บทที่ 10 มันเป็นแบบนี้มาตลอด
“ทำไมครับ”
“เหอะน่า ห้ามให้ที่บ้านรู้เด็ดขาดว่าฉันไม่ได้ไปเที่ยวกับพี่ฟิลลิปส์”
แม้จะไม่เข้าใจ แต่คิงส์ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ เธอคงกำลังปกป้องผู้ชายคนนั้น แม้จะถูกเทกลางทางเธอก็ไม่มีท่าทีว่าจะโกรธเขาเลยสักนิด
“เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าแบบนั้น นายลำบากใจมากเหรอ” เธอกำลังสังเกตท่าทางของเขา ทำไมถึงดูแปลกไป เธอไม่คุ้นเคยกับท่าทีแบบนี้ของเขาเลยสักนิด คงเพราะหลัง ๆ มานี้เธอกับเขาไม่ได้สนิทกันมั้ง
“เปล่าครับ”
“งั้นก็ตามนี้นะ”
“ครับ”
“งื้อ...ขอบคุณมากนะ” ด้วยความดีใจจนลืมตัวอลินจับมือของคิงส์มาถูที่แก้มเหมือนที่เธอชอบทำตอนเด็ก ๆ เมื่อนึกได้ก็รีบปล่อยมือนั้นลงทันที แล้วทำราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ตึกตัก! ตึกตัก!
ส่วนเจ้าของมือกลับนั่งตัวแข็งทื่อเป็นหุ่นยนต์ขับรถได้ แต่หัวใจกลับเต้นดังกลองรัว ไม่คิดว่าอลินจะทำแบบนั้น
มือเล็กสองข้างกุมเข้าหากัน ส่วนใบบหน้าก็หันมองออกไปนอกกระจกเพื่อปกปิดความเขินอายที่เกิดขึ้น อยากเอามือหยิกตัวเองสักสองสามครั้ง ที่ลืมตัวทำเรื่องน่าอายแบบนั้นออกไป
เต้นอะไรนักหนา ตื่นเต้นให้มันน้อย ๆ หน่อย เธอเฝ้าบอกตัวเองในใจ
ภายในโรงแรมใจกลางเมือง อลินเปิดห้องพักสองห้องซึ่งอยู่ติดกัน เธอตั้งใจว่าจะอยู่ต่อที่นี่ให้ครบสามวันแล้วค่อยกลับ แม้จะไม่มีแผนเที่ยวเธอก็คิดไว้แล้วว่าจะเสิร์ชข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวในอินเทอร์เน็ตแทน อย่างน้อยก็ต้องไปสักที่สองที่เพื่อไม่ให้คิงส์สงสัย
ก๊อก ๆ ๆ
เพียงไม่นานเจ้าของห้องก็เดินมาเปิด ร่างสูงมองต่ำลงมาที่หญิงสาว เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีครีมยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้เธอน่ามองยิ่งขึ้น
“ทำอะไรอยู่” เธอเปล่งเสียงหวาน ๆ ออกมา
“เปล่าครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันจะไปหาอะไรทานตรงตลาดด้านล่าง แค่แวะมาถามว่านายจะเอาอะไรมั้ยเดี๋ยวฉันซื้อมาฝาก” เธอแสดงความมีน้ำใจกับเขา เพราะอย่างน้อย ๆ ตอนนี้เธอต้องพึ่งเขา
“ผมไปด้วยดีกว่า”
“เอาสิ ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเดินคนเดียว”
ทั้งคู่เดินไปจนถึงตลาดเหมือนจะเป็นถนนคนเดินที่มีสินค้าและอาหารมากมาย ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาเดินส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยทำงานที่แวะมาผ่อนคลายหลังเลิกงาน อลินมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีอะไรที่เธออยากได้บ้าง ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังปรายตามองสาว ๆ ที่เดินสวนมา พวกเธอเอาแต่มองสูงขึ้นไปแล้วยิ้มออกมาจนเธอรู้สึกหมั่นไส้
“เป็นอะไรครับ” คิงส์ถามขึ้นเมื่ออยู่ ๆ อลินก็ตวัดสายตามองเขา เหมือนเขากำลังทำอะไรให้เธอไม่พอใจ
“ชิ...คิดว่าหล่อมากหรือไง” เธอบ่นเบา ๆ ไม่ให้คิงส์ได้ยิน ก่อนจะเดินต่อไปทำเป็นไม่สนใจ ไม่ว่าใครจะมองหรือยิ้มให้เขาก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ
“คุณคะ” เสียงที่อลินไม่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังเธอจึงหันกลับไปมองทำให้เธอได้รู้ว่าเสียงที่เธอได้ยินคือเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังยืนคุยกับคิงส์ ดูเหมือนว่าเธอคนนั้นกำลังทำความรู้จักกับเขา
“เนื้อหอมจังนะ” เธอทำได้แค่บ่นเบา ๆ ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่สนใจว่าคิงส์จะเดินตามมาหรือเปล่า
ขณะที่เดินไปได้แค่กลางตลาด อยู่ ๆ อลินก็หยุดเดินทำให้คิงส์ที่รีบเดินตามมาเบรกแทบไม่ทัน แผงอกกว้างแนบนิดกับแผ่นหลังของอลิน ดูเหมือนเธอจะไม่ได้สนใจ เพราะเธอกำลังมองหาอะไรบางอย่าง
“นายได้กลิ่นอะไรมั้ย” อลินถามโดยไม่ได้หันไปมองเพราะมั่นใจว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังต้องเป็นคิงส์แน่ ๆ
คิงส์ไม่รู้ว่าอลินหมายถึงอะไร ถ้าถามถึงกลิ่นตอนนี้ เขาคงตอบได้แค่ว่าได้กลิ่นอาหาร และกลิ่นหอมหวาน ที่อยู่บนตัวของคนตรงหน้าแค่นั้น
“ทางนั้น” อลินชี้ไปพลางจับมือของคิงส์แล้วพาเดินไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ออกดอกสีขาวจนเต็มต้น “โห...สวยมาก”
เธอแหงนหน้ามองด้านบนทั้ง ๆ ที่ยังจับมือของคิงส์อยู่ ส่วนเจ้าของมือหนาไม่ได้มองดอกไม้เลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่จับจ้องไปยังใบหน้านวลที่ประดับด้วยรอยยิ้มแสนหวานนั้น ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะหอมหวานกว่ากลิ่นดอกไม้จากต้นไม่ต้นนี้ซะอีก
“อยากให้มีแบบนี้ที่บ้านจัง มันสวยมากเลย นายชอบหรือเปล่า”
“ชอบสิ ชอบมากเลย” ขณะตอบเขาเผลอยิ้มตามคนถาม
“นายก็ชอบดอกไม้เหรอ”
สายตาของทั้งสองคนผสานกันทันทีเมื่ออลินมองมาที่คิงส์ ซึ่งคิงส์ไม่ทันได้หลบสายตา
“เอ่อ” เธอรีบปล่อยมือของเขา “นายว่าถ้าฉันขอพ่อเอาต้นไม้ชนิดนี้เข้าบ้าน พ่อจะยอมมั้ย”
“ไม่มีทางครับ”
“นั่นสิ ฉันเองก็ไม่น่าถาม” เธอเห็นด้วยกับคิงส์ “มันทั้งสวยทั้งมีกลิ่นหอมมากเลย อยากได้จัง”
“แต่มันใหญ่เกินไป”
“ก็ปลูกต้นเล็ก ๆ สิ”
“แล้วคิดว่ามันไม่โตเหรอ”
“โตนั่นแหละ แต่ก็กว่าจะโต”
“พอโตแล้วคุณจะตัดทิ้งเหรอ”
“นั่นสิ ถ้าตัดทิ้งก็น่าเสียดาย ไว้ฉันค่อยแวะมาอีกก็ได้”
“...” คิงส์ชำเลืองมองคนตรงหน้า ถ้าจะว่าไปกลิ่นดอกไม้ที่เขากำลังได้กลิ่นอยู่ในตอนนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากกลิ่นที่อยู่บนตัวของอลินสักเท่าไหร่
“นายรีบหรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันจะนั่งตรงนี้สักพัก ถ้านายอยากจะกลับก็กลับไปก่อนได้เลยนะ”
“ครับ”
อลินมองตามคิงส์หายเข้าไปในกลุ่มผู้คนที่กำลังเดินซื้อของ เธอไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะอยู่เป็นเพื่อนซะหน่อย แต่พอเขาเดินหายลับไปแบบนั้นเธอกลับรู้สึกใจหวิว ๆ ยังไงไม่รู้
“ช่างเถอะ มันก็เป็นแบบนี้มาตลอดนี่นา ตั้งแต่ตอนนั้น...” ตอนที่เธอบอกตัวเองให้เลิกชอบเขา
