บทที่ 6 กรุงโซล : 6
“-_- ชะนีหน้าโง่ รอนี่ล่ะ เดี๋ยวขุ่นแม่มา” ว่าจบนางก็เดินออกจากห้องไป
ยัยตุ๊ดจะไปไหนของหล่อน พอจะหันมาถามเพื่อนรักที่เหลืออยู่อีกคน ยัยเดียร์ก็เดินหนีฉันเข้าห้องครัวซะงั้น
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นุชชี่ก็กลับมาพร้อมกับโยนถุงอะไรสักอย่างลงตักฉัน พอลองหยิบมาดูจึงรู้ว่านั่นคือแผงยา
“นี่!! ทานค่ะชะนี จะนั่งมองให้ได้อะไรคะ หรืออยากมีภาระตามหลัง” น้ำเสียงประชดประชันของกระเทยร่างอวบที่นั่งเบ้หน้าหมั่นไส้ฉันอยู่ที่โซฟาตรงข้ามจิกกัดหัวใจฉันเบาๆ
ภาระงั้นเหรอ? ฉันตาโตทันทีที่นึกถึงเรื่องนี้ ถ้าหากมันเกิดขึ้นจริงๆ ถามว่าฉันพร้อมรับกับภาระใหญ่หลวงนี้ไหม บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าฉันพร้อมเพราะพ่อของลูกฉันคือคนที่ ‘ฉันรัก’
หลังจากที่ฉันจัดการทุกอย่างเสร็จ ยัยเพื่อนตัวดีทั้งสองก็พาฉันมาร้าน แต่สงสัยวันนี้คงปิดเร็วหน่อย เห็นเดียร์บอกว่าวันนี้เธอจองโต๊ะไว้ตอนสามทุ่ม ร้านฉันที่ปกติจะปิดเกือบห้าทุ่มเลยต้องปิดเร็วกว่าเดิม
TS – Club @21.00 น.
ภายในคลับที่คลาคล่ำไปด้วยฝูงผีเสื้อราตรี ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยสาวใหญ่หรือแม้แต่ผู้ชาย ที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกภายใต้แสงสีเสียงที่กำลังดังกระหึ่มในตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในสายตาเจ้าของแววตาเยือกเย็นแสนเย็นชาสีน้ำตาลอ่อน ที่กำลังนั่งดื่มวิสกี้คนเดียวที่โซฟาโซนวีไอพีชั้นสองที่ประจำของเขาเลย
“นั่งคนเดียวไม่เหงาเหรอคะ ขอนั่งด้วยคนนะ” อยู่ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวเจ้าเนื้อนมโค ในเสื้อเกาะอกที่ชุดตรงกลางมีสายเล็กๆ ถักไขว้ไปมาเป็นเหมือนตัวเอ็กซ์ เผยให้เห็นถึงผิวเนื้อขาวนวลที่อวดเต้างาม ถามชายหนุ่มผู้นั่งดื่มเพียงลำพังดังขึ้น
“...” ชายหนุ่มผู้ถูกถามไม่แม้แต่จะตอบ เพียงแค่ปรายหางตามองสาวเจ้าโคนมเท่านั้น
“ไม่ตอบ งั้นลิลลี่ขอเดาว่า ไม่ปฎิเสธแล้วกันนะคะ” ว่าจบหล่อนก็นั่งลงบนตักชายหนุ่มผู้มีแววตาเย็นชาตรงหน้าอย่างถือวิสาสะ
“...” และเป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มผู้กลายเป็นเบาะรองนั่งชั้นดีของสาวสวยไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา ทำเหมือนเธอเป็นเพียงแค่อากาศธาตุหรือฝุ่นผงที่ล่องลอยวนเวียนให้รำคาญใจ
แต่มีหรือผู้ชายที่แสนจะหล่อเหลา ผู้เป็นเบาะรองนั่งให้ก้นงอนงามของเธอ จะทำให้เธอถอดใจแล้วลุกหนีไป และไม่รอช้าสาวเจ้าเนื้อผู้มากประสบการณ์ก็อดใจที่จะก้มจุมพิตชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้
“อื้อ” หากแต่นี่ไม่ใช่เสียงของชายหนุ่มแต่อย่างใด แต่เป็นเสียงของแม่สาวคนนั้น ที่แลดูเหมือนเธอจะมีอารมณ์ไปแค่คนเดียวเท่านั้น เพราะชายหนุ่มผู้ถูกจูบอยู่ ไม่แม้แต่จะตอบรับจูบที่แสนเร่าร้อนนั่นเลย
พลั่ก!!
