บทที่ 5 Chapter 3 อาอิง | มาตามนัด

มหาวิทยาลัย SKP

นี่สินะช่วงเวลาแห่งความสุขที่ต้องเก็บเกี่ยว นักศึกษาละลานตาหลากหลายอารมณ์ มีทั้งคนที่ดูตั้งใจมาเรียน บางคนก็เหมือนมาเดินแฟชั่นโชว์ หรือบางคนมาเพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น เช่น หาแฟน

จึกๆๆ

ขวับ!

“แฮ่!!”

“อ๊ะ!! ทำไรเนี่ยมะนาว!!” ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อหันไปตามแรงจิ้มแล้วเจอเพื่อนสนิทของตัวเองแลบลิ้นปลิ้นตาใส่

“แล้วแกยืนทำไรอยู่ สังเคราะห์แสงเรอะ?”

“แค่ยืนดูสิ่งที่ไม่เคยเห็น”

“งี้แหละน่า~ โลกภายนอกมันก็งี้แหละ” มะนาวกอดคอฉันและมองไปด้วยกัน

“แกสอนอะไรให้ยัยอิงอีก” แต่ก่อนที่เราสองคนจะได้คุยอะไรกันต่อ เสียงคุ้นเคยของอีกคนก็ทักขึ้นมา

“อย่าใส่ร้าย คุณหนูอาอิงแค่ต้องเรียนรู้โลกภายนอกมากขึ้น ฉันแค่ให้คำแนะนำ”

“คนอย่างแกชอบสอนเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เพลงขวัญคือเพื่อนสนิทอีกคนที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน เราสามคนสนิทกันตั้งแต่เข้าม.1 จนตอนนี้ก็ตัดสินใจเรียนที่เดียวกันอีก

จริงๆ สองคนนี้น่ะตั้งใจเข้าเรียนที่นี่อยู่แล้ว แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่ทีแรก ได้มาที่นี่แค่เพราะความซวยที่มีน้องสาวอย่างอาย่าก็เท่านั้น

‘แต่ช่างมันเถอะ บางทีโชคชะตาคงอยากให้ฉันอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ^^’

“ใส่ร้ายยย”

“ถึงเวลาแล้ว ไปเรียนคาบแรกกันเถอะ” เพลงขวัญไม่สนใจเสียงครวญครางของมะนาว แต่ลากแขนฉันเดินนำออกมาทันที

“รอด้วยยย” ชื่อมะนาวก็แสบสมชื่อแหละ ^^

วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของพวกเรา แอบตื่นเต้นเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าการเรียนการสอนจะแตกต่างกันมากแค่ไหน

“ย้ายของเข้าห้องเสร็จแล้วใช่มั้ย?” เพลงขวัญถามขึ้นทันทีเมื่อพวกเราได้ที่นั่งกันแล้ว

เพื่อนร่วมคลาสเยอะมากเลยล่ะ แต่ละคนมีทั้งน่าคบและไม่น่าคบ นี่ปีหนึ่งเองนะทำไมแต่งตัวแรงกันขนาดนี้

แต่ก็นะสไตล์แต่ละคนไม่เหมือนกัน มหาวิทยาลัยเอกชนอิสระย่อมเยอะเป็นธรรมดา ฉันแค่กลัวเพื่อนๆ จะหนาวเพราะกระโปรงมันสั้นเกินไป -_-!

“เสร็จแล้วๆ คุณแม่มาช่วยน่ะ”

“แล้วทำไมไม่บอกพวกฉันล่ะ จะได้ไปช่วย” เพื่อนสองคนของฉันนิสัยค่อนข้างแตกต่างกัน ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าพวกเราทั้งสามคนนิสัยไม่เหมือนกันเลย

มะนาวจะแสบๆ ซ่าๆ ตามชื่อเลย ไม่กลัวใครพร้อมไฟต์ตลอด เพลงขวัญเหมือนพี่คนโตนิสัยจะดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุด คอยดุคอยด่าเวลาฉันกับมะนาวเกเร ส่วนฉันคือความสดใสของกลุ่ม มะนาวบอกว่าฉันเหมือนดอกทานตะวัน ^^

“ไม่เป็นไรหรอก ของฉันไม่ได้เยอะอะไรอยู่แล้ว”

“เห้อออ~ บางทีกับเพื่อนก็ไม่ต้องเกรงใจมากก็ได้” มะนาวถอนหายใจใส่ฉันทันที

“มารยาทไง ^^”

“แกกำลังหลอกด่าว่าฉันไม่มีมารยาทอย่างนั้นใช่มั้ย!”

“เปล่าสักหน่อย”

“ยัย…!!”

“สวัสดีนักศึกษาทุกคน” แต่ก่อนที่ฉันจะถูกมะนาวด่า เสียงประกาศิตจากหน้าห้องก็หยุดบทสนทนาของพวกเราลงซะก่อน

คณะที่ฉันเลือกคือนิเทศศาสตร์ ซึ่งเหมือนเดิมไม่ใช่ความตั้งใจแรก แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะทุกอย่างประชันชิดไปหมด ไม่ลงคณะนี้ก็เกรงว่าปีนี้คงหาที่เรียนไม่ทันแล้ว โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ ท่านไม่ได้เคร่งเรื่องการเรียนของฉันอยู่แล้ว พวกท่านแค่อยากให้ฉันมีความสุข

นิเทศฯ ก็ไม่เลว ฉันชอบงานศิลปะ ชอบการถ่ายรูป ถือว่าได้เรียนรู้หลากหลาย ส่วนงานบริหารค่อยต่อป.โทเอาทีหลังก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรอยู่แล้ว

“เลิกเรียนขอไปดูห้องแกได้มั้ยอิง”

“ได้สิ หาอะไรไปกินกัน ฉันอยากให้พวกแกไปอยู่แล้ว” ฉันหันไปตอบเพลงขวัญ ถึงเพื่อนไม่ขอฉันก็ตั้งใจจะชวนไปอยู่แล้ว

“แกนี่มันน่ารักจริงๆ เลย” ส่วนมะนาวที่นั่งอยู่ข้างขวาดึงหัวฉันไปหอมฟอดใหญ่

เพื่อนสองคนนี้ชอบคิดว่าฉันเป็นเด็กน้อยอยู่เรื่อยเลย ฉันแค่ตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มเท่านั้น อายุเราก็เท่ากันนะ ทำไมทำกับฉันแบบนี้ก็ไม่รู้ :(

@คอนโดอาอิง

“ว้าววว~” ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา มะนาวก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเพื่อนที่เปล่งประกายราวกับเด็กน้อยทำฉันหลุดขำทันที “ห้องแกไฮโซโบว์แดงมากเลยยัยคุณหนูทานตะวัน”

“เว่อร์น่ามะนาว” ฉันส่ายหน้าน้อยๆ หยิบรองเท้าสลิปเปอร์ให้เพื่อนคนละคู่ ทุกอย่างเตรียมพร้อมอย่างดี คุณแม่ค่อนข้างพิถีพิถันน่ะ ท่านเป็นคนเตรียมไว้ให้เพราะฉันบอกจะชวนเพื่อนมาบ่อยๆ การอยู่คนเดียวครั้งแรกฉันคงเหงาน่าดู

“หึๆ จริงของยัยนาว แต่ห้องใหญ่ขนาดนี้แกอยู่ได้ใช่มั้ย?” เพลงขวัญที่สำรวจห้องฉันเสร็จแล้วเอ่ยถามขึ้นมา

“ต้องได้สิ แค่ตื่นเช้ามาแล้วไม่เจออาย่าฉันรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ดีสุดๆ เลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะเหงาหน่อยๆ ก็เถอะ”

“เดี๋ยวก็ชิน แกโตแล้วออกมาใช้ชีวิตข้างนอกคนเดียวแบบนี้ฉันสนับสนุนนะ”

“สนใจมาอยู่เป็นเพื่อนฉันมั้ย?”

“ไม่”

“…!” ตอบได้ทำร้ายจิตใจฉันมาก

“หัดอยู่คนเดียวให้เก่ง แกจะได้แข็งแกร่งกว่านี้”

“ค่ะแม่”

“กินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวฉันต้องกลับแล้ว”

“ใช่ๆ ฉันก็ต้องรีบกลับเหมือนกัน แต่ห้องแกสวยมากฉันชอบจัง เวลาทำรายงานเรามาทำห้องแกได้ป่ะ”

“ได้อยู่แล้ว”

“ทำที่ห้องสมุด แกหัดเกรงใจยัยอิงบ้าง”

“โหหหหแม่คะ…”

“หุบปากซะ”

“TT”

“ไม่เป็นไรหรอก…”

“หวงพื้นที่ส่วนตัวบ้างอาอิง อย่าให้ฉันต้องสอน”

“ค่ะแม่” พูดซะฉันกับมะนาวหน้างอคอตกกันเลยทีเดียว

เวลาต่อมา

หลังจากเพื่อนๆ กลับไปฉันก็มานั่งทบทวนบทเรียนอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น สายตากวาดมองรอบห้องเพราะยังไม่คุ้นเคย คุณปู่บอกว่าจะซื้อคอนโดให้ฉัน ท่านก็ซื้อให้จริงๆ แถมยังเป็นห้องใหญ่มากๆ อีกด้วย

“ใหญ่เกินไปอ่ะ”

มองไปทางไหนก็เคว้งคว้างสุดๆ ห้องนอนสองห้อง ห้องน้ำสองห้อง พื้นที่ทำครัวแบบอเมริกันเคาน์เตอร์ใหญ่มาก ห้องนั่งเล่นกว้างขวางเพดานก็สูง นี่มันสำหรับอยู่เป็นครอบครัวชัดๆ

ครืดดด ครืดดด ครืดดด

แรงสั่นของโทรศัพท์มือถือดึงความสนใจของฉันให้หันไปหา แค่เห็นเบอร์คุณปู่โชว์หราก็รีบคว้าขึ้นมากดรับสาย

“ค่ะคุณปู่”

(ว่างมั้ยหลาน ปู่รบกวนมั้ย?)

“ไม่ค่ะ อิงแค่นั่งทบทวนบทเรียนนิดหน่อย”

(เด็กดี)

“คุณปู่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

(จำสัญญาของเราได้มั้ย?)

“…”

(ถึงเวลาแล้วนะ)

“…ค่ะ”

(พร้อมแล้วใช่มั้ย ผ่านมาหลายเดือนแล้ว)

“พร้อมค่ะ”

(งั้นสุดสัปดาห์นี้ ปู่ให้พ่อหลานไปรับนะ)

“ได้ค่ะ”

(งั้นปู่ไม่รบกวนแล้ว เจอกันตามนัดนะ)

“ค่ะคุณปู่”

คิดว่าท่านลืมไปแล้วซะอีก เพราะฉันก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน

เห้อออ~~ คนๆ นั้นจะหน้าตาเป็นยังไงนะ หวังว่าคุณปู่จะตาดีอย่างที่ท่านโอ้อวดไว้นะ

สุดสัปดาห์

รถคันหรูของป่ะป๊าแล่นไปตามถนนเส้นหลัก สถานที่นัดของเราคือโรงแรมในเครือของตระกูล ฉันตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ วันนี้เลยไม่ค่อยสดชื่นเท่าที่ควร

“เรียนเป็นไงบ้างลูก” ป่ะป๊าเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อรถแล่นมาได้สักพักแล้ว

“ดีค่ะ อิงเริ่มปรับตัวได้แล้ว”

“มีเรื่องไหนไม่สบายใจคุยกับป๊าได้ตลอดนะ ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว”

“ค่ะ ตอนนี้เรื่องเครียดคงเป็นเรื่องของคุณปู่นี่ล่ะค่ะ ป๊ารู้มั้ยว่าท่านจับคู่อิงกับใคร”

“ป๊าไม่รู้เหมือนกัน แต่เพื่อนของท่านป๊าเคยเจออยู่ คนใหญ่คนโตแวดวงสังคม แต่ก็ไม่เคยเจอหลาน”

“อิงปฏิเสธได้ใช่มั้ยคะ ป๊าช่วยอิงได้มั้ยถ้าอิงไม่ถูกใจคนคนนั้น”

“หึๆ ได้สิ อิงเป็นลูกสาวป๊านะ ป๊าจะยอมให้หนูไม่มีความสุขได้ยังไง”

แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย แค่ทำตามที่คุณปู่ขอไม่ถูกใจอย่างน้อยก็มีป่ะป๊าช่วยหนุนหลัง

@โรงแรมในเครือของตระกูล

เราใช้เวลาเดินทางแค่ไม่นานก็มาถึงโรงแรม ฉันเดินเคียงคู่ไปกับป่ะป๊าที่เดินผ่านพนักงานคนไหนทุกคนจะก้มหัวให้หมด ไม่ชินเลยแหะ

คุณปู่ใช้ดาดฟ้าเป็นสถานที่นัดของพวกเรา พื้นที่ส่วนตัวแถมบรรยากาศก็ดี ฉันเห็นท่านยิ้มกว้างตอนคุยกับเพื่อนสนิทก็พลอยยิ้มตามท่านไปด้วย

“มากันแล้วเหรอ มาๆ” ทันทีที่หันมาเห็นฉันกับป่ะป๊าเดินเข้ามาท่านก็กวักมือเรียก อารมณ์ดีสุดๆ ไปเลยล่ะ นี่สินะความสุขของคนวัยชรา

“สวัสดีครับคุณทามไท”

“หวัดดีๆ ไม่เจอกันนานเลยนะ ลูกชายเก่งมากเลย อาเจอเขาในงานสังคมรอบก่อนก็อดที่จะชมเขาไม่ได้”

เพื่อนของคุณปู่ที่อายุมากพอๆ กับท่านยังดูแข็งแรงมากๆ อยู่เลย ชายชราสองคนนี้กินยาอายุวัฒนะหรือเปล่านะ ทำไมดูไม่เหมือนคนอายุหกสิบเจ็ดสิบเลย

“อาอิงลูก นี่คุณปู่ทามไท”

“สวัสดีค่ะคุณปู่”

“หวัดดีจ้ะ น่ารักเหมือนแม่ของหลานเลย”

“ขอบคุณค่ะ”

“ขอโทษที่มาสายครับ” ยังไม่ทันที่ท่านจะได้คุยอะไรกับฉันต่อ เสียงทุ้มหนึ่งก็เอ่ยแทรกขึ้นมาดึงความสนใจจากทุกคนให้หันไปมอง

“เอ๊ะ?” คุณปู่ทามไททำหน้าตาแปลกๆ จนฉันต้องหันมองตามสายตาของท่าน

O.O?!

นี่มัน!!!

“ทำไม…ไทเกอร์”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป