บทที่ 2 กรุงโซล : 2

“ก็ไหนนายบอกจะซื้อเข้ามาไง ฉันก็ ละ เลย ไม่ได้ทำไว้รอ” ฉันถึงกับพูดตะกุกตะกักตอนที่ได้สบตากับเขา แววตาเย็นชา ไม่ชอบแบบนี้เลย

“งั้นก็ไม่ต้องกิน” เขาใช้น้ำเสียงเหมือนหงุดหงิดว่ากลับ

“เรามารีบๆ ทำให้จบดีกว่า” ห๊ะ!? อะไรคือรีบๆ ทำให้จบฉันงงหมดแล้ว

เฮ้! แล้วนั่น เขาทำอะไร ถอดเสื้อทำไม

“ซ... โซล นายร้อนเหรอ ถอดเสื้อทำไม” ตาบ้าเอ้ย!!

ทำอะไรไม่ปรึกษาฉันเลย ตั้งแต่คบกันมาอย่างมากสุดเราก็แค่ จูบแบบปากแตะปากกัน ย้ำ!! ว่าปากแตะปากเท่านั้น แล้วฉันก็ไม่เคยเห็นเขาเปลือยท่อนบนหมดแบบนี้เลยสักครั้ง แต่ตอนนี้ ทุกสัดส่วนของร่างหนาตรงหน้ากับตราตึงดวงตากลมมนของฉันได้เป็นอย่างดี

ไหล่หนาผึ่งผาย กล้ามแขนแข็งแกร่งแต่ไม่ถึงกับเล่นกล้าม แล้วไหนจะซิกแพกที่อวดลอนแข็งแรงนั่นอีก เพอร์เฟค นั่นคือสิ่งที่ฉันสามารถบอกได้ในตอนนี้

“อะไรกัน เธอลืม ‘สัญญา’ ที่เราตกลงกันไว้แล้วเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเรียกให้ฉันหลุดจากภวังค์ความหื่นกามของตัวเอง สองหูได้ยินคำถามของเขาชัดเจนว่าเขากำลังทวงสัญญาเมื่อสามเดือนก่อนของเรา

สัญญาในวันนั้น...

‘สัญญากับโซลสักอย่างสิ ว่าถ้าเราคบกันถึงวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ ถ้าโซลขออะไร แก้มต้องให้โซลทุกอย่างนะ’

‘เอ๋... อยู่ๆ ก็มาขอแบบมัดมือชกกันแบบนี้ได้ด้วยเหรอ โซลต้องบอกมาก่อนสิ ว่าจะขออะไร’

‘เดี๋ยวถึงวันนั้นแก้มจะรู้เอง ถ้าแก้มรักโซลจริง เหมือนที่โซลรักแก้ม แก้มจะต้องตอบตกลงแน่นอน’

‘อื้มเอางั้นก็ได้ แก้มล่ะอยากรู้ใจจะขาดแล้วเนี่ยว่าโซลจะขออะไร’

“ว่าไงจำได้อยู่ใช่ไหม” เสียงเข้มๆ ของโซลดังขึ้นเร่งให้ฉันตอบคำถามเขา

“ละ... แล้ว นายจะขออะไรเหรอ” ถามไป ใจก็เต้นรัวไป

“ถ้าฉันจะขอ...” โซลเงียบ เขาไม่ยอมพูดต่อ

คนบ้า! ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้ฉันกำลังลุ้นกับคำพูดของเขามากแค่ไหน แต่แทนที่โซลจะตอบฉันด้วยคำพูด เขากลับลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่เมื่อกี้แล้วเดินเข้ามาหาฉันที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ข้างโซฟาติดมุมห้อง

เขาเดินต้อนฉันจนหลังติดกับผนังห้องไร้หนทางหลบหนี สองมือหนาของโซลยกขึ้นมาจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันไว้แนบแน่น เพียงเสี้ยววินาที ผู้ชายหล่อเหลาตรงหน้าก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปากฉันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

