บทที่ 7 Chapter 5 อาอิง | จุดประสงค์

“แล้วเธออยากหมั้นกับคนที่ไม่รู้จักหรือไง”

“หนูจำเป็น” ฉันตอบไม่เต็มเสียงและหันหน้าหลบสายตาเขา

“ยังไง?”

“เฮียรู้ใช่มั้ยว่าครอบครัวหนูไม่ค่อยเหมือนใคร”

“พอรู้ แต่ไม่มาก” รู้มากรู้น้อยไม่สำคัญหรอก อย่างน้อยเขาก็รู้ มันก็ไม่ใช่ความลับที่จะบอกใครไม่ได้ แต่หากว่าพูดกับคนที่ไม่รู้เลยเขาคงคิดว่าฉันกุเรื่องขึ้นมาแน่ๆ

“นั่นล่ะค่ะ ป่ะป๊ามีเมียสองคน ลูกชายคนโตของท่านเป็นลูกที่เกิดกับเมียอีกคน แม่ของหนูถึงจะเป็นเมียหลวงแต่กลับไม่มีลูกชายที่จะสืบทอดวงตระกูลได้” ฉันมองตาเขาตลอดตอนที่พูด พยายามสื่อให้รู้ว่าฉันไม่คิดจะโกหกเขาแม้แต่น้อย

‘และฉันรู้ว่าเฮียไทเกอร์ฉลาดและมองคนออกแน่นอน’

“...”

“ที่หนูยอมรับหมั้น เฮียอาจจะคิดว่าหนูเห็นแก่ตัวก็ได้ เพราะมันเหมือนบ้านหนู...ไปจับน้องชายของเฮีย” ฉันเว้นวรรคเล็กน้อยกับประโยคนั้น แต่ปฏิกิริยาของเขายังคงนิ่งเฉย งั้นฉันจะคิดว่าเขาเชื่อและตั้งใจฟังฉันอยู่ละกัน

“...”

“แต่หนูไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ หนูไม่ได้คิดที่จะพึ่งพาบ้านของเฮียเลย”

“อือ” คงเป็นเสียงแรกที่ออกมาจากปากของเขาตั้งแต่ฉันเริ่มอธิบาย อย่างน้อยเขาก็รับรู้แล้วละนะ

“และก็เรื่องที่หนูทำ เฮียจะเชื่อมั้ยไม่รู้นะคะ หนูทำเพราะแม่ เพราะอนาคตมันคงดีกับตัวคุณแม่ที่สุด”

“ฉันเข้าใจ...แต่ทิกเกอร์ไม่รู้”

“หนูมีแผน...”

“อย่าร้ายกับมัน”

“ไม่ใช่นะคะๆ” ฉันรีบโบกมือปฏิเสธทันที ละล่ำละลักรีบพูดต่อจนลิ้นแทบจะพันกัน “หนูไม่ได้คิดจะล้อเล่นกับความรู้สึกของพี่ทิกเกอร์”

“แล้วคิดจะทำอะไร?”

“สัญญาได้มั้ยคะ...ว่าเฮียจะช่วย”

“...”

“นะ” ฉันพนมมือขึ้นและกระพริบตาปริบๆ ใส่เขา อ้อนวอนเต็มที่ ให้มันรู้กันไปว่าเขาจะใจร้ายกับสาวน้อยตัวเล็กๆ อย่างฉันลง

(ทิกเกอร์ : Part)

เสียงโวยวายดังลั่นออกมาจากห้องโถงใหญ่ภายในคฤหาสน์หลังโต ทันทีที่ได้ยินคำสั่งออกมาจากปากของประมุขใหญ่ของบ้าน คนที่รับผลกรรมก็แทบจนทนไม่ไหว เขาอยากจะกรี๊ดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

“ผมไม่ทำ” ทิกเกอร์กอดอกหันหน้าหนี ผู้ใหญ่ทั้งสามที่กำลังมองอยู่ไม่มีใครโกรธ นอกเสียจากกำลังกลั้นขำกับพฤติกรรมเหมือนเด็กสามขวบของลูกชายคนเล็กของบ้าน

“ถ้ายอมหมั้นกับน้อง ปู่แบ่งสมบัติให้ครึ่งหนึ่งเลย” ทามไทพูดขึ้นยิ้มๆ เพราะถึงหลานคนเล็กจะปฏิเสธหัวชนฝาขนาดไหน ยังไงเขาก็ต้องรับหมั้นบ้านนั้นอยู่แล้ว

ส่วนทำไมต้องเป็นทิกเกอร์น่ะเหรอ เพราะไทเกอร์บังคับยากกว่าน่ะสิ เรื่องนี้คนที่ต้องทำก็เลยตกเป็นทิกเกอร์แทน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เชื่อว่าหลานชายจะยอมหากได้เจอหลานสาวคนโตของตระกูลวรวงศ์พิพัฒน์

‘ตรงสเปกขนาดนั้นไม่ต้องพนันอะไรมันก็ยอม’

“พ่อคงยอมหรอก” ทิกเกอร์ยังคงบิดปากคว่ำ ไม่เข้าใจความคร่ำครึของคนเป็นปู่ นี่สมัยไหนแล้วยังคิดจะจับเขาคลุมถุงชนอยู่อีก

“ฉันยอม” แต่ธันเดอร์กลับตอบออกมาหน้าตาเฉยเรื่องปันผลสมบัติ เขาไม่ติดหากว่าครึ่งหนึ่งของตัวเองจะมอบให้ลูกชาย

“แม่ก็ยอม” น้ำชาผู้เป็นแม่พูดออกมายิ้มๆ

“...!!” เมื่อไม่มีใครเข้าข้างตนก็หันเหความสนใจไปหาพี่ชายฝาแฝดของตัวเองทันที “มึงแหละไปหมั้นเองเลย พี่ใหญ่ต้องแต่งงานก่อนน้อง”

“เขาให้หมั้น ไม่ได้ให้แต่ง” ไทเกอร์พูดออกมานิ่งๆ ชินกับความขี้โวยวายของแฝดน้องเกินกว่าจะโกรธที่โดนผลักภาระมาหา

“งั้นมึงก็ไปหมั้น”

“ผมกลับคอนโดก่อนนะครับ” ไทเกอร์ไม่สนใจ ร่างสูงกว่า 185 เซนติเมตร ขยับตัวลุกขึ้นไหว้ผู้ใหญ่และเดินออกไปทันที

“มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ทิกเกอร์ไม่ยอม เขาหันมองหน้าพ่อแม่และผู้เป็นปู่ที่ยังคงยิ้มแป้นมองมาที่ตัวเอง ก่อนจะหันหลังและวิ่งตามแฝดพี่ออกไป

“ไอ้ไทเกอร์”

“...”

“อย่าเพิ่งไปดิ๊”

“มีอะไร?”

“อย่ามาโง่ตอนนี้ กูต่อยหน้าแม่งเลย” คนเป็นน้องหัวร้อนกับความมึนของแฝดพี่ รู้ทั้งรู้ว่าเขากำลังหัวเสียกับคำสั่งที่ไม่ยุติธรรมกับตัวเอง แทนที่ไทเกอร์จะอยู่ช่วยกันกลับชิ่งหนีเขาซะงั้น

“เอาดิ ผลัดกันคนละที”

“มึงไปแทนกู” ทิกเกอร์ไม่สนใจ แม้รู้ว่าตัวเองมีหนทางเอาชนะไทเกอร์อยู่บ้าง แม้จะน้อยนิดก็เถอะ

“เรื่องอะไร ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของกู”

“แต่เป็นธุระของปู่ ปู่สุดที่รักของมึงเลยนะ”

“มึงไม่รัก? กูจะได้กลับไปบอกท่าน”

“เห้ยๆๆ เดี๋ยวดิ๊!” มือใหญ่รีบคว้าท่อนแขนของคนพี่ทันที เพราะไม่เพียงแต่พูดไทเกอร์จะเดินกลับเข้าไปในบ้านจริงๆ “งั้นมาพนันกัน ถ้ามึงแพ้ มึงต้องไป”

“แล้วกูได้อะไรจากเรื่องนี้”

“ทุกอย่างที่มึงต้องการ”

“กูไม่เชื่อ”

“ปอดนี่หว่าาา~~”

“อยากปากแตก?”

“กูน้องมึงนะ!!!” ทิกเกอร์กระโดดหลบแทบไม่ทันเมื่อไทเกอร์เหวี่ยงหมัดหลุนๆ เข้ามาจริงๆ “กูไม่อยากหมั้น”

“กูช่วยมึงไม่ได้ ปู่เลือกมึงแล้ว”

“แล้วทำไมต้องเป็นกูล่ะ”

“เพราะเกิดหลังกูมั้ง”

“เวรกรรมของกูที่เกิดมาเป็นน้องมึง”

“น่าจะใช่”

“ศักราชไหนแล้วยังจับคู่ให้ลูกหลานอีก กูไม่ใช่คนอินเดียนะเว้ย!”

“ปู่บอกว่าเธอน่าสงสาร หากมึงไม่ยอมหมั้นด้วยคงลำบากน่าดู” ไทเกอร์พยายามบอกข้อมูลที่ได้รับมาจากผู้เป็นปู่ เดิมทีเขาก็เป็นผู้ถูกเลือก และเขาก็เห็นรูปถ่ายของผู้หญิงคนนั้นแล้วด้วย บอกเลยว่าเอาคนรู้จักมาสักร้อยคนแล้วให้ดูภาพผู้หญิงคนนั้น แล้วทุกคนจะต้องพูดพร้อมกันว่า ‘เธอเกิดมาเพื่อไอ้ทิกเกอร์’

“แต่ตอนนี้คนที่น่าสงสารคือกูนะ” ทิกเกอร์คอตก เขาไม่เคยถูกใครบังคับแบบนี้มาก่อน จะดื้อเพ่งไม่ยอมทำตามก็ได้แต่คงทำให้คนแก่ผิดหวัง ถึงตอนนั้นคนที่นึกเสียใจก็คงเป็นเขาอีก

‘เกิดมาขี้ใจอ่อนก็แบบนี้แหละนะ’

“ไปรับหน้าให้กูก่อน กูยังไม่พร้อมไปเจอใครตอนนี้”

“เอาชนะกูให้ได้สิ”

“หึๆ เจอกัน GZ”

@สนามแข่งรถ GZ

ร่างสูงที่มีขนาดตัวเท่ากัน ผมทรงเดียวกันแค่คนละสี ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ยืนมองหน้ากัน ขณะที่ช่างสนามกำลังตรวจเช็คความพร้อมของสปอร์ตคาร์สองคันที่จะใช้ลงแข่งกัน

“มึงแน่ใจนะ” ลูกแพรเพื่อนสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มยืนคั่นกลางระหว่างพวกเขาทั้งคู่ แต่เธอหันมองหน้าของทิกเกอร์ นั่นทำให้รู้ว่าคำถามนั้นเธอถามเขา

“อย่ามาดูถูกกู ไปไกลๆ ตีนเลยไป”

“เอ้า!! เพื่อนรึอุตส่าห์หวังดี”

“กูไม่ต้องการ มึงรอดูได้เลย” เพราะศึกครั้งนี้เขาต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น

“ไม่ต้องยุ่งกับมันหรอก” ฟ้าครามเพื่อนอีกคนในกลุ่มเข้ามาขัดพร้อมกับถุงขนมในมือที่ส่งให้กับคนตัวเล็ก ลูกแพรยักไหล่และรับขนมมากินก่อนจะเดินออกไปนั่งรอบชมการแข่งขันของเพื่อนทั้งสอง

“มึงว่าใครจะชนะ”

“ไม่น่าถาม”

“แต่ไอ้ทิกเกอร์มุ่งมั่นมากนะ”

“…” ฟ้าครามก็รับรู้ได้ถึงพลังงานนั้น วันนี้ทิกเกอร์ที่ติดเล่นดูจะจริงจังมากเป็นพิเศษ คงมีเรื่องอื่นเข้ามาพัวพันกับคู่แฝดคู่นี้อย่างแน่นอน

“แต่มันก็ไม่เคยเอาชนะไอ้ไทเกอร์ได้เลยอ่ะ ยังไงก็แพ้อีกเหมือนเคย เห้อออ~~ ทิกเกอร์เพื่อนรัก ชาตินี้มึงจะเอาชนะพี่มึงสักครั้งได้มั้ย” ลูกแพรส่ายหน้าน้อยๆ มือหยิบขนมขึ้นมากินอย่างสบายใจเฉิบ

การแข่งขันที่ดุเดือดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และฝีมือที่น่าทึ่งของพวกเขาทั้งคู่ก็กำลังประจักแก่คนทั้งสนาม วันนี้มันดุเดือดมากเป็นพิเศษเพราะทุกคนต่างรู้ว่ารถทั้งสองคือพี่น้องฝาแฝดกัน ทุกครั้งที่ลงแข่งมันไม่เคยเกิดปรากฏการณ์ที่เดือดพล่านเท่าครั้งนี้มาก่อน

“มันจะฆ่ากันหรือไงเนี่ย!!” ลูกแพรถึงขั้นนั่งไม่ติดเมื่อทิกเกอร์ขับกระแทกเข้าใส่ไทเกอร์อย่างหนักหน่วงหลายครั้งหลายครา

“…” ส่วนฟ้าครามยังคงนิ่งเฉย เพราะเขามองออกว่าถึงแม้รถสองคนจะปะทะกันด้วยความรุนแรง แต่มันก็ยังคงอยู่ในการควบคุมของพวกเขาทั้งคู่

“เดี๋ยวก็เจ็บกันจริงๆ หรอก”

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น รถสองคันพุ่งเข้าเส้นชัยในเวลาไล่เลี่ยกันมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมองออกว่าชัยชนะครั้งนี้ใครเป็นผู้คว้าไป

“กูล่ะเหลือจะเชื่อ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป