บทที่ 8 2(2)
เพราะแก้มที่โดนบีบทำให้พูดออกมาไม่ถนัด แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่คาวะทำในเวลาต่อมา หมอนั่นก้มลงจ่อริมฝีปากค้างที่ซอกคอฉัน ลมหายใจอุ่นเป่าราดลงบนผิว สยิวไปทั้งตัว ความรู้สึกขยะแขยงแผ่ลามไปทั่วทั้งใจ ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างหนา มือทั้งสองข้างดิ้นรนผลักไสเขาออกห่าง
หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ สมองเริ่มรวน เมื่อสัมผัสวาบหวามจากริมฝีปากร้อนจัดแตะลงที่ผิวคอแผ่วเบา
“หยุด... นายไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้”
“หือ ตัวสั่นใหญ่เลยไม่ใช่เหรอท่านซายูริ” เขากระซิบเรียกชื่อฉันข้างใบหู เล่นเอาฉันวาบหวิวไปทั้งใจ รู้สึกเข่าอ่อนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ได้แต่กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น แข็งใจดันแผ่นอกแกร่งออกห่างแต่มันไม่ยอมขยับ
“ออกไป ไม่งั้น...”
“ไม่งั้นทำไม”
“ฉัน ฉัน...”
“พูดมาสิ รอฟังอยู่” คาวะก้มลงไปกดจูบที่หลังใบหู ฉันสะท้านเฮือก ตะคอกออกไปเสียงแข็งเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกทำเหมือนของเล่น
“หยุด! ไม่งั้นฉันฆ่านายจริงๆ แน่”
“ทำได้เหรอ...”
“อ๊ะ! ว้ายยย”
หมอนั่นกระชากฉันออกจากผนังเข้ามาในห้องนอน รู้ตัวอีกทีร่างฉันก็โดนเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างแรง ใบหน้าแทบจมลงกับที่นอนและเมื่อพลิกตัวกลับมาร่างสูงก็โถมทับอยู่ด้านบนแล้ว
“กรี๊ด! ออกไปนะ ไอ้บ้า แกคิดจะทำอะไร ไม่นะ! ม้ายยยย”
ฉันดิ้นพรวดพราด คาวะรวบข้อมือฉันเอาไว้ทันทีก่อนจะดึงเชือกออกมาจากลิ้นชักหัวเตียงจับพันข้อมือฉันเป็นว่าเล่น
“อะไอ้โรคจิตหยุดนะ อึก...”
เขากระตุกปลายเชือกที่มัดจนแน่น ฉันรู้สึกเจ็บเหมือนแขนกำลังจะขาดจริงๆ จ้องอีกฝ่ายด้วยแววตาเคียดแค้น หอบหายใจเฮือกๆ อย่างรู้สึกเหนื่อย เค้นถามเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธ
“นายต้องการอะไรกันแน่”
ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะทำข้อตกลงกันจริงๆ ...นี่มันเข้าข่ายล่อลวงชัดๆ หรือนี่จะเป็นแผนลอบฆ่าของฆาตกรโรคจิต!
หัวใจฉันกระตุกวูบ ความรู้สึกหวาดหวั่นกำลังคาดคั้นอยู่ในจิตใจ นึกโมโหตัวเองที่หลงกลอะไรง่ายๆ แบบนี้
“กำลังคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ” คาวะหยิบกล่องบางอย่างขึ้นมา ฉันไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเอามาจากไหน
เขาเปิดฝากล่อง ดวงตาคมกริบเหลือบมองฉันอย่างรอฟังคำตอบก่อนตวัดกลับไปไล้มือลงบนแท่งกลมยาวหลากสีที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบอยู่ภายในกล่อง
“นั่นอะไร”
ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจ
“อยากรู้เหรอ”
“ไม่...” ฉันส่ายหน้าไหว รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าแสนร้ายกาจของ
คาวะชวนให้หายใจไม่ออก
เขากดฝ่ามือลงคร่อมร่างฉัน ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ชวนพิศวาสยื่นเข้ามาใกล้ เกลี่ยไล้แท่งกลมยาวสีขาวกับข้างแก้มฉันแล้วกดปุ่มสั่น
ผิวแก้มสะเทือนครืด!
ดูเหมือนฉันจะเข้าใจการทำงานของมันขึ้นมาทันที มองสบสายตาคมกริบของคาวะหัวใจสั่น ใช้มือที่โดนมัดทุบบ่า ดันเขาออกห่างแต่มันไม่เคยได้ผล
“หึ เข้าใจแล้วสิ... ท่านซายูริ”
“อึก”
ฉันกัดริมฝีปากแน่น นึกขยาดแขยงเสียงเรียกชื่อที่ดังออกมาจากปากคนตรงหน้า ใคร่ครวญถึงความผิดพลาดของตัวเอง รู้สึกเหมือนอกจะแตก ทำไมฉันไม่ยิงมันทิ้งในตอนที่มีโอกาส ทำไมกัน!
ปลายนิ้วที่ลากไล้ขึ้นมาตามเรียวขาอ่อนทำร่างกายฉันปั่นป่วน เอ่ยห้ามเสียงแข็งสะท้าน แต่นาทีนี้ไม่มีอะไรหยุดยั้งใบหน้าจิตหื่นคาวะได้ เขาจับเรียวขาฉันที่ดิ้นไม่หยุดแยกออก จ่อแท่งกลมที่เปิดสั่นเข้ากับซับในตรงกลางหว่างขา ฉันสะดุ้งเฮือกตั้งแต่สัมผัสแรก ร้องลั่นอย่างรู้สึกเจ็บ ดิ้นพรวดพราดไม่หยุด ลมหายใจรู้สึกติดขัด ความรู้สึกประหลาดแล่นริ้วไปทั่วร่าง ความเจ็บปวดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียวกระสัน สั่นซ่านอย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เรี่ยวแรงที่มีถูกลดทอนจนแทบไม่เหลือแรงไว้ต่อต้าน
“อ๊ะ... อย๊าอ๊ะอ๊า!~”
ฉันร้องเสียงหลงเมื่อสิ่งนั้นสัมผัสกับเนื้อสาวโดยตรง คาวะถูไถแท่งกลมยาวกับร่องสวาทจนฉันแทบทนไม่ไหว
ต่อให้ร่างกายฉันจะคล้อยตามแต่จิตใจฉันไม่ได้ยินยอม ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมทั้งสิ้น
“อื้อ พะพอ... พอได้แล้วอ๊ะ! จะเจ็บ อย่านะ”
คาวะกดส่วนหัวของแท่งกลมที่กำลังสั่นรุนแรงเข้ามาในช่องทางรักที่ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน ฉันรู้สึกเจ็บเหมือนโดนชำแรก อาการจุกปนรวดร้าวแทรกลึกอย่างรุนแรงตามความยาวที่กล้ำกรายเข้าสู่ภายใน กระทั่งโดนยัดเข้ามาทั้งแกน
ครื้ดดดดดด~
“อ๊า~ คาวะ... เอามันออก เสียว ฉันเสียวอ๊า”
ร่างสูงผละออกห่างทันทีที่ใส่สิ่งแปลกปลอมเข้ามาในตัวฉันเสร็จ ลุกขึ้นไปยืนกอดอกข้างเตียง แล้วมองดูฉันนอนดิ้นพราดอยู่บนเตียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง
สิ่งที่สั่นอยู่ข้างในทำฉันบิดกายซุกหน้ากับหมอนอย่างอึดอัดทรมาน ร่างกายสั่นสะท้านราวกับโดนจับเขย่ากลางอากาศ เหงื่อกาฬแผดซึมออกมา ทั้งที่อากาศเย็นเฉียบแต่ฉันกลับร้อนรุ่มเหมือนตกอยู่กลางเปลวเพลิง ความรู้สึกชื้นท่วมท้นออกมาจนเปียกแฉะ
ก่อนที่ร่างกายฉันจะเกร็งกระตุก... ความรู้สึกสุขสมโอบกอดไปทั่วร่าง ลมหายใจฉันสั่นระรัว นอนหอบเหนื่อยฟุบหน้าลงกับเตียงอย่างไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาเผชิญกับความเป็นจริง
แม้กระทั่งตอนที่คาวะเข้ามาล้วงเอาแท่งกลมยาวบ้าๆ นั่นออกฉันก็ยังไม่มองหน้าเขา ทั้งที่รู้สึกเจ็บปวดจากการโดนล่วงเกินหากแต่ฉันรู้สึกอับอายมากกว่า
ไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง
