บทที่ 7 กรุงโซล : 7
“ถ้าเป็นลิลลี่ เฮียวันคนนี้ว่างส่ำเหมอ” ไอ้นี่ก็ม่อได้ทุกที่อ่ะ มันล่อได้ทุกคนด้วยนะครับขอบอก
“อ้าวแล้วนั่นเป็นอะไร ทำหน้าบอกบุญไม่รับ หรือว่า ‘มัน’ อาการทรุด”
สีหน้าไอ้เอฟวันดูวิตกหน่อยๆ หลังจากเอ่ยจบประโยค อยากถามมันมาก นั่งตั้งนานเพิ่งสังเกตหน้ากูเหรอครับ แหม่!! ก็ตาแม่งเล่นจ้องแต่นมสาว
“เปล่า” ผมตอบสั้นๆ
“ตั้งแต่ลิลลี่มาถึง โซลก็เป็นแบบนี้แล้วล่ะเฮียวัน” ลิลลี่รีบฟ้องไอ้วัน
“สงสัยเหยื่อไม่ตกถึงท้องหรือว่ามึงทำใครท้องไว้เลยมานั่งเครียด”
ผลั้วะ!! “ปากหมา” ผมตบหัวไอ้เอฟวันไปหนึ่งทีพร้อมกับสบถด่าออกไป
ไอ้นี่วอนซะแล้ว ใครจะไปพลาดทำผู้หญิงท้อง ระดับกรุงโซลไม่มีพลาด
ถ้าไม่ตั้งใจ…
“อ้าวไอ้นี่” ไอ้วันของขึ้นครับ แต่มันไม่กล้าหือกับผมหรอก เพราะแค่ผมปลายหางตามอง มันก็กลัวผมหัวหดแล้ว
“กัดกันอีกแล้วนะมึงสองตัว” ถ้าไอ้เอฟวันมา มีเหรอเฮียไททันจะไม่มา ก็นี่มันคลับแกด้วยนี่หว่า
ผมบอกไปหรือยังว่าทีเอสคลับที่ผมกำลังสิงสถิตอยู่เนี่ย มีเจ้าของถึงสองคน นั่นคือเฮียไททันที่ถือหุ้นใหญ่ถึง 60% ส่วนผมแค่ 40% เท่านั้น
เฮียไททันแกเคยเป็นอดีตพี่รหัสผมตั้งแต่มหา’ลัย แบบว่าเราถูกชะตากันหรืออาจจะเพราะนิสัยค่อนข้างเลวเหมือนกันเลยคบกันมายาวนานจนถึงตอนนี้
“เฮียไท” ไอ้เอฟวันพูดเสียงอ่อนเสียงหวานอ้อนเฮียไททัน พร้อมกับลุกพรวดเข้าไปเกาะแขนแล้วเอาหน้าซุกไซร้ ถูไถไปมา เหมือนแมวกำลังอ้อนเจ้าของ
น่ารักตาย ปัญญาอ่อนสิไม่ว่า…
“ว่าไงครับ เมียวันของเฮีย” นี่ล่ะกลุ่มผม ไม่มีคนเต็มสักคน
“ปรั๋วขราของเมีย ต้องจัดการมันนะ ไอ้โซลตบหัวเมีย” ไอ้นี่ก็เล่นไม่เลิก นอกจากจะอ้อนเหมือนแมวแล้ว มันยังทำท่าทางสะดีดสะดิ้ง จิกตาใส่ผมอีก
เพลียจริงๆ มีเพื่อนปัญญาอ่อน
“เฮ้ย ไอ้ยูกิ จัดการเด็กมึงสิ” เฮียไททันเรียกกำลังเสริม
เวรล่ะ! เรียกใครไม่เรียกดันไปเรียกไอ้ยูกิ ไอ้นี่น่ะมันเป็นคนเดียวที่ผมจะไม่เสวนาด้วยเด็ดขาด เพราะมันกับผมนิสัยเหมือนกันไม่ว่าจะเป็น...
สายตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง กลิ่นอายเย็นชา ออร่าน่าเกรงขาม แต่ต่างตรงที่ไอ้ยูกิมันโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ ยิ่งขับลุคให้ดูนิ่งสงบแต่เยือกเย็น
“...” ไอ้ยูกิทำแค่เหล่ตามองผมแล้วเดินมานั่งที่โซฟาฝั่งขวามือผมแทน
จากนั้นมันก็ก้มเล่นมือถือเครื่องโปรดของมันไปเงียบๆ คนเดียว
ผมชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าในนั้นมันมีอะไรนักหนา ทุกครั้งที่มันไม่มีอะไรทำมันมักจะหยิบมือถือเครื่องนี้ออกมานั่งเล่น นั่งมอง ไม่สนใจสิ่งรอบตัว
“ปรั๋วขรา ไอ้ยูกิไม่เล่นกับเราอ่า” ไอ้เอฟวันมันหันไปฟ้องเฮียไททัน
“เฮียว่า สงสัยวันนี้ เราจะแป๊กว่ะ” เฮียไททันกับไอ้เอฟวันพยักหน้าให้กัน
เฮ้อ! ปวดหัวจริงๆ มาครบกลุ่มแบบนี้
“แล้วนี่ มันอาการดีขึ้นยังวะไอ้โซล” เสียงเฮียไททันถามขึ้นหลังจากที่เลิกเล่นพิเรนทร์กับไอ้เอฟวันเรียบร้อยแล้ว
‘มัน’ ที่เฮียไททันถามน่ะ เป็นแฟนของผู้หญิงที่ผมแอบรัก และเป็นคนที่ผมรักอีกคนหนึ่ง ซึ่งเพิ่งประสบอุบัติเหตุทำให้ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาสองวันแล้ว
“อาการคงที่” ผมตอบเฮียแกออกไป
อาการของมันก็ค่อนข้างหนักเอาเรื่อง หัวสมองได้รับความกระทบ กระเทือนขั้นรุนแรง หมอบอกว่าโชคดีที่รอดมาได้ อาจจะเพราะคนไข้ร่างกายแข็งแรง แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่ยอมฟื้นสักที
ผมสงสารแฟนมันมากกว่าใครในตอนนี้…
คุณลองคิดดูนะ ผู้หญิงที่กำลังวางแผนจะหมั้นหมายกับคนรักในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้ายเมื่อว่าที่คู่หมั้นนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล
หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอจะบอบช้ำแค่ไหนกัน?
พูดถึงตรงนี้แล้ว ผมต้องขบฟันกรอด กำมือแน่นเกร็งเส้นเลือดขึ้น รู้สึกได้เลยว่าเลือดไม่ไปล่อเลี้ยงมือเพราะมันชาจนปวดหนึบ
‘ผู้หญิงแพศยา’ เพราะเธอคนเดียว ที่ทำให้คนที่ผมรักถึงสองคนต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมไม่มีวันยกโทษให้เธอเด็ดขาด
ผมจะแก้แค้นให้คนที่ผมรักให้สาสมกับสิ่งที่เธอทำมัน
“เฮ้ ไอ้โซล ไอ้โซล กรุงโซล!!”
ผมสะดุ้งเฮือก หลุดจากภวังค์แค้นที่กำลังลุกโชนอยู่ในอก
“จะตะโกนหาพ่องมึงเหรอ ไอ้เชี่ยวัน” ผมด่าให้มันไปหนึ่งที เป็นบ้าอะไรอยู่ๆ มาตะโกนใส่หู คลับก็ยิ่งเปิดเพลงเสียงดังอยู่แล้ว
หูหนวกใครจะรับเป็นพ่อพันธุ์กันครับ ผมก็อดได้ยินเสียงครางพอดี
“ได้ข่าวว่าไอ้เอฟวันมันเรียกมึงหลายครั้งเหอะไอ้โซล” เฮียไททันว่า
“เหม่อไรของมึง เฮียสังเกตมานานแล้วนะ ตั้งแต่มาถึงนับคำพูดมึงได้”
เฮียไททันสวดยาว ปกติผมก็พูดน้อยอยู่แล้วป่าววะ แต่ก็มากกว่าไอ้ยูกิ
“ไม่มีไรหรอกเฮีย เรื่อยเปื่อยน่ะ” ผมตอบเฮียแกไป
‘ก็แค่กำลังคิดหาทางแก้แค้นยัยผู้หญิงแพศยาคนนั้นอยู่’ ผมต่อคำนี้ในใจ เพราะเรื่องนี้ผมไม่ได้บอกใคร
ผมจะแก้แค้นคนเดียวเงียบๆ แต่จะปิดบังพวกนี้ได้นานแค่ไหนผมไม่รู้ เพราะแต่ละคนชอบกินเผือกกันทั้งนั้น