“อืม” เขาครางเบาๆ จากนั้นก็เพิ่มแรงบดขยี้ หนักขึ้นๆ

“อื้ม ออ อ่อน (พอก่อน)” เพราะไม่ทันจะได้เตรียมรับมือกับจุมพิตจากผู้ชายคนนี้เลยทำให้ฉันหายใจไม่ทันกับการรุกที่แสนรวดเร็วนี้

จูบ... ที่เร่าร้อนเหมือนมีไฟราคะอยู่ในนั้น

โซลพยายามใช้ฟันขบกัดริมฝีปากล่างฉันให้เผยอเปิดเพื่อที่จะได้รุกล้ำลิ้นสากหนาของตัวเองเข้ามาสำรวจโพรงปากที่หวานฉ่ำของฉัน

ไม่ไหวแล้ว! หายใจไม่ทัน!

ฉันเหมือนคนจะขาดอากาศหายใจ ยิ่งร้องท้วงเท่าไหร่ โซลยิ่งเร่งจังหวะรุกเร้าที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น

ร่างกายฉันเริ่มจะหมดเรี่ยวแรงต่อต้าน แข้งขากำลังอ่อนแรง

ฉันกำลังจะปล่อยร่างบางเบาของตัวเองทิ้งดิ่งลงสู้พื้นห้องที่เย็นเฉียบ

แต่โซลคงรับรู้ เขาเลยเปลี่ยนเป็นเอามือข้างหนึ่งมาโอบรัดเอวบางฉันเพื่อช่วยพยุงร่างบางไม่ให้ล้มลงไป ทำให้ตอนนี้เนื้อกายของเราสองคนแนบสนิทกันยิ่งกว่าเก่า

ผู้ชายตะกละตะกลามตรงหน้ายังคงไม่ถอนจูบที่เร่าร้อนออกจากริมฝีปากบางของฉัน เขาทั้งกัดทั้งดูดดุน ลิ้มรสน้ำหวานที่หลั่งไหลเป็นสายธารอยู่ในโพรงปากนี้

เมื่อเต็มที่กับการดูดดื่มน้ำผึ้งหวานในโพรงปากเสร็จ โซลก็เริ่มเคลื่อนจมูกโด่งรั้นดอมดมมาตามลำคอระหง ทุกพื้นที่ๆ ริมฝีปากหนาและจมูกโด่งกล้ำกรายลากผ่าน ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขา

ความรู้สึกหวาบหวามที่ไม่เคยได้สัมผัสจากใครมาก่อน ทำให้ขนอ่อนในกายพร้อมใจกันลุกชันอย่างเสียวสะท้าน

“ซ... โซล อ๊ะ” ฉันพยายามเปล่งเสียงให้ดังที่สุดเพื่อหยุดเขา

แต่แทนที่มันจะมีคำพูดมากมายกว่านั้นเอ่ยออกมา เสียงตัวเองกลับขาดหายไปสะดื้อๆ ร่างกายสั่นเทิ่มด้วยความสยิวที่คนตาคมมอบให้

“ฉันว่าเธอคงยืนไม่ไหวอีกแล้วล่ะ” โซลพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแต่ทว่าเซ็กซี่ จนคนฟังอย่างฉันยอมพยักหน้าตอบแบบไม่รู้ตัว

ร่างกายรู้สึกเบาหวิวเหมือนปุยนุ่น สัมผัสได้ว่าร่างกายกำลังล่องลอยเหมือนมีปีกบินได้ ไม่นานแผ่นหลังบางก็สัมผัสกับความนุ่มหยุ่นราวกับว่าปีกนั้นได้หายไปแล้ว

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสติกลับมาครบแล้วหรืออะไร ตั้งแต่ที่แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความนุ่มนั้น ฉันก็ลืมตาโพลง มองสภาพแวดล้อมรอบข้างที่แสนคุ้นเคย

นะ... นี่มันห้องนอนฉัน!!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป