บทที่ 2 Intro
บรื้นนน!!!
ท้ายรถคันหรูค่อยๆ ห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหายลับไปจากสายตา ร่างบางที่ยืนนิ่งมองค้างอยู่ถึงกับพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย
“เห้ออ~ น่าเบื่อจริงๆ”
อาอิงสายหน้าและละสายตาออกจากภาพนั้น ก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่หน้าโรงเรียนเป้าหมายคงไม่พ้นป้ายรถเมล์ เพราะตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว และเหตุผลที่เธอต้องทำอย่างนี้ก็เพราะว่ารถคันเมื่อกี้คือคนขับรถของที่บ้าน ที่ได้ทำการทิ้งเธอไว้ที่โรงเรียนเหมือนกับหลายครั้งที่ผ่านมา
‘ไม่ใช่คนขับไม่ดี คนที่สั่งต่างหากที่เป็นเด็กผี’
ฟุ่บ~
ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งเมื่อมีที่ว่างหนึ่งที่พอดี เธอถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า การขึ้นรถเมล์ไม่ใช่อุปสรรคร้ายแรงอะไรสำหรับเธอ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าบ้านเธออยู่ไกลมากต่างหาก แถมรถเมล์สายที่ผ่านก็มีแค่สายเดียว เป็นชั่วโมงกว่าจะผ่านมาสักคัน
“อยากดีดนิ้วให้มันหายไปซะจริงๆ”
เสียงหวานบ่นพึมพำเมื่อตอนนี้ผู้คนเริ่มบางตาลงเรื่อยๆ ตัวเลขบนนาฬิกาที่ข้อมือแสดงเวลา 5:47 น. กว่ารถจะมา กว่าจะถึงบ้านเธอคงหมดแรงแน่ๆ
ฟุ่บ~
“อุ๊ย?! ยังไม่อยากกลับเลยอ่ะ”
“รถจะมาอะไรตอนนี้เนี่ย”
“พวกแกไปก่อนเลย ฉันจะอยู่รอคันหลัง”
“จะหกโมงแล้ว รถมันติดนะ”
“กลับก็ได้ ฮืออ~~ ทำไมมานั่งเอาตอนนี้ล่ะ”
เสียงบทสนทนาจากกลุ่มหญิงสาวด้านข้างไม่ได้ทำให้อาอิงสนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้สิ่งที่เธอกำลังทำคือสาปแช่งน้องสาวต่างแม่ที่ทิ้งเธอไว้ที่นี่ต่างหาก
“คอยดูนะ ฉันจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับเธอ ยัยน้องเวร!”
“บ่นอะไรของเธอ”
ขวับ!
เสียงทุ้มที่ทักมาจากทางด้านข้างทำเอาอาอิงที่กำลังชกลมตรงหน้าถึงกับชะงัก เธอหันขวับไปมองตามเสียงนั้นทันทีจนได้เห็นใบหน้าด้านข้างของผู้ชายคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก สิ่งแรกที่สะดุดตาคือไฝบริเวณหางตาด้านซ้ายของเขา และแก้มขาวๆ ที่มีเอกลักษณ์ของความน่ารักแต่งแต้มอยู่ นั่นก็คือลักยิ้มบุ๋มลึก มันเห็นชัดเจนตอนที่เขาอ้าปากกัดไอติมแท่งในมือ
“พูดกับใครอ่ะ?” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยไม่ค่อยแน่ใจว่าเมื่อกี้เขาได้พูดกับเธอหรือเปล่า
“…” แต่สิ่งที่เขาทำคือค่อยๆ หันหน้ามาสบตากับเธอ นาทีนั้นก้อนเนื้อด้านซ้ายของสาวน้อยวัยย่าง 16 ปี ก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง อาอิงเผลอมองสำรวจใบหน้านั้นด้วยความลืมตัว
“หึ!” จนกระทั่งคนตรงหน้าหลุดขำออกมาเล็กน้อย และเสี้ยววินาทีเขาก็เลิกสนใจเธอไปเลย
มือบางวางทาบที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง ข่มลมหายใจให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้คนข้างๆ หันมามองกันอีก เพราะแค่เสี้ยววินาทีหัวใจของเธอก็ทำงานหนักมากแล้ว
ในใจได้แต่คิดว่าเขาเป็นใคร ทำไมเธอไม่เคยเห็นหน้า ทั้งๆ ที่อยู่โรงเรียนเดียวกันแท้ๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนที่เธอยังคงนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น รถก็ยังไม่ผ่านมาสักคันจนกระทั่งคิดไปถึงความแค้นที่มีต่อน้องสาวต่างแม่อีกรอบ กำปั้นน้อยๆ ทุบลงบนขาตัวเองแรงๆ ระบายความโมโห ดวงตากลมโตมองตรงไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างอีกเลย
“ยัยบ้า เกิดมาเพื่อเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันแท้ๆ” ร่างบางขยี้หัวตัวเองจนผมที่เปียมาหลุดลุ่ยไม่เป็นทรง
ตลอดเวลาอาอิงแทบจะไม่สนใจน้องสาวต่างแม่คนนี้เลยด้วยซ้ำ ต่างจากอีกคนที่เอาแต่คอยหาเรื่องเธอ อาย่าคือน้องสาวลูกของภรรยาอีกคนของพ่อเธอ ครอบครัวของอาอิงเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างใหญ่เพราะเมียสองคนอยู่บ้านเดียวกัน มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่เธอชินแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เรื่องราวเกิดขึ้นก่อนที่เธอจะเกิดด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ไม่ชอบใจและยังคงตามรังควานคือพี่น้องพ่อเดียวกันนี่แหละ
“ยัยพยาธิใบไม้เอ๊ย!” แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะยอมโดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียว หากว่าอีกฝ่ายก็โดนเธอจัดการเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นทิ้งไว้ที่โรงเรียนแบบนี้ “กลับถึงบ้านนะ ฉันจะเอาหมามุ่ยไปเทให้เต็มเตียงแกเลย!”
