บทที่ 6 คิดถึง
“กรี๊ดดดด! ปล่อยฉันนะ!! อย่ามายุ่งกับฉัน!! ฮือออ!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังไปทั่วโถงทางเดินของโรงพยาบาล สร้างความตื่นตกใจให้กับคนไข้และเหล่าพยาบาลเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มที่กำลังเดินออกจากลิฟต์ในมือถือของพะรุงพะรังหยุดชะงักเท้านิ่ง เขาจำเสียงนี้ได้ดี เสียงหวานคุ้นเคยที่เขาได้ยินมาเป็นสิบ ๆ ปี
“ชอนซา…”
สองเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดินซึ่งทอดไปสู่ห้องผู้ป่วยวีไอพีที่เขาใช้ชีวิตหลับนอนมากว่าสามวันแล้ว มือหนาผลักบานประตูเข้าไปด้วยหัวใจเต้นรัว ดวงตาคมเข้มจับจ้องเตียงผู้ป่วยที่ขณะนี้มีนางพยาบาลในชุดสีขาวคนหนึ่งพยายามกดร่างบางบนเตียงให้นอนนิ่ง
พรึ่บ
ถุงในมือตกลงบนพื้นทันที ร่างสูงรีบวิ่งเข้าหาน้องสาวตัวเองพร้อมกับคว้าเธอมากอดเอาไว้แน่น นางพยาบาลคนนั้นจึงยอมปล่อยมือออกจากร่างบาง
“เกิดอะไรขึ้น… น้องสาวผมเธอเป็นอะไร?” เขาถามพลางจับจ้องไปทางนางพยาบาลซึ่งสวมหน้ากากอนามัยปิดปากเอาไว้เหลือเพียงดวงตา มือหนาลูบผมปลอบประโลมน้องสาวแผ่วเบาขณะเจ้าตัวหมดสติไปแล้ว
“คนไข้ฟื้นขึ้นมาแล้วร้องโวยวายเสียงดังค่ะ พอดิฉันเข้ามาก็เห็นว่าเธอกำลังจะใช้มีดปอกผลไม้ทำร้ายตัวเอง”
นางพยาบาลคนดังกล่าวชี้นิ้วไปทางมีดปอกผลไม้ที่ตกอยู่บนพื้น ชินซองหัวใจหล่นวูบทันที เขาเป็นคนวางมีดนั่นไว้บนหัวเตียงเอง เพราะไม่คิดว่าชอนซาจะฟื้นขึ้นมาแล้วทำเรื่องน่ากลัวแบบนั้นอีก
“คุณต้องระวังให้มากนะคะ อย่าปล่อยให้คนไข้อยู่คนเดียวอีก เพราะสภาพจิตใจของคนไข้ตอนนี้บอบช้ำมากค่ะ ส่วนของมีคมพวกนี้ควรจะเก็บให้ห่างจากคนไข้เป็นดีที่สุดค่ะ”
“ครับ… ขอบคุณ”
“ค่ะ ถ้าต้องการความช่วยเหลือสามารถกดปุ่มเรียกฉุกเฉินได้เสมอนะคะ” เธอก้มลงหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาถือแล้วหันกลับมาหาสองพี่น้องอีกครั้ง ดวงตาเรียวเล็กหลุบมองชอนซาที่หมดสติไปแล้วเล็กน้อยก่อนจะละขึ้นมองชินซอง “ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ชินซองไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่ยืนมองพยาบาลคนนั้นเดินออกจากห้องไปพร้อมมีดปอกผลไม้นั่น เขาค่อย ๆ ขยับตัวชอนซาให้นอนลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม ใบหน้าขาวซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงก้มลงจุมพิตหน้าผากมนแผ่วเบา หัวใจเขาเต้นช้าลงเรื่อย ๆ เหมือนกับว่ามันจะหยุดเต้น
ทำไม… ทำแบบนี้ทำไมชอนซา… อยากจะฆ่าพี่ให้ตายทั้งเป็นใช่ไหม… ทำไมถึงไม่รักชีวิตตัวเองเลย…
.
.
.
07:34 PM
Rrr…
“…อือ” น้ำเสียงเข้มกรอกรับปลายสาย สองเท้าเร่งก้าวเดินบนฟุตบาทหน้าโรงพยาบาล มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ขึ้นสูบพลางขยับกระเป๋าสะพายไหล่ให้เข้าที่เข้าทาง
[ชอนซาฟื้นหรือยัง?] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยปนเคร่งเครียด ชินซองรู้ดีว่าอาคิระเป็นห่วงชอนซามากแค่ไหน แม้ช่วงนี้เขาจะไม่ว่างแวะเข้ามาหา แต่ก็ยังอุตส่าห์โทรมาไถ่ถามแทบจะตลอดเวลา
“ฟื้นแล้ว แต่หลับไปแล้ว”
[เหรอ… อืม เดี๋ยวดึก ๆ กูแวะเข้าไป] ริมฝีปากหนาติดคล้ำบิดยิ้มนิด ๆ ขณะพ่นควันสีขาวขึ้นฟ้า เขาชะงักฝีเท้าบริเวณสวนสาธารณะหน้าโรงพยาบาลเพื่อสูบบุหรี่ให้หมดมวนบวกกับต้องการจะคุยเรื่องบางอย่างกับปลายสายด้วย
“แล้ว ‘เรื่องนั้น’ ว่ายังไง?”
[…] อาคิระเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบ [กูยังไม่แน่ใจ ขอเวลาสักพักแล้วจะบอก]
“มึงรู้ใช่ไหมไอ้คิระ คนอย่างกูไม่ชอบรออะไรนาน ๆ”
พูดไปสายตาก็เหลือบมองหน้าต่างห้องพักผู้ป่วยของน้องสาวตัวเองบนชั้นเจ็ดไปพลาง แสงไฟสลัว ๆ รอดผ่านมาจากผ้าม่านทำให้รู้ว่าคนในห้องนั้นยังคงหลับใหลอยู่ เขาละสายตาจากหน้าต่างลงมาที่ถนนเบื้องล่างก็ต้องชะงักสายตาค้างเพราะร่างบางของใครคนหนึ่ง
“แค่นี้ก่อนนะ”
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเทาควันบุหรี่กดตัดสายพร้อมกับโยนบุหรี่ในมือทิ้ง สายตาเขาตอนนี้จับจ้องไปทางร่างบางแสนคุ้นตาที่กำลังเดินออกมาจากโรงพยาบาลด้วยท่าทางดุจนางพญา
ใบหน้าสวยเรียบตึงขึงดวงตาเย็นชากวาดมองชายชุดดำรอบตัวเล็กน้อยก่อนจะก้าวขึ้นรถลีมูซีนคันหรู ชินซองก้าวเท้าไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว มือข้างหนึ่งยื่นไปทางรถคันนั้นที่ค่อย ๆ ขับเคลื่อนออกจากหน้าโรงพยาบาลช้า ๆ
ภายในหัวใจของเขามันเต้นกระหน่ำรัวอย่างบ้าคลั่ง นี่คือสิ่งที่เขารอคอยมาแปดปีเต็ม การได้พบกับเธอคนนั้นอีกครั้งคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด เขาอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร
ความโกรธ… ความผิดหวัง… ความเสียใจ… เหมือนมันเจือจางลงไปเพียงได้เห็นหน้าของเธอ…
ความคิดถึง… ใช่… เขากำลังต่อต้านความรู้สึกนี้อยู่…
ตลอดเวลาแปดปีที่ชินซองต้องทุกข์ทรมานอยู่ในขุมนรกนั่น เขาพยายามดับความรู้สึกดี ๆ ทั้งหมดที่เคยมีให้กับเธอคนนั้นลง เขาพยายามฆ่าความรู้สึกอ่อนแอเหล่านั้นทิ้งเพื่อมีชีวิตรอดออกมาจากที่แห่งนั้นให้ได้…
และเขาก็ทำมันได้มาตลอด…
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
เสียงกรีดร้องดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ชินซองหันกลับมามองตามทิศทางเสียงนั้นทันที เพราะตำแหน่งที่เสียงดังมันไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่ ร่างสูงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปในบริเวณนั้น
“ตายแล้ว! มีคนไข้พลัดตกตึก! เรียกบุรุษพยาบาลที!”
เมื่อมาถึงบริเวณดังกล่าวก็พบกับผู้คนจำนวนหนึ่งกำลังยืนมุงอะไรบางอย่าง ได้ยินเสียงตะโกนบอกให้รู้ถึงสถานการณ์ตรงหน้าอย่างโกลาหล ชินซองรีบเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างห้องพักของน้องสาวตัวเองตามสัญชาตญาณทันทีเพราะตำแหน่งที่ทุกคนมุงอยู่นั้นมันตรงกับห้องของเธอพอดีและนั่นก็ทำให้หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น!
หน้าต่างห้องของชอนซาถูกเปิดออก… ผ้าม่านปลิวไหวออกมาเพื่อตอกย้ำว่าเขาไม่ได้ตาฝาด…