เมื่อหล่อนรู้สึกแล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ยอมเล่นด้วยเลยอารมณ์เสีย ผละจูบที่ไม่ว่าชายใดได้ลิ้มลองต้องมีอารมณ์ร่วมตามออกมาอย่างหงุดหงิดใจ
“เย็นชาจริงๆ เลยนะ โซล”
อา ไม่ผิดหรอก ที่สาวเจ้าเนื้อคนนี้จะรู้จักผู้ชายใต้ร่าง เพราะว่าเขามีดีกรีเป็นถึงหุ้นส่วนของทีเอสคลับแห่งนี้ และยังเป็นคู่ขาของหล่อนอีกด้วย
“วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์” นั่นคือประโยคแรกที่เขาเอื้อนเอ่ย
“ใครทำให้พ่อหนุ่มผู้แสนเย็นชาของลิลลี่ เย็นชากว่าเดิมแบบนี้”
“ยุ่ง!!!” เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมาคุแบบสุดๆ
[Seoul’s part]
แม่งเอ้ย!!
ผมไม่ชอบเลยว่ะ อารมณ์ตอนนี้แม่งหงุดหงิดฉิบหาย ไม่รู้ผมเป็นอะไร ตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาที่คลับแห่งนี้ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเอาแต่นั่งเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัวเลย
อา~ เอาอีกแล้ว...
จู่ๆ ผมเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไปนึกถึงสัมผัสหอมหวน ชวนคิดถึงของคืนนั้น
คิดถึงจูบที่แสนหวานที่ผมไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน มันเป็นรสชาติที่เหมือนจะทำให้ผมเสพติดไปแล้ว เพราะแม้แต่ตอนนี้ที่ผ่านมาแล้วเกือบวันเต็มๆ ผมยังลืมรสชาติของมันไม่ลง
ขนาดเมื่อกี้คู่ขาผู้เร่าร้อนที่ผมมักใช้ควงบ่อยๆ อย่างลิลลี่ ยังทำให้ผมลืมรสชาติหวานหอมของจูบที่แสนไม่เอาไหนของยัยเฉิ่มนั่นไม่ลงเลย
“นี่บอกได้ไหมคะ ว่าใครทำให้คู่ขาลิลลี่ปฎิเสธลิลลี่แบบนี้” ผมไม่ตอบอะไรลิลลี่ ได้แต่ใช้แววตาเฉยชา และดุดันมองกลับไป
อ้อ ลืมบอกไปใช่ไหม ‘โซล’ ที่ลิลลี่เรียกน่ะ ชื่อผมเอง
ผมมีชื่อเต็มๆ ว่า ‘กรุงโซล การณ์พิพัฒนะ’
เป็นผู้ชายเย็นชาอย่างที่ลิลลี่บอกนั่นล่ะ แต่ใช่ว่าผมจะไม่มีความอบอุ่นหรือรักใครไม่เป็นนะครับ
ผมแอบรักผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นคนที่มีดวงตาเย่อหยิ่ง และน่าค้นหา ภายนอกอาจจะดูแรงๆ แต่พอผมได้ใกล้ชิด เธอเป็นผู้หญิงที่อบอุ่นมาก ทำให้หัวใจที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งของผมสั่นไหว
พูดให้ฟังดูง่ายๆ ก็ รักครั้งแรก นั่นล่ะ
แต่เคยได้ยินมั้ย คนแอบรัก ก็ได้แค่ แอบรัก ไม่มีทางได้มาครอบครอง เพราะคนๆ นั้น เขามีเจ้าของแล้วไง แถมเป็นคนที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะแย่งมา
“วี้ดวิ้ว! นึกว่ากรุงโซลควงสาวที่ไหน ที่แท้ก็ลิลลี่คนสวยนั่นเอง”
มาได้จังหวะจังนะ ไอ้เพื่อนเวร ไหนๆ ตัวประกอบก็โผล่มาแล้ว ผมขอแนะนำมันเลยแล้วกัน
ไอ้เจ้าของเสียงตะกี้น่ะ ชื่อ ‘เอฟวัน’ กะล่อนตัวพ่อ เฟรนลี่ได้ทุกเพศ ด้วยหุ่นที่สูงเกือบ 182 เซนฯ ผิวขาวอมชมพูเหมือนผิวผู้หญิง คิ้วดกดำหนา จมูกโด่งรั้น เลยทำให้มันหล่อสุดๆ แต่น้อยกว่าผมหน่อยนึง
“สวัสดีจ้ะ เฮียเอฟวัน วันนี้ว่างไหมล่ะ ลิลลี่เหงา”
เหอะ!! ผมได้แต่เหยียดยิ้มมุมมาก นี่แหละคู่ขาผม แต่แล้วยังไงผู้หญิงก็เหมือนสิ่งของ แชร์ได้ก็แชร์ไป กลุ่มเราก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ เบื่อก็โยนให้เพื่อนในกลุ่มกินต่อ
แฟร์ๆ กันดี เลวไหมล่ะ
