บทที่ 8 Chapter 6 อาอิง | สร้างพรหมลิขิต
“ห๊าาา!!!” เพื่อนสองคนอุทานขึ้นมาพร้อมกัน เมื่อฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ตอนนี้พวกเราเลิกเรียนแล้วล่ะ ไม่มีคาบต่อเพราะอาจารย์ยกคลาสช่วงบ่าย ฉันคันปากอยากเล่ามาตั้งแต่เช้า เพิ่งจะมีโอกาสเอาตอนนี้
“กะ…แกจะมีคู่หมั้นแล้วเหรอ?” มะนาวยกมือขึ้นทาบอก ท่าทางที่ดูโอเว่อร์ทำฉันหลุดขำพรืดออกมา
โชคดีที่ร้านน้ำแข็งใสที่เรานั่งอยู่คนไม่เยอะ ไม่งั้นคงเรียกความสนใจได้ไม่น้อยกับเสียงเพื่อนทั้งสอง -_-
“แกไม่ปฏิเสธเหรออาอิง” ส่วนเพลงขวัญหน้าตาดูจะซีเรียสมาก ฉันรู้เพราะเพื่อนคนนี้หวงเหมือนฉันเป็นลูกที่มันคลอดออกมา
“ตอนแรกตั้งใจจะปฏิเสธนั่นแหละ”
“แต่เพราะเป็นหมอนั่นแกเลยยอมรับ ง่ายไปมั้ย?” ฉันมีเพื่อนสนิทแค่สองคน ไม่แปลกที่เรื่องของคนที่ฉันชอบมะนาวกับเพลงขวัญจะรู้ นึกถึงตอนนั้นมะนาวยังแอบเอาของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ไปใส่ในล็อกเกอร์ของพี่ทิกเกอร์อยู่เลย แค่คิดฉันก็เขินแล้ว -///-
“งื้อออ~~ อย่าด่ากันสิ”
“ฉันหมายถึงแกยอมรับง่ายไปมั้ย” มะนาวกรอกตามองบนใส่ฉันทันที นึกว่าเพื่อนจะด่าว่าฉันใจง่ายซะแล้ว ถึงมันจะจริงก็เถอะนะ ^^
“ลองดูก็ไม่เสียหาย ฉันคุยกับคุณปู่กับป่ะป๊าแล้วด้วย ว่าถ้าเราสองคนเข้ากันไม่ได้พวกท่านต้องยินยอมให้ฉันถอนหมั้น” ถึงแม้ว่าฉันจะชอบพี่เขามากก็เถอะ ฉันก็ต้องรักตัวเองให้มากๆ ด้วย คุณแม่สอนฉันบ่อยมากเรื่องนี้ เพราะฉันเป็นคนขี้สงสารและชอบใจอ่อน บางทีมันก็ทำให้ตัวเองลำบากได้เหมือนกัน
“ดีมาก รอบคอบไว้ก่อน” เพลงขวัญยิ้มอ่อนๆ และลูบหัวฉันเบาๆ
“มีอีกเรื่องที่จะบอก” ฉันหลุดยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะบอกเพื่อนทั้งสอง รวมถึงเรื่องที่จะทำต่อจากนี้ด้วย
“ว่า?”
“ทำหน้าตาแปลกๆ แกมีอะไรปกปิดพวกฉันสารภาพมาเดี๋ยวนี้เลย อย่าบอกนะว่านัดเจอตัวจริงแล้ว?”
“ไม่ใช่สักหน่อย” ฉันโบกมือให้มะนาวเบาๆ กับความคิดมะโนสูงของเพื่อน
“แล้วมีอะไรล่ะ” เพลงขวัญจ้องเขม็งมาเลย มันไม่ใช่ความลับสักหน่อยทำไมเพื่อนจริงจังกันขนาดนี้นะ ^^
“คือว่าจริงๆ แล้ว…พี่เขาก็เรียนที่นี่นะ”
“ว่าไงนะ?!” มะนาวร้องขึ้นดังลั่น ก็เหมือนฉันตอนที่รู้เรื่องนั่นแหละเกือบกรี๊ดออกมาเลยล่ะ
คืนนั้นตอนที่ได้คุยกับเฮียไทเกอร์เขาเป็นคนบอกเองว่าเรียนอยู่ที่ SKP คณะวิศวกรรมศาสตร์ เชื่อมั้ยว่าฉันดีใจจนกระโดดไปมา ผู้ใหญ่ก็รีบเรียกกลับไปคุยเพราะคิดว่าฉันกับเฮียไทเกอร์ตกลงหมั้นกันเองแล้ว
‘ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้ฉันมาเจอพี่ทิกเกอร์จริงๆ แล้วล่ะ ^^’
“จริงๆ เฮียไทเกอร์เป็นคนบอกฉันเองกับปากของเขา”
“แล้วแกคิดจะทำอะไร?” เพลงขวัญขยับมานั่งกอดคอข้างๆ และเอ่ยถาม ตอนนี้ของหวานตรงหน้าคงไม่น่าสนใจเท่าเรื่องของฉันแล้วล่ะ
“สร้างพรหมลิขิตให้ตัวเอง” ฉันตอบยิ้มๆ ไม่รู้หรอกว่าจะสำเร็จมั้ย แต่เฮียไทเกอร์รับปากแล้วว่าจะช่วยฉัน ฉันจะเชื่อใจเขา
ทำไมฉันถึงเชื่อว่าเขาจะช่วยน่ะเหรอ เพราะถ้าหากเขาไม่ช่วยฉันและฉันทำให้พี่ทิกเกอร์ชอบฉันไม่ได้ บางทีคนที่ต้องหมั้นอาจจะเป็นเขาน่ะสิ อิอิ~~
“แกจะรอดเงื้อมมือหมอนั่นมั้ยอ่ะ” มะนาวมองมาตาปริบๆ แต่ฉันไม่หวั่นหรอก จะต้องลองดูสักตั้ง
“สมัยอยู่โรงเรียนเก่าก็แสบใช่ย่อยนะ แกจะไหวใช่มั้ย?” เพลงขวัญหันมาถาม จริงๆ คนที่รู้จักพี่ทิกเกอร์คนแรกคือเพลงขวัญนะ แต่เพื่อนคนนี้ของฉันไม่สนใจผู้ชายน่ะสิ เธอบอกแค่รู้ว่าชื่ออะไรไม่ได้สนใจและไม่คิดจะสนใจเลยไม่ได้เล่าให้ฉันฟัง
“ขอลองดูก่อนนะ”
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ถ้าหมอนั่นไว้ใจไม่ได้แกต้องรีบถอยนะรู้มั้ย?” เพลงขวัญกระชับท่อนแขนรัดคอฉันแน่นขึ้น ฉันรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วง เพราะฉะนั้นฉันต้องทำให้ดี
•••••
@คณะวิศวกรรมศาสตร์
เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่แยกย้ายกับเพื่อนๆ ฉันมาด้อมๆ มองๆ ที่หน้าคณะของพี่ทิกเกอร์อยู่เป็นชั่วโมงแล้ว สายของฉันบอกมาว่าจะช่วยให้ฉันเจอพี่เขาตอนที่เขาอยู่คนเดียว สายลับของฉันแสนดีมาก สัญญาเลยถ้าเขาชอบใครฉันจะสนับสนุนเต็มที่
“โอ๊ะ?! พี่ทิกเกอร์”
ฉันเบิกตากว้างและรีบยกมือขึ้นปิดปากแน่น เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่กำลังเดินออกมาจากลิฟต์ และใช่เขาอยู่คนเดียวไม่มีเฮียไทเกอร์และเพื่อนอีกสองคนนั่นก็คือพี่ลูกแพรและพี่ฟ้าคราม สายลับบอกรายละเอียดให้ฉันรู้ทุกอย่าง ตอนนี้ฉันรู้จักเพื่อนๆ ของเขาทุกคนแล้วล่ะ รอแค่เจอหน้ากันเท่านั้น
‘พี่ทิกเกอร์อยู่คนเดียวนั่นคือโอกาสดีที่ฉันจะเข้าหาเขา ^^’
ตึก ตึก ตึก
ไม่รู้ว่าเสียงของรองเท้าหรือเสียงของหัวใจฉันที่มันเต้นดังกว่ากัน ความกล้าที่มีอยู่เพียงน้อยนิดแทบมะลายหายไปเพราะยิ่งเข้าใกล้มันก็ยิ่งเห็นได้ชัด ว่าเขานี่แหละคือ ‘พี่่ลักยิ้มคนนั้น’
กึก!
ฉันทำใจดีสู้เสือเดินไปขวางทางทันทีเมื่อพี่ทิกเกอร์เดินเลยออกมาบริเวณข้างๆ ตึกที่ฉันแอบอยู่ ซึ่งบริเวณตรงนี้ไม่ค่อยมีคน ทำให้เราคนสองไม่ตกเป็นเป้าสายตาใคร
ตุบ ตุบ ตุบ
คราวนี้มันชัดเจนว่าเสียงที่ดังก้องอยู่ในหูคือเสียงหัวใจของฉัน ที่มันกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง แต่ฉันต้องพยายามเก็บอาการและความรู้สึกไว้ให้ลึกที่สุด เพราะมันไม่ใช่เวลาที่ฉันจะแสดงให้พี่ทิกเกอร์รับรู้
“สะ…สวัสดีค่ะ” แค่ทักทายสั้นๆ เสียงฉันยังสั่นเลย ตาเขาสวยมากจนฉันเผลอมองด้วยความหลงไหล พี่ทิกเกอร์มีผมสีน้ำตาลเข้มซึ่งคงเป็นจุดเดียวที่แตกต่างจากพี่ชายของเขา
‘เอ๊ะ!? ไม่ใช่สิ พี่ทิกเกอร์มีไฝเล็กๆ บริเวณหางตาข้างซ้ายด้วย’
‘แต่ถึงเขาไม่มีฉันก็แยกพวกเขาออก ^^’
“ใครวะ?” เสียงทุ้มเหมือนแค่หลุดปากออกมา นี่ล่ะชัดเลยเขาปากไม่ค่อยดี
แต่เขาจ้องหน้าฉันตาไม่กระพริบเลยนี่สิ ฉันจะเสียสติไปก่อนจะทำภารกิจสำเร็จหรือเปล่านะ ตาก็ยิ่งสวยๆ อยู่ด้วย
“หนูชื่ออาอิงนะคะ”
“…?” พี่ทิกเกอร์เอียงคอเล็กน้อยเหมือนจะงงกับคำพูดฉัน ประมาณว่าแล้วจะมาบอกเขาทำไม แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เดินหนีฉันละกัน เพราะฉะนั้นภารกิจของฉันสามารถดำเนินต่อได้
“…”
เอ่อ…คือเขาจะจ้องฉันนานเกินไปแล้วนะ ไม่พูดไม่จาแต่มองหน้าฉันไม่ละสายตาเลย -///- คนยิ่งประหม่าอยู่ เกิดฉันเป็นลมล้มพับขึ้นมาเขาจะทำยังไง
“หนู…คือคนที่ไปดูตัวกับบ้านพี่วันนั้นค่ะ” ฉันแทบจะหลับหูหลับตารัวคำพูดออกไป และเมื่อช้อนสายตาขึ้นไปสบอีกครั้งก็ได้เห็นปฏิกิริยาของเขาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
พี่ทิกเกอร์เม้มปากและค่อยๆ ปล่อยออกจนริมฝีปากหนาเผยขึ้นเล็กน้อย แต่เขายังคงจ้องฉันตาเขม็ง ไม่เพียงแค่มองอย่างเดียวเพราะเหมือนว่าเขากำลังกวาดสายตามองสำรวจฉันอยู่เลย
“คู่หมั้น…” เสียงทุ้มพูดขึ้นช้าๆ ก่อนจะหยุดชะงักไป ฉันขมวดคิ้วและเอียงคอมองหน้าเขาด้วยความสงสัย อยากจะรู้ว่าเขาต้องการพูดอะไร และอยากได้ยินเสียงเขาให้ชัดกว่านี้ “เธอต้องหมั้นกับ…”
“หนูชอบเฮียไทเกอร์ค่ะ”
“ว่าไงนะ?!”
O.O??
ฉันชะงักแถมสะดุ้งเล็กน้อย เพราะจู่ๆ พี่ทิกเกอร์ก็พูดเสียงดังขึ้นมา เรียวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง หรือเขาไม่พอใจที่ฉันไปชอบพี่ชายของเขา -_-!
“…ขอโทษ”
“มะ…ไม่เป็นไรค่ะ” ไม่คิดว่าความหงอของฉันจะทำให้พี่ทิกเกอร์เอ่ยคำขอโทษออกมาได้ คิดไม่ถึงจริงๆ “พี่ทิกเกอร์ช่วยหนูได้มั้ยคะ?”
“…” เขาเม้มปากแน่นและจ้องหน้าฉันต่อ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอึดอัดอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ยอมปริปากออกมา
“ช่วยทำให้เฮียไทเกอร์ชอบหนูได้มั้ยคะ?”
“…วันนั้นมันไม่ได้บอกอะไรเธอเหรอ?”
“…” ฉันส่ายหน้าทันที ก่อนจะสบตาเขานิ่งๆ และพูดต่อ “บอกแค่ว่าไม่อยากหมั้น”































