บทที่ 17 จองจำ
แฮ่ก...
เสียงลมหายใจดังขึ้นแผ่ว ๆ ร่างกายของฉันตอนนี้หนักอึ้งไปหมดทุกส่วน ฉันไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับเปลือกตาด้วยซ้ำ แสงสว่างอ่อน ๆ บนเปลือกตาทำให้รับรู้ว่าวันนี้ฉันยังมีชีวิตอยู่อีกหนึ่งวัน ฉันพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ริมฝีปากแห้งผากจากการขาดน้ำมาเป็นเวลาหลายวัน
นั่นสินะ… ร่างกายของฉันขาดน้ำและอาหารมากี่วันแล้วนะ…
นับตั้งแต่วันที่ถูกเขาคนนั้นลักพาตัวมา ฉันก็ไม่ได้แตะอาหารหรือน้ำเลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากคืนนั้นที่เขามัดข้อมือฉันติดกับผนัง เขาก็ไม่เคยโผล่หน้าเข้ามาอีกเลย เขาหายไปและปล่อยทิ้งฉันไว้ในนี้โดยไม่สนใจไยดีสักนิด
นี่เขาคิดจะทรมานฉันให้ตายด้วยการอดน้ำอดอาหารหรือยังไงกัน…
ฉันถอนหายใจแผ่ว ๆ ราวกับมันเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ไม่ปาน ร่างกายฉันอ่อนล้ามาก จิตใจก็อ่อนแอเช่นกัน หัวสมองมันสับสนมึนงงไปหมด เรื่องราวหลายเรื่องตีรวนจนแยกไม่ออกว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริงและเรื่องไหนคือเรื่องที่ฉันมโนภาพไปเอง
ฉันเกลียดอาการบ้า ๆ พวกนี้ชะมัด… อาการที่ฉันเป็นอยู่มันคืออาการของโรคจิตเวชชนิดหนึ่งซึ่งสามารถระงับอาการได้ด้วยยา และในเวลานี้ฉันต้องการมันมากกว่าน้ำหรืออาหารเสียอีก… ยากระปุกนั้น…
โรคจิตเวช… ได้ยินคำนี้แล้วอาจจะตกใจกันไปบ้าง คงคาดไม่ถึงว่าคุณหนูผู้ร่ำรวยอย่างฉันจะเป็นโรคบ้าบอแบบนี้ด้วย มันน่าตลกชะมัดกับการต้องยอมรับความเป็นจริงว่าสิ่งที่คุกคามชีวิตแสนเลิศหรูของฉันคือไอ้โรคบัดซบพวกนี้!
ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเริ่มเกิดขึ้นกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ความทรงจำของฉันมันถูกโรคบ้า ๆ นี่บิดเบือนไปหมด ฉันไม่สามารถแยกแยะได้เลยว่าความทรงจำไหนคือเรื่องจริง และความทรงจำไหนคือเรื่องที่สมองของฉันสร้างขึ้นมาเอง มันคือความทรมานที่ฉันต้องทนทุกข์อยู่กับมันมาหลายปีแล้ว
บางครั้งโรคที่ฉันกำลังเผชิญอยู่มักจะทำให้ฉันขาดสติ คลุ้งคลั่ง และซึมเศร้าในเวลาเดียวกัน แต่ส่วนมากฉันควบคุมมันได้ด้วยการกินยา ถ้าไม่มีอะไรมากระทบต่อความรู้สึกมากมาย อาการพวกนี้จะค่อย ๆ หายไปเอง และสามารถใช้ชีวิตปกติร่วมกับผู้อื่นได้ บอกก่อนว่าโรคจิตเวชที่ฉันเป็นมันเป็นประเภทของโรคซึมเศร้า ฉันไม่ใช่คนบ้าหรือคนวิกลจริต มันไม่ได้เลวร้ายบัดซบขนาดนั้น
กริ๊ก…
เสียงปลดล็อกกุญแจดังขึ้นหน้าประตูโกดังก่อนจะตามมาด้วยเสียงโซ่กระทบกันเบา ๆ ฉันพยายามปรือตาขึ้นอีกครั้ง พลางใช้มือข้างที่ไม่ได้ถูกมัดยันตัวเองเพื่อลุกขึ้นมานั่งพิงผนังอย่างยากลำบาก ร่างกายฉันตอนนี้มันชาไปหมดทุกส่วนโดยเฉพาะข้อมือข้างที่ถูกมัด คราบเลือดสีแดงคล้ำเกรอะกรังไปทั่วทั้งตัว หนักสุดคงจะเป็นบาดแผลตรงฝ่ามือ
ประตูโกดังถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงเดินแทรกเข้ามา ฉันยกฝ่ามือขึ้นบังแสงไม่ให้แยงตา เพราะอยู่กับความมืดมาตลอดหลายวันทำให้ดวงตาไวต่อแสงมาก เขาคนนั้นเหมือนรู้ว่าฉันกำลังแสบตา ประตูโกดังถูกเลื่อนปิดอีกครั้ง ความมืดครอบคลุมโดยรอบ ขณะที่ร่างสูงค่อย ๆ เดินเข้ามาหาฉัน
“คะ… ใคร?”
ฉันพยายามเปล่งเสียงแหบแห้งถามทันทีที่เขามาหยุดยืนตรงหน้า แสงอ่อน ๆ จากด้านนอกส่องผ่านเข้ามาทำให้ฉันเห็นใบหน้าของคนคนนี้ชัดเจนขึ้น และเขา… ไม่ใช่ผู้ชายสารเลวคนนั้น!
ชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้าฉันยังคงยืนนิ่งไม่พูดอะไร มีเพียงแววตาคมกริบกวาดมองไปทั่วร่างกายและฟูกที่นอนใต้ร่างฉัน เขาหยุดสายตาลงตรงข้อมือข้างที่ถูกมัดก่อนจะขยับตัวขึ้นมาบนฟูกเพื่อคลายเชือกให้กับฉัน ช่วงเวลานั้นฉันหวาดระแวงเขาอย่างที่สุด จังหวะที่เขาขยับกายเข้ามาใกล้ฉันแทบจะหยุดหายใจ ด้วยเพราะหวาดกลัวต่อการกระทำของผู้ชายสารเลวคนนั้นที่ทำไว้กับฉันก่อนหน้านี้
“ดื่มน้ำนี่ซะ”
หลังจากแกะเชือกตรงข้อมือเสร็จ เขาก้มลงจัดการปลดโซ่ตรวนตรงข้อเท้าของฉันต่อ จากนั้นหันกลับไปหยิบขวดน้ำขึ้นมาเปิดฝาแล้วส่งให้ฉัน วินาทีนั้นฉันเหมือนหมาจรจัดผู้หิวโหยไม่มีผิด รีบคว้ามันมาดื่มอย่างไม่คิดจะลังเล ไม่กลัวสักนิดว่าเขาจะใส่ยาพิษหรือยาเบื่อหนูให้กิน
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะดี... บางทีการฆ่าฉันให้ตายในคราเดียวมันอาจจะทรมานน้อยกว่าการถูกจองจำอยู่แบบนี้ก็เป็นได้
“เธอชื่ออัยย์สินะ”
“...” ฉันชะงักมือที่กำลังกระดกน้ำเล็กน้อยพลางเหลือบตามองเขา ความเจ็บปวดตรงฝ่ามือกลับมาเล่นงานฉันอีกแล้ว คงจะเป็นเพราะน้ำที่ฉันลนลานดื่มมันไหลลงมาสัมผัสกับบาดแผล ฉันควรจะดีใจดีไหมที่อย่างน้อย ๆ ฉันก็ยังมีความรู้สึกเจ็บปวดอยู่
ไม่สิ… นี่ไม่ใช่เวลาที่ฉันจะมาโอดครวญตอนนี้ ผู้ชายคนนี้ต่างหากล่ะที่ฉันควรจะให้ความสนใจ ฉันจ้องหน้าเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง เรือนผมสีทองอ่อนบวกกับใบหน้าเรียวดุจเทพบุตร เขาคนนี้ดูดีไม่ต่างจากผู้ชายสารเลวคนนั้นเลย ฉันยังคงจ้องหน้าเขาต่อไป ความรู้สึกของฉันมันบอกว่าผู้ชายคนนี้อาจจะไม่ได้เลวร้าย…
“นายเป็นใคร…” ฉันถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ถึงจะได้ดื่มน้ำแก้กระหายไปบ้าง แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยฟื้นเรี่ยวแรงให้กับร่างกายฉันอยู่ดี
“อาคิระ ฉันเป็นเพื่อนของไอ้ฮาเดส”
“...” ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฮาเดส… เขากำลังหมายถึง… ผู้ชายสารเลวคนนั้นเหรอ?
“เธอไม่รู้จักไอ้ฮาเดสเหรอ?” อาคิระถาม สีหน้าเขาเหมือนกำลังจับผิดกัน ฉันจ้องหน้าเขานิ่งเป็นคำตอบ
ไม่เลย… ฉันไม่คุ้นกับชื่อนี้เลยสักนิด
“แล้วถ้าชื่อ… ชินซองล่ะ เธอพอจะรู้จักไหม?”
