บทที่ 3 สมควรตาย

ชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตาสะท้อนความสวยงามและหรูหราผ่านกระจกเงาบานใหญ่ ฉันเหม่อมองมันด้วยสายตาเลื่อนลอย ภายในหัวสมองว่างเปล่า หัวใจเต้นช้าลงเรื่อย ๆ ราวกับจะหยุดเต้นเสียให้ได้ สองมือยังคงกำการ์ดแต่งงานแน่นอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี

‘ยามาดะ อัยย์ & ทานากะ ริวตะ’

ชื่อแรกคือชื่อของฉัน อัยย์ ที่มีความหมายว่า ความรัก นั่นคือชื่อที่ติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิด ส่วนชื่อหลังคือชื่อเจ้าบ่าวของฉัน ริวตะ คือผู้ชายที่ฉันเพิ่งจะเข้าพิธีแต่งงานด้วยเมื่อช่วงเช้า และเรากำลังจะร่วมฉลองงานเลี้ยงกันในช่วงเย็นที่ผ่านมา หากทว่างานทุกอย่างกลับต้องยุติลงเพราะว่าเขา… เจ้าบ่าวของฉันเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตเมื่อหลายชั่วโมงก่อน

หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตกะทันหันของริวตะ ฉันเกิดอาการช็อกไปชั่วขณะ มันอธิบายความรู้สึกภายในใจไม่ถูกว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ ถึงแม้ว่าการแต่งระหว่างฉันกับริวตะจะเป็นผลพวงมาจากธุรกิจของครอบครัว แต่เราสองคนก็คบกันในฐานะคู่หมั้นมากว่าสี่ปีแล้ว ความผูกพันและสิ่งดี ๆ ที่ริวตะเคยทำให้ฉัน มันยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของฉัน มันยังอยู่ในนั้น…

ถ้าถามว่าฉันรักเขาไหม… แน่นอน… ฉันรักเขา และตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกเสียใจกับการจากไปของเขามาก… ความเจ็บปวดในหัวใจคือสิ่งที่ยืนยันความรู้สึกของฉันได้อย่างดีที่สุด

ก๊อก ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนปรากฏร่างสูงของชายชุดดำคนหนึ่ง เขาเดินเข้ามาส่งบางอย่างให้กับฉันซึ่งรับมันมาถือไว้ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ชายคนนั้นเดินกลับออกไปปล่อยฉันไว้ในห้องแต่งตัวของโรงแรมเพียงลำพังเช่นเดิม

ฉันก้มมองสิ่งของในมือตัวเองนิ่ง มันคือโทรศัพท์มือถือของริวตะ หลังจากประสบเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการส่งมอบทรัพย์สินให้กับญาติเป็นที่เรียบร้อย แต่ฉันขอโทรศัพท์เครื่องนี้เอาไว้เพราะต้องการจะเช็คอะไรบางอย่างซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำ ริวตะตั้งรหัสล็อกมันเอาไว้ตลอด และฉันเองก็ไม่เคยใส่ใจด้วย

แต่ทว่า… เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้ฉันรู้สึกสงสัยบางอย่าง เมื่อเช้าหลังจากเราสองคนเข้าพิธีแต่งงานกัน ริวตะมีท่าทางร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด เขารีบขับรถออกไปหลังจากจบพิธี ฉันพยายามโทรหาเขาแต่ก็ไม่ยอมรับสาย จนกระทั่งทราบข่าวว่ารถของเขาตกลงไปในเหวลึกซึ่งอยู่บริเวณชานเมือง

เขาขับรถไปทำอะไรที่นั่น…

ฉันได้แต่ถามตัวเองแบบนั้นในใจ จากนั้นจึงสั่งให้ลูกน้องคนสนิทนำโทรศัพท์ของริวตะไปปลดล็อกอย่างที่เห็นนี่แหละ หน้าจอสี่เหลี่ยมสว่างวาบขึ้นทันทีที่กดเปิดเครื่อง ภาพบนหน้าปัดปรากฏเด่นชัดหวนให้นึกถึงเจ้าของโทรศัพท์อีกครั้ง

นายจากไปแล้วจริง ๆ เหรอริวตะ…

ปลายนิ้วค่อย ๆ ลูบหน้าจอเบา ๆ รูปของเขากำลังส่งยิ้มมาให้ฉัน ริวตะเป็นผู้ชายนิสัยบ้าบิ่นและเอาแต่ใจพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยทำเรื่องแย่ ๆ ใส่ฉัน เขาอาจจะให้เกียรติฉันหรืออาจจะไม่กล้า… ฉันก็ไม่อาจรู้ได้…

“นี่มัน…”

ความคิดทั้งหมดทั้งมวลของฉันถูกหยุดชะงักเมื่อเปิดเข้าในโหมดสายเรียกเข้าแล้วพบว่าเบอร์ติดต่อล่าสุดของริวตะก่อนจะเกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นเบอร์ของใครคนหนึ่งซึ่งฉันรู้จักเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าฉันจำเบอร์นี้ได้

