บทที่ 4 เพลิงคลั่งรัก : 3
ท่านเพิ่งมาจากฉันเพราะโรคร้ายตอนฉันอายุสิบเจ็ด และเพียงแค่ปีเดียวที่อยู่กับป้าเหยา พี่สาวแท้ ๆ ของแม่ ชีวิตฉันก็เปลี่ยนจากเด็กไฮโซกลายเป็นยาจกในเวลาไม่ถึงสามเดือน
สาเหตุน่ะเหรอ?
ก็เพราะผีพนันไงล่ะ..!
ป้าเหยาติดพนัน เล่นอย่างหามรุ่งหามค่ำอยู่ในกาสิโนเถื่อน
ตอนแรก ๆ ฉันก็เห็นท่านอารมณ์ดี มีขนมและของฝากติดไม้ติดมือมาให้ฉันกับเจ้หงตลอด
แต่ผ่านไปไม่ถึงสองเดือนเต็มด้วยซ้ำ จากเพชรเต็มคอ แก้วแหวนเงินทองเต็มบัญชี ท่านก็เริ่มเข้ามาวุ่นวายที่สมบัติของแม่ฉันที่ทำพินัยกรรมให้ท่านเป็นผู้ดูแลมรดกพวกนั้นจนกว่าฉันจะบรรลุนิติภาวะ
จนอยู่มาวันหนึ่ง มีกลุ่มชายน่ากลัวหลายสิบคนเข้ามายึดบ้านฉันที่เป็นหนึ่งในมรดกที่แม่ทิ้งไว้ให้
ยึดรถยึดโฉนดที่ดิน ทุก ๆ อย่างที่เป็นของ 'จินฟางหรง' หรือแม่แท้ ๆ ของฉันเอง
รีบสะบัดหัวไล่อดีตที่ขมจื่นออกไปแล้วกลับมาสู่ปัจจุบัน
ฉันต้องรีบไปอาบน้ำเพราะไม่อยากเสียมารยาทให้ผู้ใหญ่รอนาน
แต่พอส่องกระจกทีไรหัวใจก็แทบจะหยุดเต้น
ตรงปีกไหล่ด้านหลังฉันมีรอยแผลเป็นยาวประมาณห้าเซนฯ ได้
ที่มาของแผลนี้ก็เกิดจากเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันได้พบกับคุณเพลิงกัลป์นั่นแหละ
ฉันอยากลบรอยนี้!
แต่ก็อยากเก็บไว้เตือนสติและความทรงจำตัวเองว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากใคร
ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานก็รีบขึ้นลิฟต์ลงมาชั้นล่าง
บ้านที่ฉันอาศัยอยู่ตอนนี้ เห็นคุณเพลิงกัลป์บอกว่ามันคือเพ้นท์เฮ้าส์ของเขา
มีทั้งหมดสี่ชั้น...
ชั้นบนสุดมีสามห้อง และหนึ่งในนั้นคือห้องนอนส่วนตัวของฉัน ส่วนชั้นสามทั้งชั้น ฉันไม่เคยได้เหยียบมันเลยเพราะเป็นชั้นส่วนตัวของเขา ถัดลงมาเป็นห้องทำงาน และชั้นสุดท้ายที่ยืนอยู่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องออกกำลังกาย ห้องโฮมเธียเตอร์ ห้องครัว แบ่งตามสัดส่วนกันไป
"มาแล้วเหรอ"
ทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่ที่ดูอ้างว้างเพราะเรานั่งทานกันแค่สองคน เสียงทุ้มทรงอำนาจของเจ้าบ้านก็ถามขึ้น
"ขอโทษที่ให้รอนานค่ะ"
ไม่รู้ว่าตัวเองอาบน้ำแต่งตัวนานไปไหม แต่ฉันเป็นแค่ผู้อาศัยที่ค่อนไปทางคนแปลกหน้าสมควรจะมาถึงโต๊ะอาหารก่อนเจ้าของบ้านด้วยซ้ำ เลยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
"นั่งสิ"
เก้าอี้พนักพิงหลังทรงสูงถูกลูกน้องเขาที่ชื่อ 'คุณฮาเทชิ' ลากออกพอประมาณให้ร่างน้อย ๆ ของฉันสอดแทรกเข้าไปนั่งได้สะดวก
"ขอบคุณค่ะ"
รู้สึกเกร็งทุกครั้งที่ทำกิจวัตรประจำวันแบบนี้
"สี่เดือนแล้วยังไม่ชินอีกหรือไง"
ร่างสูงมีสง่าราศีนั่งไขว่ห้างมือข้างหนึ่งจับแก้วกาแฟดำของโปรดขึ้นจิบ ส่วนมืออีกข้างถือแท็บเล็ตเครื่องหรูตลอดเวลาเอ่ยถามขึ้นพร้อมเหลือบมองฉันเล็กน้อย
"ค่ะ" ไม่รู้จะตอบแบบไหนดี เลยได้แต่พยักหน้าและตอบออกไปคำเดียว
สี่เดือนสำหรับการกินอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกคุ้นชินเลย กลับกัน รู้สึกว่ายิ่งอยู่ฉันยิ่งเกร็งและอึดอัดเพราะบ้านหลังนี้หาคนที่ยิ้มและหัวเราะได้ยากมาก
"สุดหล่อมาแล้วครับนาย" เสียงทุ้มอีกเสียงดังขึ้น
ส่วนสูงร้อยแปดสิบกว่า ร่างกายกำยำ ไถผมเปิดข้าง ทรงฮิตของวัยรุ่นแนว ๆ มาเฟียที่ฉันเคยอ่านในการ์ตูนมังงะ เดินฉีกยิ้มกว้างมาหาผู้เป็นนาย
คงมีแค่เขาคนนี้นี่แหละที่มีอารมณ์ขันและคอยสร้างสีสันให้กับบ้านหลังนี้ไม่ให้ดูวังเวงจนเหมือนปราสาทผีดิบ
"อารมณ์ดีอะไรแต่เช้า"
ฉันนั่งฟังเจ้านายกับลูกน้องคุยกันเงียบ ๆ สองมือวางบนตัก เผลอขยำเนื้อผ้าของกระโปรงเล่นบ้างเพราะไม่มีอะไรทำ
"คิดถึงนายไง"
ความทะเล้นของ 'คุณทัศน์เทพ' ทำเอาเจ้านายผู้มีดวงตาแสนเย็นชาตวัดมองอย่างไม่เล่นด้วย
"นายอย่าเย็นชานักสิ น้องเขากลัวตัวสั่นไปหมดแล้ว"
จู่ ๆ ก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในบทสนทนา
"ทานสิ ไม่ต้องรอ" คนตัวโตวางท่าภูมิฐานเอ่ยบอกฉัน
ยิ่งเขาไม่ทาน และยิ่งตรงนี้มีคนหลายคนฉันยิ่งไม่กล้าจับช้อน
"พวกมึงออกไปรอข้างนอก"
เสียงเข้มเอ่ยบอกลูกน้องคนอื่น ๆ รวมถึงคุณทัศน์เทพและคุณฮาเทชิเองก็ด้วย
"ทานสิ"
เหมือนเขาคอยสังเกตฉันตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่เวลาลอบมองหน้าเขา ฉันไม่เคยเห็นอาการใส่ใจของเขาส่งมาให้เลยสักนิด
"วันนี้มีนัดไปรับยา"
ถ้าเขาไม่พูดขึ้นมาฉันคงลืมไปแล้ว
"ขอบคุณค่ะที่เตือน" ยกมือไหว้อย่างมีมารยาท
ส่วนยาที่ว่าคือยาบำรุงร่างกาย
หลังจากฉันตัดสินใจตามคุณเพลิงกัลป์มาที่นี่เขาก็พาฉันไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าฉันขาดสารอาหารจนต้องทานยาบำรุงจนกว่าน้ำหนักจะขึ้นและร่างกายแข็งแรงดี
"ทัศน์เทพจะเป็นคนพาไป"
"..." คิ้วฉันขมวดมุ่นเล็กน้อยก่อนตัดสินใจเอ่ยถาม
"คุณเพลิงกัลป์ไม่ไปด้วยเหรอคะ"
ดูเรื่องมากไปไหมนะ เพราะปกติตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ถ้าออกไปข้างนอกจะต้องมีเขาอยู่ด้วยตลอด ถึงแม้นาน ๆ ที จะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาก็เถอะ
"ฉันจะพาเธอไปสมัครเรียน เสร็จแล้วต้องไปธุระต่อ"
ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
"ทานเถอะ" เขาบอกฉันอีกครั้ง
ทว่าจู่ ๆ ก็นึกเรื่องสำคัญเรื่องอื่นขึ้นมาได้
"สมัครเรียนต้องมีเอกสารอะไรบ้างคะ"
ฉันเหมือนคนต่างชาติที่ไม่มีอะไรเลยแม้สิ่งที่บ่งบอกตัวตนของตนเอง แบบนี้จะไปสมัครเรียนได้อย่างไรกัน
"ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมให้เธอเรียบร้อยแล้ว"
ไม่ว่าเปล่า คนตัวโน้มตัวไปด้านข้างเล็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าสำหรับใส่เอกสารบาง ๆ วางไว้บนโต๊ะ
"บัตรประจำตัวแสดงความเป็นคนของประเทศนี้ วุฒิการศึกษามัธยมปลาย ใบเกิด ทะเบียนบ้าน เอกสารทุกอย่างที่ใช้สมัครเรียนอยู่ในนั้นครบ"