หมายมั่นปั้นมือด้วยความโกรธแค้น
แต่จู่ๆ ความคิดนั้นก็หยุดชะงักลงเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้ตัวเองโดนตัดค่าขนม เหตุเพราะสองวันก่อนเธอขัดขาอาย่าจนน้องสาวต่างแม่ล้มคว่ำหัวทิ่มไม่เป็นท่า แม่ผู้ผดุงคุณธรรมเลยหักค่าขนมเธอมาจนถึงตอนนี้
“ฉันไม่ได้เริ่มก่อนด้วยซ้ำ ทำไมต้องเป็นเราที่โดนลงโทษ” ใบหน้าขาวใสเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่แสงเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ ได้แต่ถอนหายใจให้กับชะตาชีวิตตัวเอง “แม่นะแม่ ทำไมชอบใจดีกับคนพวกนั้น”
‘ปี๊นๆๆ’
ร่างเล็กสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นตรงหน้า และเมื่อพิจารณาดูดีๆ ก็เห็นว่าคนขับคืออาไทพี่ชายต่างแม่ของเธอ หรือก็คือพี่ชายแท้ๆ ของอาย่านั่นเอง
“กลับบ้านกันครับ” แค่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียก ใบหน้าสวยหวานก็แบะคว่ำก่อนจะกระทืบเท้าเดินตรงไปเปิดประตูรถ
กึก!
ปลายเท้าเล็กหยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไปบางอย่าง ก่อนจะตัดสินใจหันหลังกลับไปมองที่เดิมอีกครั้ง รอยยิ้มค่อยๆ เผยกว้างขึ้นเมื่อได้สบตาคมเข้มของคนที่นั่งเคียงข้างกันมานานเกือบชั่วโมง แม้จะเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็เถอะ…มันมีความหมายกับเธอไปแล้ว
“ขอบคุณที่นั่งเป็นเพื่อนนะ…” เสียงหวานดึงความสนใจจากคนที่นั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์ จนคนพูดแย้มยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“…”
“พี่ลักยิ้ม ^^”
•••••
ปึง!
รถคันหรูค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากหน้าโรงเรียนอินเตอร์ชื่อดัง มุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ของตระกูลวรวงศ์พิพัฒน์ เจ้าของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารหลายแห่งทั่วประเทศ เจ้าสัวรองหัวเรือใหญ่ตอนนี้คืออาตี้คุณพ่อลูกสามและเมียอีกสอง
“เฮียมาได้ยังไงคะ?” อาอิงหันหน้าไปถามพี่ชายที่เธอนับเป็นพี่ชายจริงๆ เพราะอาไทกับอาย่าคือฟ้ากับนรกสำหรับเธอ ถึงแม้ว่าทั้งสองจะเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันแต่นิสัยต่างกันสุดขั้ว
อาไทเปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของอาอิง เขาอายุห่างจากเธอถึง 5 ปี ใช่แล้วล่ะ…พ่อของเธอมีลูกกับเมียน้อยก่อนจะมีเธอที่แม่เป็นเมียหลวงที่แต่งเข้าตระกูลอย่างถูกต้อง
“อาย่าโทรไปบอก…เฮียขอโทษแทนอาย่าด้วยนะ” ทุกครั้งที่น้องสาวก่อเรื่อง มักจะเป็นเขาที่รู้สึกผิด
อาไทไม่เคยภูมิใจที่เกิดเป็นลูกชายคนโตของตระกูล เพราะเขารู้ดีถึงเรื่องราวในอดีตว่าคนผิดคือใคร และไม่เคยคิดร้ายกับอาอิงน้องสาวต่างแม่ที่น่ารักน่าเอ็นดูตั้งแต่วันแรกที่เธอลืมตาดูโลก เขารักน้องสาวทั้งสองคนเท่ากัน
เพียงแต่อีกคนค่อนข้างจะเกเรและดื้อรั้น สิ่งที่เขาทำได้คือห้ามปรามและคอยปกป้องไม่ให้ทั้งสองปะทะกันรุนแรง
“ไม่รับคำขอโทษแทนค่ะ” อาอิงปากคว่ำหันหน้าหนีออกนอกกระจก เธอไม่ได้ต้องการให้ใครมาขอโทษแทน คนทำเท่านั้นที่ต้องขอโทษเธอ
“โอเคๆ เฮียจะพาอาย่ามาขอโทษเราเอง”
“คงมาหรอก”
“ว่าแต่คนเมื่อกี้…ใครเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน เขาแค่มานั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ อิง ไม่พูดอะไรสักคำ” จู่ๆ รอยยิ้มก็ค่อยๆ แสยะขึ้นมา เมื่อนึกไปถึงใบหน้าหล่อเหลาของรุ่นพี่คนนั้น
“ทีหลังรอในโรงเรียนนะ แล้วค่อยโทรหาเฮีย แบบนี้มันอันตราย”
“เฮียคิดว่าอิงจะโดนทิ้งอีกแล้วเหรอ?”
“…ไม่รู้สิ”
“เห้อออ~” ก่อนเรียนจบเธอคงเสียสติก่อนแน่ๆ