ปลายนิ้วเลื่อนหน้าจอไปเรื่อย ๆ ก่อนจะกดเข้าห้องสนทนาซึ่งก่อนหน้านี้ถูกใส่รหัสไว้อย่างแน่นหนา และก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย… ห้องสนทนาล่าสุดของเขาคือห้องของเจ้าของเบอร์ติดต่อล่าสุดนั่นเอง

ฉันเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจเล็กน้อยว่าควรจะเปิดอ่านมันดีไหม ตอนนี้ฉันค่อนข้างมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับ ๆ ของริวตะกับผู้หญิงคนนี้ และเลือดในกายฉันมันเริ่มจะเดือดพล่านแล้วด้วย… ถ้าฉันอยากจะปล่อยให้เรื่องนี้มันตายไปกับเขา ฉันควรจะหยุดแค่นี้… เพราะถ้าหากต้องรับรู้อะไรไปมากกว่านี้… ฉันอาจจะไม่จบเรื่องนี้ง่าย ๆ แน่นอน

แต่ว่า… ลืมไปหรือเปล่าว่าฉันคือใคร… ฉันคือ ยามาดะ อัยย์ ลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านรัฐมนตรีเชียวนะ ฉันไม่มีทางยอมให้ใครมาสวมเขาง่าย ๆ แบบนี้หรอก โดยเฉพาะคนสองคนนี้ที่ฉันไว้ใจมาก

ฉันไล่อ่านข้อความย้อนหลังระหว่างริวตะกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยหัวใจสงบนิ่ง ความรู้สึกของฉันตอนนี้มันนิ่งราวกับน้ำทะเลที่กำลังจะเจอคลื่นลูกใหญ่ ข้อความสุดหวานและถ้อยคำบอกรักรวมไปถึงภาพถ่ายสุดวาบหวิวของทั้งสองช่วยตอกย้ำให้ฉันระลึกขึ้นได้ว่าที่ผ่านมาฉันมันโง่ดักดานมากแค่ไหน

.

[ฮึก… ฉันไม่ยอม ไม่ยอมให้พี่แต่งงานกับพี่อัยย์นะ! พี่ได้ยินฉันไหมพี่ริวตะ ฉันรักพี่… รักพี่จริง ๆ นะคะ]

.

ข้อความเสียงของผู้หญิงคนนั้นดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ฉันเม้มริมฝีปากแน่นขณะเลื่อนกดฟังคลิปต่อไปเรื่อย ๆ

.

[พี่จะแต่งงานไม่ได้นะ! ถ้าพี่แต่งงานฉันจะฆ่าตัวตาย! ฉันจะตายให้พี่ดูจริง ๆ ฉันจะตายไปพร้อมกับลูกในท้อง!]

.

ลูกในท้อง… อย่างนั้นเหรอ…

ฝ่ามือที่กำโทรศัพท์แน่นชุ่มไปด้วยเหงื่อ ภายในหัวใจมันบีบรัดจนเจ็บหน่วงไปหมด ผู้หญิงคนนั้นกำลังตั้งท้องลูกของริวตะจริง ๆ น่ะเหรอ…

หึ… นี่เธอคิดจะใช้เด็กมาข่มขู่เขาอย่างนั้นสินะ

.

[ถ้าเย็นนี้พี่ไม่มาหาฉัน… ฉันจะตายให้พี่ดู… พี่ริวตะ!]

.

นั่นคือข้อความเสียงสุดท้ายก่อนที่ริวตะจะผลุนผลันออกจากงานไป เพราะอย่างนี้นี่เอง… เขารีบขับรถออกชานเมืองแบบนั้นเป็นเพราะต้องการจะไปหาผู้หญิงคนนั้นนี่เอง…

ก็ดี… เขามันสมควรตายจริง ๆ ผู้ชายสารเลวคนนั้นสมควรแล้วที่ต้องตายแบบนี้… เขานอกใจฉันมาโดยตลอด เขากล้าออกไปหาผู้หญิงคนอื่นในขณะที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกับฉัน เขาทำให้ฉันกลายเป็นอีหน้าโง่ถูกสวมเขามาเป็นปี ๆ

ผู้หญิงคนนั้นก็เช่นกัน… ฉันไม่มีวันให้อภัยเธอแน่…

ในเมื่อรักกันมากจนมองข้ามศีลธรรมขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะตายตกตามกันไปซะเลย!

ฉันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดต่อสายหาใครคนหนึ่ง เสียงสัญญาณดังไม่นานก่อนปลายสายกดรับ

“ตามหาผู้หญิงคนหนึ่งให้ฉันหน่อย ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้ยัยนั่นอยู่ที่ไหน”

[ได้ครับคุณหนู เธอคือใครครับ?] ปลายสายถามกลับอย่างนอบน้อม ฉันบิดริมฝีปากกรีดยิ้มนิด ๆ ขณะเอ่ยชื่อของเธอคนนั้น

“โอ ชอนซา”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป