บทที่ 9 ขี้น้อยใจ (2) จบตอน

“ดีแล้ว เราก็ไม่คิดว่าเธอจะโกรธหรอก” เขาพูด และถึงจะไม่ได้หันกลับไปมองฉันก็พอจะรับรู้ได้ว่าเขากำลังยิ้มอยู่ “พรุ่งนี้มีเรียนมั้ย?”

“อะ... อื้อ มี” ฉันตอบอย่างตกใจเพราะเขาเอียงหน้าเข้ามาถามจากด้านข้าง มันใกล้มากจนฉันตั้งตัวไม่ทัน แล้วฉลามดุก็พยักหน้ารับรู้ เขาผละใบหน้าออกไปแล้วถามอีก

“กี่โมง”

“เที่ยงค่ะ เหมือนวันนี้” ฉันคิดว่าฉันเริ่มชินกับท่านั่งในตอนนี้แล้วก็เลยพูดออกมาแบบไม่ติดอ่างเหมือนเคย “ทำไมเหรอ?”

“เปล่า” เขาหัวเราะในลำคอ “แต่ถ้าตื่นทันจะโทรหา”

“...”

“จะได้ไปส่ง” ฉันก้มหน้าลงมองมือของตัวเองอีกครั้งเมื่อไปไม่เป็น เขาพูดแล้วก็มองไปทางผู้ชายตรงนั้นด้วย ดูเหมือนฉลามดุจะไม่ชอบพวกเขาเอามากๆ เลย

“แต่... แต่ส้ม”

“เพื่อนเราทำงานที่อู่ พรุ่งนี้เราก็มีเรียน เดี๋ยวจะเอารถเพื่อนไปส่งเธอก่อนไง” เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันอยากจะถามอะไร ร่างสูงพูดตัดบทแบบไม่ให้ฉันแทรกขึ้นมาได้เลยอย่างไม่ทุกข์ร้อน แล้วก็ดูเหมือนจะไม่อยากให้ฉันปฏิเสธด้วย “โอเคนะ?”

ถึงไม่โอเคก็ต้องโอเคไม่ใช่เหรอ

“อื้อ”

“...”

“มาเร็วๆ นะ” ฉันรู้สึกว่าผู้ชายที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังชะงักไปหน่อยๆ ฉันก็แค่อยากแกล้งเขานิดหน่อยน่ะ ก็เขาชอบแกล้งฉันก่อนนี่นา อย่างที่ดึงมานั่งบนตักแบบนี้มันก็คือการแกล้งให้ฉันเขินไม่ใช่เหรอ

“เธอพูดว่าไงนะ” แต่พอเขาถามย้ำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ฉันก็รู้สึกว่าที่พูดไปน่ะเป็นอะไรที่คิดผิดสุดๆ เลย

“มะ... มาเร็วๆ นะ”

“...”

“หนูจะรอ”

คะนิ้งจ๋า เธอแกล้งเขามากเกินไปแล้ว

“พูดจริง?” เขาทวนอีก แล้วฉันก็หลับตาปี๋แล้วพยักหน้ารัวเร็ว ก่อนที่ร่างสูงจะหัวเราะเสียงดัง ในขณะที่จะคว้าเอวฉันแล้วดันให้ลุกขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

ฉันมองเขาอย่างงุนงง แล้วฉลามดุก็กอดคอฉันแล้วเดินผ่านกลุ่มพวกนั้นที่เหลือบมามองพวกเรานิดหน่อย เขาเบี่ยงด้านตัวเองไปทางพวกนั้น ในขณะที่จะดึงตัวฉันให้เบียดชิดเข้ากับตัวของเขาอย่างหวงแหน

“จะพาไปไหนอ่ะ” ฉันหน้าแดงไปหมดและถามขึ้นอย่างลนลานเมื่อถูกเขาลากให้เดินเข้ามาด้านในหอพัก ไม่มีใครเข้ามาห้ามเลย เพราะปกติเวลาคนนอกที่ไม่ใช่คนในหอพักเข้ามาจะถูกยามกันออกมาและต้องรับบัตรอนุญาตเข้าหอพักก่อน โดยจะต้องมีคนในหอพักที่รู้จักกันมายืนยันด้วย

แต่นี่เขาคงคิดว่ามากับฉันล่ะมั้ง ก็... ก็ฉลามดุเล่นกอดฉันหน้าหอซะขนาดนั้นนี่

“ดึกแล้ว” เขาตอบคำถามฉันสั้นๆ แล้วเบี่ยงตัวฉันให้ไปยืนข้างหน้า “พรุ่งนี้เธอมีเรียนเช้า เดี๋ยวนอนไม่พอ”

“เอ่อ... ไม่เช้านะ” ฉันท้วง ก็มันตั้งเที่ยงแน่ะ ฉันตื่นเจ็ดโมงครึ่งทุกวันอยู่แล้วอ่ะ

“แต่เช้าสำหรับเรา เรากลัวตื่นไม่ทัน” ฉันมองเขาแล้วกลั้นหัวเราะในเหตุผลนั้น แล้วก็เห็นรอยยิ้มจางๆ ของร่างสูงที่ปรากฎขึ้นที่มุมปากของเขา “เราก็แค่อยากมาส่งเธอ”

“...”

“ฝันดีนะนิ้ง” ฉันมองเขาแล้วพยักหน้าเบาๆ ฉลามดุจ้องหน้าฉันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะทำอะไรบางอย่าง

ร่างสูงเคลื่อนใบหน้าลงมาแล้วหอมแก้มฉันหนักๆ จากทางด้านซ้าย

“...!!” ฉันเบิกตากว้าง เอามือมาจับแก้มของตัวเองเอาไว้ ในขณะที่หน้าร้อนเห่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันเห็นเขายิ้มกว้าง แล้วเดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองโดยที่ขับออกไปทันที

ฉันทรุดตัวนั่งลงกับโซฟารับแขกด้านในหอ แล้วก็เอามือมาปิดหน้าตัวเองที่ร้อนจัดจนเหมือนกาต้มน้ำเดือดๆ อย่างรวดเร็ว

ขะ... เขานี่มัน

[พาร์ท : ฉลามดุ]

คืนนี้ผมฝันดีแน่นอน

“ยิ้มอะไรของมึง ดูๆ ไปแล้วเหมือนฆาตกรโรคจิต เห็นแล้วคลื่นไส้” ผมหันไปตามต้นเสียง แล้วก็เห็นเจ๊เพทเดินเข้ามาในขณะที่โยนกระป๋องเบียร์ส่งให้ผมหลังจากที่ผมขับจากหอพักของนิ้งและแวะมาที่นี่ “แดกให้หมดนะ กูเลี้ยง”

เธอชื่อ ‘เพทาย’ เป็นผู้หญิงคนเดียวในประวัติกาลที่เป็นหัวหน้าเด็กช่างแถวๆ นี้ เธอเป็นเจ๊ใหญ่ของที่นี่ แล้วเผอิญว่าผมรู้จักกับไอ้พัสน้องชายของเจ๊แกด้วยไง ก็เลยแวะมาที่อู่ของมัน อีกอย่างเพราะผมทำงานอยู่ที่นี่เป็นประจำด้วย

ผมก็แค่อยากรีบมาเอารถไปรับนิ้ง

“เออ มีเรื่องดีๆ” ผมตอบแล้วเปิดกระป๋องเบียร์อย่างอารมณ์ดี ส่วนผู้หญิงในชุดหนังแบบโคตรแมนก็เดินมาเคาะรถที่ผมมาเอาสองสามที ก่อนที่เธอจะนั่งลงตรงฝากระโปรงรถ

“เรื่องไร ผู้หญิงเหรอ?” ผมฉีกยิ้มกลับไปแทนคำตอบ แล้วเจ๊ก็แค่นหัวเราะ “อยากรู้ว่าครั้งล่าสุดที่มึงยิ้มทุเรศแบบนี้คือตอนไหน ตอนคบกับไอ้พราวปะ?”

พราวที่ว่าเป็นแฟนคนก่อนที่ผมเพิ่งเลิกไป เพราะเธอมีคนอื่น แถมคนอื่นที่ว่าก็เป็นคนที่โคตรเหม็นขี้หน้า จำได้ว่าตอนนั้นผมวูบไปหลายอาทิตย์

“ก็แค่แฟนเก่า” ผมแค่นหัวเราะตามบ้างแล้วกระดกเบียร์เข้าคอ “เลิกไปจะเป็นชาติ เจ๊อย่ารื้อฟื้นดิวะ”

“แล้วไง?”

“กูชอบคนนี้มากกว่า”

“มากแค่ไหน ชอบมากกว่าของมึง” ผมถอนหายใจ ในขณะที่จะยกมวนบุหรี่ขึ้นมาจะสูบ แต่พอเสียงของคะนิ้งดังขึ้นมา...

“ไม่ชอบคนสูบบุหรี่?”

“อื้อ ไม่ชอบ”

ผมก็ยัดมันใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม

“เจ๊...” ผมโพล่งขึ้น แล้วเจ้าของชื่อเรียกก็หันมามองอย่างสงสัย “เจ๊ยังสูบพอดอยู่มั้ยวะ?”

“เดี๋ยวถีบเลย กูไม่สูบ” พูดปากเปล่าไม่พอ ยังยกเท้ามาถีบหลังผมด้วย “ทำไม จะเลิกบุหรี่ไง?”

“เออ”

“อย่าบอกนะว่า?”

“เออ นั่นแหละ” ผมตอบปัด ก็ผมกะจะเลิกให้นิ้งไง “แค่คิดว่าช่วงแรกๆ จะอยากมากจนเผลอสูบอีก”

“คนจริงมันต้องไม่พึ่งตัวช่วยปะวะ”

“...”

“มึงชอบเขาแค่ไหนล่ะ ถ้าหลงมากถึงขั้นโงหัวกบาลไม่ขึ้นขนาดนั้น” ผมเงียบฟังเจ๊เทศน์อย่างสงบ ก่อนที่เธอจะกระแทกกระป๋องเบียร์ลงบนกระโปรงรถเสียงโคตรดัง “มึงต้องเลิกขาด แบบไม่ต้องพึ่งห่าอะไรเลย”

“ได้ดิวะ” ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าจริงจัง “ว่าแต่ทุบกระป๋องใส่รถแบบนั้นไอ้พัสไม่ด่าเหรอวะ”

เท่าที่รู้จักกันมา ว่ากันว่ามันเป็นคนหวงรถยิ่งกว่าอะไรดี

“เออ ช่างแม่ง รถมันไม่ใช่รถกู” เจ๊แกว่าพลางยักไหล่อย่างไม่แคร์ แต่ต่อมาก็ถามขึ้นมาอีกเหมือนเพิ่งสังเกต “มึงมาเอารถไอ้พัส?”

“ใช่”

“ทำไมวะ มอไซค์เดี้ยงเหรอ”

“เปล่า ยืมไปรับคนคุย” ผมกระตุกยิ้ม แล้วเจ๊เพทก็ทำหน้าแปลกใจ “อยากให้นิ้งนั่งรถ”

“นิ้ง? ชื่อคนที่มึงจีบเหรอ คุ้นๆ” เจ๊ทำสีหน้าสงสัย จะว่าไป... เจ๊เพทไม่ค่อยถูกกับช่างสักคนหนึ่งที่เคยเป็นเด็กช่างเก่า เมื่อก่อนเคยเป็นหัวหน้าของเด็กช่างอีกกลุ่มที่เป็นศัตรูกันเพราะเรื่องหวงถิ่น หัวรุนแรงพอกันทั้งคู่ ช่วงนั้นตีกันวุ่นวายน่าดู “เหมือนชื่อน้องไอ้เวรคะนอง”

นั่นไง

“โลกคงไม่กลมขนาดนั้นมั้ย” ผมทำสีหน้าเบื่อโลก

ให้พูดตรงๆ เลยคือเรื่องมันก็จบนานแล้ว ตอนแรกคิดว่าเจ๊เพทแกจะปลงได้ แต่นี่อะไรวะ วันๆ เวลาผมแวะมาหาก็เอาแต่พูดเรื่องจะแก้แค้นมันอยู่ได้ ตอนนี้เฮียแกก็ไปทำงานแล้ว ทำงานเป็นช่างสักซะด้วย ส่วนเจ๊แกก็ทำอู่อยู่กับไอ้พัส ในเมื่อวางมือกันทั้งคู่ก็ควรให้เรื่องมันจบดีๆ

“แต่นิ้งคนนั้นกูเอ็นดู”

“เจ๊เลิกพูดเหอะ”

“ฟังกูพูดให้จบ” เจ๊ถลึงตาใส่ผมแล้วพูดต่อ เหมือนไม่สนใจเลยว่ะว่าหน้าผมตอนนี้บ่งบอกว่าผมขี้เกียจนั่งฟังแค่ไหน “น้องเป็นเด็กกำพร้า ไม่ใช่ลูกจริงๆ ของบ้านมัน แต่ไอ้คะนองทั้งรักทั้งหวง หมั่นไส้ก็จริง แต่เป็นกูกูก็หวง”

“อ่า...” ผมครางสั้นๆ แล้วกระดกกระป๋องเบียร์ลงคออีก แล้วอยู่ดีๆ ในหัวมันก็... “แล้วถ้านิ้งคนนั้นกับนิ้งของกูเป็นคนเดียวกันจริง เจ๊ว่าจะจีบลำบากปะวะ”

ใช่ อยู่ดีๆ ผมก็ดันบ้าจี้คิดแบบนั้นขึ้นมา กลัวว่าโลกแม่งจะเกิดกลมขึ้นมาจริงๆ

“มั้ง กูไม่รู้ แต่มึงก็รู้ว่าไอ้ห่าคะนองมันหวงพี่หวงน้องมันจะตาย” เจ๊แกทำสีหน้าขยะแขยงไปด้วยตอนพูด คงไม่ชอบเท่าไหร่ที่จะต้องมานั่งชมศัตรูของตัวเอง “มันอาจจะจับมึงสักตีนก็ได้”

“เออ ถ้าเป็นนิ้งของกูนะ จะสักตรงไหนก็เอามาเหอะ”

จากการที่รู้จักไอ้เฮียคะนองมานาน

ถ้าโลกมันจะกลมจริงๆ ผมก็จะขอสู้ให้ได้นิ้งจนถึงที่สุดเลยว่ะ เพราะผมโคตรชอบเธอเลย

[จบพาร์ท : ฉลามดุ]

บทก่อนหน้า
บทถัดไป