บทที่ 6 Chapter 4 อาอิง | คนนี้ไม่ใช่

“ทำไม…ไทเกอร์”

เสียงของคุณปู่ทามไทแทบไม่เข้าหูฉันเลย สายตายังคงจดจ้องมองคนมาใหม่ที่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจฉันเพิ่มมากขึ้น

‘แต่ในส่วนลึกของความรู้สึกมันกลับรู้สึกแปลกๆ’

“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมพนมมือขึ้นไหว้คุณปู่และป่ะป๊าของฉัน รอยยิ้มของผู้ใหญ่ทั้งสองรวมถึงสายตาบ่งบอกถึงความพึงพอใจ

‘ไม่แปลกใจเลยเพราะไทเกอร์คนนี้เขาหล่อมากๆ’

หน้าตาคมเข้ม คิ้วหนา ตาเฉี่ยว จมูกโด่งพุ่งอย่างกับดาราเกาหลี ริมฝีปากกระจับสวยสีเข้มเป็นธรรมชาติ และสิ่งที่ทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาคงไม่พ้นทรงผมอันเดอร์คัทสีดำสนิทนี้ ที่สะกดสายตาให้ทุกคนหันมองจนเหลียวหลัง

ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งตัวธรรมดาด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำที่พับแขนขึ้นมาเล็กน้อยกับกางเกงยีนส์สีเดียวกัน แต่ออร่ากระจุยกระจายมาก แถมตัวยังหอมมากๆ อีกด้วย

ฉันสะบัดหน้าเล็กน้อยเมื่อเผลอจ้องนานเกินไปจนเขาจับได้ เลยแก้เก้อโดยการหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแทนซะเลย

“นั่นแก้วป๊า”

เพล้ง~

มือเล็กชะงัก เสียงของป่ะป๊าเบรกฉันซะหัวทิ่มเลย

“หึๆ เขินเหรอลูก”

“เปล่าสักหน่อย” ฉันก้มหน้างุดตอนที่ป่ะป๊ายื่นหน้าเข้ามากระซิบให้เราได้ยินกันแค่สองคน

“หน้าแบบนี้ถือว่าผ่านมั้ย ปู่เรายังตาถึงหรือเปล่า?”

“ป๊า~ ไม่พูดแล้ว” ฉันเงยหน้าขึ้นไปบิดปากคว่ำใส่ท่านทันที แซวฉันไม่พักเลย

แต่ในขณะที่ฉันกำลังงอนพ่อตัวเองอยู่นั้น สายตาก็เผลอเหลือบไปมองคนฝั่งตรงข้าม ทันได้เห็นร่างสูงโน้มตัวเข้าไปกระซิบบางอย่างกับคุณปู่ทามไทพอดี

“เอ่อทุกคน คือฉันมีเรื่องจะบอกน่ะ” คุณปู่ทามไททำหน้าตาแปลกๆ เหมือนท่านกำลังลำบากใจที่จะพูดยังไงยังงั้น

“มีอะไรว่ามาเลย ว่าแต่หลานแกหล่อมากเลยนะ ครั้งก่อนเห็นแค่ในรูปฉันก็ว่าหล่อมากแล้ว เจอตัวจริงหล่อกว่าเยอะเลย” คุณปู่ฉันเอ่ยชมด้วยความภูมิใจ มีการหันมามองหน้าฉันและเชิดหน้าใส่ด้วย คงกำลังภูมิใจในความตาถึงของตัวเองสินะ

“คืออย่างงี้นะเฟยฉี คนนี้น่ะ…”

“ไอย่ะ! ไม่ต้องพูดมากอะไรหรอก ถามเด็กๆ เลยดีกว่าว่าจะเอายังไง?”

“อิงว่าคุณปู่ฟังก่อนดีกว่ามั้ยคะ” ฉันกลัวความใจร้อนของท่านจะทำฉันลำบากซะจริงๆ

“หลานถูกใจพี่เขามั้ย?”

“…เอ่อ” เข้าตัวฉันเฉยเลยทีนี้

“อาอิงฟังปู่นะ” คุณปู่ทามไทเลิกสนใจเพื่อนตัวเอง ท่านมองหน้าฉันด้วยสีหน้าและสายตาที่จริงจังมาก “มีบางอย่างผิดพลาดนิดหน่อย”

“คะ?” ฉันเลิกคิ้วด้วยความงุนงง ตวัดสายตาไปมองคนหน้านิ่งข้างๆ ท่าน ตอนนี้เขาก็ยังคงสีหน้าเรียบเฉยไม่มีความรู้สึกใดๆ

‘มันจะนิ่งเกินไปมั้ยนะ’

“คนนี้ชื่อพี่ไทเกอร์”

“…ค่ะ”

“ไม่ใช่คนที่จะหมั้นกับหนู”

“คะ!”

“ห๊ะ!!”

เราสามคนอุทานขึ้นมาพร้อมกัน โดยเฉพาะคุณปู่กับป่ะป๊าที่เสียงดังจนพนักงานเสิร์ฟสะดุ้งไปด้วย

“แต่ถ้าไม่ติดอะไรจะหมั้นกับคนนี้ก็ได้นะ เขาสองคนเป็นฝาแฝดกันและคนนี้ก็เป็นแฝดพี่ด้วย ฉันไม่ติด”

“แต่ผมติด” เสียงทุ้มของพี่ไทเกอร์ขัดขึ้นทันที เขาดูไม่ชอบใจคำพูดของปู่ตัวเองเอามากๆ

แต่รู้มั้ยตอนที่คุณปู่ทามไทบอกว่าคนนี้ไม่ใช่คนที่จะหมั้นกับฉัน หัวใจฉันมันกลับมาเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ยิ่งตอนที่ท่านบอกว่าเขาสองคนเป็นฝาแฝดกันใจของฉันก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

‘ฝาแฝดที่หมายถึงว่ายังมีอีกคน ที่หน้าตาเป็นแบบนี้’

สัญชาตญาณของฉันไม่ผิดจริงๆ ถึงแม้ว่าพี่ไทเกอร์จะหน้าเหมือนกับพี่คนนั้นของฉันแค่ไหน ความรู้สึกข้างในของฉันก็ยังคงคัดค้าน

“ติดอะไรอีก จะไทเกอร์หรือทิกเกอร์ก็เหมือนกัน…”

“ไม่เหมือน…”

“อิงก็ติดค่ะ” ฉันแย้งขึ้นขัดบทสนทนาของพวกเขาทั้งสอง มันอาจจะดูเสียมารยาทไปหน่อยแต่ฉันจำเป็นต้องทำ ไม่งั้นคงไม่มีวันได้พูดอีก

“หลานติดอะไร?” คุณปู่ขมวดคิ้วถามฉัน รวมถึงป่ะป๊าก็ด้วยที่กำลังมองหน้าฉันด้วยความสงสัย

“ขออิงคุยกับพี่เขาเป็นการส่วนตัวได้มั้ยคะ?” ฉันบอกและสบตากับผู้ใหญ่ทุกคน แม้ว่าตอนนี้จะตื่นเต้นมากจนไม่กล้าสบตากับพี่ไทเกอร์ตรงๆ ก็เถอะ

“…” เพราะเขานิ่งมาก จนฉันเดาไม่ได้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจะคิดว่าฉันอยากจะจับเขามั้ยนะ

“อ้อ ได้สิๆ” ฉันยิ้มให้ท่านเมื่อคุณปู่ทามไทอนุญาต ก่อนจะหันไปสบตากับร่างสูงข้างๆ

“…”

“ขอบคุณค่ะ”

“ไปคุยกับน้อง ได้ข้อสรุปยังไงค่อยมาบอกปู่”

“…ครับ”

ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย เขาจะหักคอฉันมั้ยเนี่ย

•••••

ฉันเดินนำพี่ไทเกอร์ออกห่างจากพวกผู้ใหญ่ มือเล็กเกาะราวกั้นของชั้นดาดฟ้าและมองลงไปเบื้องล่างที่ตอนนี้การจราจรกำลังติดขัด เสียงของรองเท้าที่กำลังก้าวตามมาทำฉันตื่นเต้นจนลมแทบจับ

“บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจมารับหมั้นแทนใคร”

“รู้ค่ะ” ฉันรีบหันไปบอกเขาทันทีเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมา ฉันไม่ได้อยากมีปัญหากับเขา ไม่อยากทำให้เขาไม่พอใจด้วย

“แล้ว?”

“ไม่รู้ว่าพี่รู้หรือเปล่า หนูชื่ออาอิงนะคะ”

“…?”

“ขอเรียกพี่ว่าเฮียได้มั้ยคะ?”

“…?”

“คือหนูอยากให้พี่เป็นพี่ชายค่ะ”

“ไม่มี?”

“ก็มี…แต่ไม่เหมือนกัน” แสดงว่าเขาพอจะรู้เรื่องของครอบครัวฉัน ถึงได้ถามแบบนี้

“ตามใจ”

“ขอบคุณนะคะ” ฉันหลุดยิ้มกว้างเมื่อเขาตอบตกลง อย่างน้อยขั้นตอนแรกของการผูกสัมพันธไมตรีก็สำเร็จแล้ว

“ดีใจขนาดนั้นเลย” เขาเลิกคิ้วถามฉัน แต่บ้าสิ เขาเหมือนพี่คนนั้นของฉันมากๆ เลยนะ ถ้าไม่สังเกตหรือไม่ใส่ใจนี่แยกไม่ออกจริงๆ

แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน เพราะฉันจำได้ จำได้ขึ้นใจเลยล่ะ

พี่ลักยิ้มของฉันน่ะ ^^

“ติ๊งต๊อง”

“อ่าว~” หน้านิ่งๆ เวลาด่ารู้มั้ยว่ามันเจ็บน่ะ

ฉันมีโอกาสเจอพี่ลักยิ้ม…ไม่ใช่สิ เขาคงชื่อพี่ทิกเกอร์ ใช่…เราอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ฉันได้เจอพี่เขาแค่ไม่กี่ครั้งเอง สงสัยดวงของเราตอนนั้นจะไม่สมพงศ์กันสักเท่าไหร่

และหลังจากนั้นไม่กี่เดือนเขาก็เรียนจบ ตอนนั้นฉันเสียดายมากที่ไม่เคยไปแสดงตัวให้เขาเห็น หรือผูกมิตรอะไรไว้เลย แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอกับเขาอีก แถมการเจอของเราก็มาในฐานะคู่หมั้นเลยด้วย ^^

‘แบบนี้ต้องเรียกว่าพรหมลิขิตแล้ว’

“ที่ดีใจเพราะไม่ต้องหมั้นกับฉัน?”

“ก็…ค่ะ”

“ฉันแย่ขนาดนั้นเลย?”

“ไม่ใช่นะคะ” ฉันรีบโบกมือปฏิเสธทันที เพราะตอนนี้คนตรงหน้าฉันเข้าโหมดจริงจังมาก เขาทำหน้าเข้มเหมือนกำลังไม่พอใจฉันเลย “ไม่ใช่เลยค่ะ”

“ฉันเป็นพี่ชายที่ดีให้ใครไม่ได้หรอกนะ”

“แล้ว กับพี่อีกคน…”

“ไอ้ทิกเกอร์?”

“-///-”

“เคยเจอมัน?”

“อื้อๆๆ”

“เมื่อไหร่?” พี่ไทเกอร์ทำหน้าประหลาดใจมาก เขาคงคิดไม่ถึงว่าฉันจะรู้เรื่องของพี่ทิกเกอร์ คนที่หนีการดูตัววันนี้

“เราเรียนที่เดียวกันค่ะ”

“ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอ”

“หนูก็ไม่เคยเจอเฮียนะ” หรือเห็นก็ไม่รู้ แต่ฉันมั่นใจว่าคนที่เจอหลังจากนั้นก็ยังคงเป็นพี่ทิกเกอร์ อย่างที่บอกว่าพวกเขาเหมือนกันก็จริง แต่ก็ไม่ทั้งหมด

“แล้วรู้ได้ยังไง…ฉันหมายถึงเธอจำพวกฉันได้ยังไง?”

“ความรู้สึกค่ะ รู้แค่ว่าหน้าเหมือนกัน แต่เฮียไม่ใช่คนๆ นั้น”

“มั่ว”

“แน่จริงก็เรียกน้องชายเฮียมาสิ”

“เธอหลอกเจอน้องฉันเหรอ?”

“เฮียหวงน้องเหรอคะ?”

“เหอะ!”

“แล้วทำไมเฮียได้มาแทนล่ะ”

“แพ้พนันมัน” เขาบอกและหันหน้าหนีทันที คงเสียหน้ามากสินะ หึๆๆ ศักดิ์ศรีพวกผู้ชายนี่น่า~~~

“เขาคงไม่อยากหมั้นกับหนูจริงๆ” เห้อออ~ แค่คิดก็เศร้าแล้วอ่ะ ฉันไม่เข้าตาพี่ทิกเกอร์เลยเหรอ หรือครั้งแรกที่เราเจอกันเขาก็ไม่คิดจะจดจำเด็กน้อยตาดำๆ คนนั้นอีกเลย ตอนนั้นฉันออกจะน่าสงสารนะ โดนทิ้งให้นั่งรอรถอยู่คนเดียวน่ะ

ใจร้ายชะมัดเลย

“แล้วเธออยากหมั้นกับคนที่ไม่รู้จักหรือไง”

กึก!

‘เป็นคำถามที่ทำให้โลกจินตนาการของฉันดับวูบเลยล่ะ’

แต่ก็จริงของเขา ฉันไม่ได้อยากหมั้นตั้งแต่แรก แต่พอรู้ว่าเป็นใครจู่ๆ ใจก็ยินดีซะงั้น ฉันใจง่ายไปมั้ยนะ แล้วถ้าพี่ทิกเกอร์รู้เขาจะคิดว่าฉันอยากจะจับเขาหรือเปล่า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป