี๋ยวเราเลิกให้” ฉันเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำแบบนี้จากปากผู้ชายคนไหน เขาจะเลิกบุหรี่ให้ฉันเหรอ ทำไม? “ไม่ชอบอะไรอีก”
“...!”
“ถ้าเธอไม่ชอบ จะได้เลิกให้หมดเลย” เลือดบนใบหน้าของฉันสูบฉีดจนชาไปหมดเมื่อเขาพูดแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมทั้งดึงตัวฉันให้ขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าของเขาอีก และเพราะฉลามดุนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์มันก็เลยดูเหมือนฉันสูงกว่าเล็กน้อย เส้นผมของฉันตกลงมาปรกหน้าของเขา ในขณะที่ร่างสูงจะฉีกยิ้ม “บอกแล้วว่าเพื่อเธอเราทำได้ทุกอย่าง”
“...”
“หนาวมั้ย เธอใส่เสื้อบางมากเลยว่ะ” เขาพูดอีก ย้ำอีกว่าชุดเดรสของฉันมันบางแค่ไหน ในขณะที่จะโอบเอวฉันเข้ามาใกล้เมื่อมีกลุ่มผู้ชายที่พักหอพักเดียวกันกับฉันเดินผ่านและนั่งจับกลุ่มกันตรงโต๊ะม้าหินอ่อนที่ไม่ไกลกันนัก พอฉันมองตามก็เห็นว่าพวกเขากำลังมองฉันด้วยแววตาจาบจ้วง ถึงแม้ว่าฉันจะยืนอยู่กับฉลามดุและถูกเขาโอบเอวอยู่ก็ตาม “... เธอไม่น่าเลือกหอพักนอกมหาลัยเลยนะ”
“หือ... อะไรนะ” ฉันหันไปมองเขาอย่างสงสัยเมื่อรู้สึกว่าร่างสูงพึมพำอะไรสักอย่างข้างๆ หู ก่อนที่ฉลามจะหันกลับมามองและไม่พูดอะไร ในขณะที่เลือกที่จะทำอะไรบางอย่าง
“นิ้ง ใส่นี่ไว้”
เขาถอดเสื้อฮู้ดด้านนอกที่ใส่อยู่แล้วสวมให้ฉัน
“อะ... ไม่หนาวสักหน่อย” ฉันท้วง ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไรจนถูกร่างสูงช้อนตัวให้มานั่งตักเขาบนเบาะมอเตอร์ไซค์ หน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“ถ้าไม่ทำแบบนี้พวกมันก็ไม่เลิกมองเธอหรอก” เขาอธิบายทันทีเหมือนกลัวว่าฉันจะหนีเขาเพราะการกระทำที่อุกอาจแบบนี้ ฉันมองตามสายตาของร่างสูง แล้วก็เห็นว่าพวกผู้ชายกลุ่มนั้นหันกลับไป
อ๋อ เขากำลังช่วยฉันอยู่นี่เอง
แต่ดูเหมือนคนที่จะถึงเนื้อถึงตัวไม่ใช่แค่สายตา จะเป็นเขามากกว่านะ
“เอ่อ... ขอบคุณนะ” ฉันไม่รู้ว่าควรพูดคำนี้มั้ยกับสถานการณ์ที่ตัวเองตกเป็นรองแบบนี้ แต่พอพูดออกไป ฉลามดุก็เอื้อมมือข้างหนึ่งมารั้งเอวของฉันไว้ทันที
“ขอโทษนะนิ้ง” เขาพูดสั้นๆ แล้วฉันก็ทำสีหน้างุนงง
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ที่ไม่ได้ไปส่งวันนี้” ฉันชะงักไป แล้วก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่กุมเข้าหากันเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี “เราโกรธ แต่พอเรารู้สึกตัว เราก็รีบมาที่นี่เลย ถึงเพื่อนเธอจะบอกว่าเธอโอเคดี เราก็อยากมาเจอหน้าให้แน่ใจกว่านี้”
“...”
“เราชอบเธอ และเราจะไม่ทำแล้ว ครั้งนี้ครั้งเดียว”
“...”
“เธอไม่โกรธนะ?”
“มะ... ไม่จ้ะ”
เพราะอย่างงั้น...
เพราะอย่างงั้นก็เลิกทำให้ฉันเขินจนทำตัวไม่ถูกขนาดนี้สักทีเถอะ
























