บทที่ 3 Chapter 1 อาอิง | เจ้ากรรมนายเวร

ปังๆๆ

“อาย่า! เปิดประตู!” มือเล็กบอบบางทุบลงรัวๆ เมื่อเคาะดีๆ แล้วเจ้าของห้องไม่ยอมเปิด

ปังๆๆ!!

แกร็ก!

“อะไรนักหนาเนี่ย!!”

หมับ!

“แกเอาของของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน!”

“พูดบ้าอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง!”

“บ้านหลังนี้นอกจากแกก็ไม่มีใครทำนิสัยแบบนั้นแล้ว”

“นี่! เธอกล้าด่าฉันเหรอ!?”

“เออ!” ฉันเชื่อเสมอว่าทุกคนมีความอดทน และเชื่อเสมอว่ามันต้องมีสักวันที่ทนไม่ไหว และวันของฉันก็มาถึงแล้ว

การที่เรามีพี่น้องถึงจะต่างพ่อต่างแม่ หากว่าจะอยู่กันอย่างสันติมันก็ทำได้ แต่บ้านฉันไม่ใช่แบบนั้น ฉันไม่เคยถืออภิสิทธิ์ที่ว่าตัวเองเป็นลูกของเมียหลวงเลยมีอำนาจมากกว่าลูกของเมียน้อย แต่สิ่งที่คนตรงหน้าทำกับฉันบางทีฉันก็อยากจะใช้อำนาจนั้นเหมือนกัน

เพราะตอนนี้ของสำคัญของฉันถูกคนตรงหน้าเอาไป และเธอปากแข็งไม่ยอมรับ ทั้งๆ ที่มีคนเห็นว่าเธอเอามันไปจริงๆ

“มีอะไรกันอาอิง อาย่า” แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ทำอะไร เสียงหวานนุ่มของคุณแม่ก็เอ่ยแทรกขึ้นมาซะก่อน นั่นทำให้การกระทำของฉันหยุดชะงักไปทันที

“แม่ใหญ่ก็ลองถามลูกสาวตัวเองดูสิคะ มายืนโวยวายอยู่หน้าห้องคนอื่นแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน มารยาทต่ำมาก” ยัยนี่เหมือนคนเกิดมาแล้วลืมมารยาทไว้ในท้องแม่ ฉันไม่เคยเห็นเลยจริงๆ ขนาดแม่ฉันแสนดีกับเธอทุกอย่าง แล้วดูสิ่งที่มันทำสิ

“มีอะไรกันอิง” คุณแม่เลือกที่จะหันมาถามฉัน ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่ฉันกับอาย่ามีเรื่องกัน ฉันจะเป็นคนแรกที่โดนท่านดุก็เถอะ

“แม่ไม่ต้องห่วงหรอก อิงไม่ทำนิสัยชั่วๆ เหมือนที่ยัยบ้านี่พูดหรอก”

“อาอิง!”

“เหอะ!”

หมับ!

“แกจะไปไหน!” ฉันรีบคว้าแขนอาย่าไว้เมื่อเธอใช้โอกาสตอนที่ฉันโดนแม่ดุกำลังจะหันหลังกลับเข้าห้อง

พลั่ก!

“เลิกบ้าสักที! ฉันบอกว่าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำสิ” แต่เธอสะบัดแขนของฉันออกสุดแรง จนฉันที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเซไปด้านหลัง

นั่นทำให้ความโมโหของฉันเพิ่มมากขึ้น ให้มันรู้ไปว่าฉันจะหาหลักฐานมามัดตัวยัยน้องเวรนี่ไม่เจอ

“ได้ จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย?”

“จะทำอะ…อ๊ะ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”

ฉันไม่ได้รอให้อาย่าพูดจบ เมื่อเธอเผลอฉันก็เดินกระแทกไหล่เข้าไปในห้องเธอทันที สายตากวาดมองคร่าวๆ ว่ามีมุมไหนที่พอจะเอาของของฉันไปซ่อนได้บ้าง

“อาอิงหยุด!”

กึก!

“ออกมาเดี๋ยวนี้!”

แต่แล้วเสียงประกาศิตก็คำรามขึ้นอีกครั้ง ปลายเท้าเล็กชะงักพยายามควบคุมสติอารมณ์ให้ตัวเองจิตใจเย็นลง ไม่บ่อยนักที่คุณแม่จะขึ้นเสียงแข็งใส่ฉันแบบนี้ เพราะในสายตาของท่านฉันจะเป็นไอ้ต้าวตัวเล็กตัวน้อยเสมอ

“…แกจำไว้เลยนะ” ก่อนจะเดินออกจากห้องฉันก็ไม่ลืมที่จะกัดฟันพูดกับตัวปัญหา ถึงแม้ว่าตอนนี้ทำได้เพียงแค่กำหมัดแน่นข่มอารมณ์ไว้ก็เถอะ

“เหอะ!”

“ตามแม่มา”

“สมน้ำหน้า หึๆ”

ทุกการกระทำของอาย่ามันทำให้ฉันเติบโตและเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เธอสอนให้ฉันรู้ว่าหากเราอ่อนแอเราก็จะถูกรังแกต่อไปไม่รู้จักจบ

ฉันยอมโดนหักค่าขนม ยอมโดนแม่ด่า และยอมกลายเป็นเด็กเกเรในบางครั้ง เพียงเพื่อไม่อยากเป็นคนขี้แพ้ที่ยอมให้น้องสาวต่างแม่รังแกอยู่ฝ่ายเดียว

•••••

สายลมพัดกระทบใบหน้า ฉันเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่วันนี้มันปลอดโปร่งเหมือนรู้ว่าจิตใจของฉันมันขุ่นมัวเกินไป เกินจะรับไหวหากว่ามันจะขมุกขมัวไปด้วย

“ไหนบอกแม่สิ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไปทุบห้องน้องแบบนั้น”

ตอนนี้ฉันโดนแม่ลากมาสวดที่สวนดอกไม้ของท่านหลังคฤหาสน์หลังโตนี้ อยู่มาจนตอนนี้ฉันอายุ 18 ย่าง 19 ปีแล้ว น้อยครั้งมากที่ฉันจะมีความสุข

“อาอิง…”

“แม่รู้มั้ยว่าตอนนี้อิงจะไม่ได้เรียนในมหาลัยที่อิงฝันแล้ว”

“…ทำไม”

“แม่รู้มั้ยว่าคนที่แม่กำลังปกป้องมันทำอะไรกับของสำคัญของอิง”

“อาอิง…”

“พอร์ตฟอลิโอที่อิงจะเอาไปยื่นให้มหาลัย ตอนนี้มันหายไปแล้ว”

“…”

“แล้วแม่รู้มั้ยคะ…ว่าใครเป็นคนทำ?”

“…”

“อิงทำเองแหละ อิงไม่รอบคอบเอง” ฉันบอกแม่และหันไปยิ้มขำให้โชคชะตาชีวิตของตัวเองกับสายลมที่พัดผ่าน หลับตาลงช้าๆ ให้หัวสมองปลอดโปร่งเผื่อจะคิดหาวิธีอย่างอื่นต่อได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันอื้ออึ้งไปหมด

ทางของฉันตันสุดๆ

อาย่าอายุน้อยกว่าฉัน 1 ปี และอายุห่างจากเฮียอาไท 6 ปี แต่เหมือนว่าอะไรๆ ที่มันดีๆ จะติดตัวไปกับคนพี่หมดแล้ว จนมันตกไม่ถึงคนน้องอย่างอาย่าเลย

“น้องอิง…”

“ถ้าอิงเก็บของดีๆ ใครมันจะเอาไปได้”

“…”

“จริงมั้ยคะ?”

ฉันใส่ทุกความตั้งใจของตัวเองลงไปในพอร์ตเล่มนั้น เก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ กิจกรรมที่ตั้งใจทำเพื่อสร้างเครดิตดีๆ ให้กับตัวเอง

อีกแค่สองวันฉันก็จะได้เอามันไปยื่นให้ทางมหาลัยแล้ว สองวันแล้วแท้ๆ

“อิงไม่เรียนที่นั่นแล้วก็ได้ค่ะ”

“ว่าไงนะ?” คุณแม่อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะท่านรู้ว่าที่นั่นคือมหาลัยแรกที่ฉันเลือก มันเป็นมหาลัยรัฐบาลที่นักศึกษาแข่งขันกันค่อนข้างสูง นั่นหมายถึงยากมากเช่นกันที่จะมีใครได้เข้าไปเรียน

“อาย่ารู้ว่าอิงจะเข้าเรียนที่นั่น”

“แม่จะไปถามอาย่าให้…”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ แต่อิงอยากขอร้องแม่อีกเรื่อง”

“เรื่องอะไรคะ”

“อิงจะไปเรียนอีกที่ แต่แม่ห้ามบอกให้ใครรู้จนกว่าอิงจะเป็นนักศึกษาของที่นั่นแล้ว”

บางทีความขี้อิจฉาของคนก็น่ากลัวเกินไปนะ โดยเฉพาะจากคนในครอบครัวเดียวกัน แต่ฉันไม่โทษเธอโดยตรงหรอก หากว่าเธอไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาแบบนั้น เธอจะมีนิสัยแบบนี้ได้ยังไงล่ะ

จริงมั้ย?

เย็นวันนั้น

ถามว่าเสียดายมั้ยที่ของสำคัญหาย แน่นอนฉันเสียดายและเสียใจมาก แต่จะให้หมกมุ่นจนเสียสติก็คงไม่ได้หรอก ชีวิตฉันต้องดำเนินต่อไป

“อ่าวคุณหนู…”

“คุณย่าอยู่มั้ยคะป้านิ่ม” ฉันเอ่ยถามคนสนิทของคุณย่าที่เดินสวนออกมาพอดี

คฤหาสน์หลังนี้แบ่งเป็นโซนเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย อย่างที่บอกบ้านฉันเป็นครอบครัวใหญ่ นอกจากพ่อแม่ของฉัน และเมียอีกคนของคุณพ่อ ยังมีคุณปู่กับคุณย่าอาศัยร่วมอยู่ด้วย ครอบครัวเชื้อสายจีนก็งี้แหละ

และตอนนี้ฉันก็กำลังเดินไปที่บ้านพักของคุณย่าพิไลที่อยู่ติดกับทะเลสาบ ท่านไม่ได้อยู่ที่นี่ประจำหรอก อารมณ์บ้านพักตากอากาศน่ะ  กลางคืนท่านก็กลับไปนอนกับคุณปู่ที่คฤหาสน์นั่นแหละ

“อยู่ค่ะ กำลังให้อาหารดุ๊กดิ๊กอยู่เลยค่ะ” สัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณย่าคือพี่กระต่ายน่ะ ท่านรักพวกมันมาก ตอนนี้มีพี่ดุ๊กดิ๊กประมาณ 5 ตัวได้แล้วมั้ง

ดุ๊กดิ๊กคือชื่อของทุกตัว และเพื่อให้จำไม่ผิดจะมีสีต่อท้าย อย่างเช่นดุ๊กดิ๊กเทา ^^

ฉันเดินไปตามทางเดินที่ปูกระเบื้องอย่างดี เพื่อกันไม่ให้คุณย่าท่านลื่น บรรยากาศที่ติดกับทะเลสาบและมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆ ไม่แปลกที่คุณย่าท่านรักและชอบมาอยู่ที่นี่มากกว่าคฤหาสน์หลังใหญ่

“ดุ๊กดิ๊กลาย อย่าดื้อสิลูก มาหาย่ามาๆ”

“คุณย่า” ฉันเอ่ยเรียกและเผยยิ้มกว้างเมื่อเห็นกระต่ายหลายตัวกำลังกระโดดวิ่งเล่นไปมารอบๆ ตัวของท่าน

“อ่าวอาอิง มาหาย่าเหรอลูก”

“ใช่ค่ะ คุณย่าทำภารกิจเสร็จยังคะ ให้อิงช่วยมั้ย?”

“เสร็จแล้ว กินกันอิ่มทุกตัวเลย”

“น่ารักมากเลยค่ะ”

“มาหาย่าถึงที่ ไม่รู้ว่าเด็กแถวนี้อยากได้อะไรหรือเปล่า หึๆๆ”

‘รู้ทันฉันตลอดเลย ^^’

“ไม่ได้อยากได้สิ่งของอะไรหรอกค่ะ อิงอยากมาขอความคิดเห็นจากคุณย่าเฉยๆ”

“เรื่องอะไรล่ะ มานั่งกับย่านี่มา” ฉันพยักหน้าและเดินไปนั่งบนพื้นใกล้ๆ ท่าน ก่อนจะคว้าดุ๊กดิ๊กลายตัวที่ซุกซนที่สุดมากอดไว้แนบอก

“อิงอยากย้ายไปอยู่ข้างนอกค่ะคุณย่า”

“…”

“อิงหมายถึงตอนเข้ามหาลัยค่ะ”

“ไปอยู่หอน่ะเหรอ?”

“ประมาณนั้นค่ะ แต่ไม่ใช่ในมหาลัยนะคะ”

“แล้วหนูจะอยู่ได้เหรอลูก”

“ต้องได้ค่ะ”

“มีเรื่องอึดอัดใจใช่มั้ย?”

“…”

“ย่าไม่มีปัญหา แต่หนูต้องไปขออนุญาตอีกคน”

“…”

“รู้ใช่มั้ยว่าปู่หวงเราที่สุด”

“…ค่ะคุณย่า”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป