บทที่ 10 โลกมันกลม...จริงๆ

วีรตาเดินมายืนตรงหน้าประตูร้านกับวิมลเพื่อเตรียมต้อนรับแขกวีไอพีดังกล่าว รถเก๋งหรูสีดำคันยาวติดฟิล์มมืดทั้งคันเคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้าร้าน ชายร่างสูงเปิดประตูด้านหน้าวิ่งมาเปิดประตูด้านหลังให้คนเป็นเจ้านาย ซึ่งเป็นภาพที่หล่อนเห็นจนชินตา ในเมืองที่เต็มไปด้วยเจ้าพ่อและผู้มีอิทธิพลแห่งนี้ ขบวนมาเฟียไปไหนแต่ละทีเอิกเกริกกันเช่นนี้แหละ

ร่างสูงสมาร์ตสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์สีซีดท่าทางผ่อนคลายก้าวลงมา ใบหน้าหล่อร้ายกาจนั้นทำให้วีรตาต้องสะดุ้งเบิกตากว้างรีบหลบไปอยู่หลังวิมลทันที ไอ้...ไอ้มาเฟียบ้ากามคนนั้น! คนที่บังอาจจูบหล่อนและเสนอให้หล่อนขึ้นเตียงด้วย วีรตาก้มหน้างุด สมองพยายามคิดหาทางหนีทีไล่ทันที

เขายืนรอร่างอวบอั๋นหุ่นเอ็กซ์อึ๋มของหญิงสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่ก้าวลงจากรถตามมา ผู้หญิงคนนั้นสอดแขนคล้องกับแขนล่ำสันของเขา สเตฟานพยักหน้าให้เบนขับรถไปหาที่จอดในขณะที่เจมส์เดินตามอยู่ข้างหลัง ชายหนุ่มหันมายังร้าน เห็นพนักงานหญิงสองคนยืนรอต้อนรับอยู่

คนที่ยืนอยู่ด้านหน้ารีบยกมือไหว้แล้วผายมือเชิญไปภายใน ส่วนอีกคนดูเหมือนจะก้มหน้าหลบๆ ชอบกล เจ้าหล่อนสูงกว่าพนักงานอีกคนทำให้สเตฟานเห็นหน้าเรียวรูปไข่ที่ก้มหลบต่ำหากก็ไม่ได้สะกิดใจอะไรเพียงนึกขำว่าหล่อนคงจะเป็นพนักงานใหม่แล้วเกิดรู้สึกประหม่ากับหน้าที่เอาแต่ก้มหน้างุดอยู่ได้

วิมลเดินนำแขกไปยังห้องวีไอพี วีรตาถือโอกาสยืนก้มหน้านิ่งรอให้พวกเขาเดินเข้าไปก่อน จากนั้นก็รีบเดินดุ่มหลบไปยังหลังร้านทันที

“พี่นกไปรับแขกที่ห้องวีไอพีแทนไวน์หน่อยนะคะ ไวน์รู้สึกไม่ค่อยสบาย ไวน์จะล้างจานแทนเอง พี่วิมลอยู่ตรงนั้นแล้วพี่นกรีบไปเถอะค่ะ” วีรตาขอร้องให้รุ่นพี่อีกคนไปทำหน้าที่แทน หล่อนรีบเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์แล้วสวมผ้ากันเปื้อนสำหรับล้างจาน ทำไมอีตาบ้ากามถึงมาอยู่ที่นี่ได้ วีรตาแทบไม่อยากเชื่อว่าโลกมันจะกลมถึงเพียงนี้ เพิ่งทิ้งพิชนีได้สองอาทิตย์มีสาวคนใหม่ควงรวดเร็วดีเหลือเกิน ผู้ชายแบบนี้วีรตาเกลียดที่สุด

หญิงสาวโหลดจานใส่เครื่องล้างจาน บางชิ้นก็ล้างด้วยมือ เมื่อล้างจานเสร็จเป็นเวลาสี่ทุ่มพอดี คิดว่าแขกวีไอพีคงจะกลับเรียบร้อยแล้ว ปกติสองชั่วโมงก็ถือว่านั่งนานแล้วสำหรับหนุ่มสาวส่วนใหญ่ทานเสร็จก็จะรีบลุกไปจู๋จี๋กันต่อที่อื่น

“แม่คะไวน์กลับแท็กซี่ก่อนนะคะ รู้สึกปวดหัวนิดหนึ่ง”

“อ้าว ปวดมากมั้ยลูก กลับไปอย่าลืมกินยาล่ะ” มารดายื่นมือมาแตะหน้าผากก่อนจะหอมแก้ม วีรตาหอมแก้มตอบแล้วคว้าเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลมาสวม กระเป๋าหนังใบใหญ่สะพายบนไหล่พร้อมกับหมวกแก๊ป ร่างเพรียวระหงก้าวฉับออกจากร้าน มัวแต่รีบวิ่งข้ามถนนจึงไม่ทันเห็นรถคันหรูที่วิ่งตรงมาหา ไฟหน้ารถสาดใส่ร่างสว่างจ้าในระยะกระชั้นชิดพร้อมกับเสียงเบรกดังสนั่น

เอี๊ยด! คนขับรีบหักพวงมาลัยหลบในขณะที่วีรตายังคงยืนนิ่งอยู่ด้วยความช็อก ใบหน้าเรียวเล็กซีดขาวราวกระดาษ เสียงเปิดประตูรถพร้อมกับเจมส์ก้าวเข้ามาหา

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณ” เจมส์มองดูหญิงสาวชาวไทย ใบหน้าหวานดวงตากลมโตดำขลับของหล่อนเบิกกว้างด้วยอาการช็อก

“เอ่อ...ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ” วีรตากะพริบตาเพื่อเรียกสติตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสั่นออกไปพร้อมกับขยับไปยืนริมทาง เบนขับรถเคลื่อนมาจอดตรงหน้า กระจกทางเบาะหลังถูกเลื่อนลงมา

“คราวหน้าคราวหลังเดินระวังหน่อย อยากตายก็กลั้นหายใจเอา คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน” เสียงห้าวราบเรียบเอ่ยขึ้นทำให้วีรตาต้องหันขวับไปมอง สบตากับดวงตาคมกริบ ต่างคนต่างไม่มีใครยอมหลบ

“ไปลงนรกซะ!” เสียงขุ่นเค้นลอดไรฟันเอ่ยสวนขึ้นทันควัน ทำเอาบอดีการ์ดทั้งสองอ้าปากค้าง หันไปมองคนเป็นนายที่ดวงตาคมของเขาลุกวาบวาววับ ร่างสูงเปิดประตูลงมาก้าวทีเดียวถึงร่างบาง

วีรตาตกใจจนผงะเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงกว่าในระยะกระชั้นชิด

สเตฟานจ้องใบหน้าเรียวเล็กที่ดวงตาของหล่อนเบิกกว้างริมฝีปากเผยอออกจากกันเล็กน้อยมองหน้าเขาด้วยความตกใจ ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกคุ้นกับท่าทางตกใจนั้นอย่างประหลาด แต่แน่ใจว่าไม่เคยเจอผู้หญิงหน้าหวานคมซึ้งคนนี้มาก่อนอย่างแน่นอน หน้าสวยหวานขนาดนี้ไม่มีทางที่เขาจะลืมได้แน่

“งั้นก็ไปด้วยกัน” กล่าวเสร็จมือหนาดึงร่างบางมาปะทะอกแล้วก้มหน้าลงมาหาทันที ปากได้รูปบดขยี้เรียวปากอิ่มอย่างไม่แคร์สื่อ สเตฟานได้กลิ่นหอมหวานที่ติดอยู่ในความรู้สึกเลือนลาง

เขารัดร่างหล่อนแน่นเข้ามาอีก ฉกลิ้นเข้าไปในปากเล็กของหล่อนหากก็ต้องร้องโอ๊ย เมื่อหล่อนยกเท้ากระทืบไปบนเท้าของเขา พร้อมกับส่งกำปั้นไม่มีรูเสยเข้าปลายคางบึกบึนอย่างแม่นยำ จากนั้นร่างบางก็สะบัดหลุดหันหลังวิ่งหายลับไปหลังตึกท่ามกลางแสงสลัว

เจมส์อ้าปากค้างกว่าเดิม เขาไม่ได้ระวังให้เจ้านายด้วยเห็นว่าหล่อนเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ และไม่คิดว่าเจ้านายจะดึงหล่อนมาจูบกลางถนนเช่นนั้น เพราะปกติสเตฟานมักนิ่งและคูลเสมอ ไม่เคยแสดงอารมณ์เดือดในที่สาธารณะเช่นนี้

“ยืนซื่อบื้ออยู่ทำไมไอ้เจมส์ ตามไปเร็ว!” เสียงเข้มตะคอกสั่งลูกน้อง เจมส์ได้สติรีบวิ่งตามไปในทิศทางที่ร่างเพรียววิ่งลับหายไป ครู่ใหญ่ต่อมาก็วิ่งหอบกลับมารายงาน

“ไม่เจอครับนาย” บอดีการ์ดกล่าวเสียงปนหอบ

“ฟัค!” สเตฟานสบถออกมาอย่างหัวเสีย...เขาจำกลิ่นหล่อนได้ จำรสหวานรสหวานของริมฝีปากอิ่มนั้นได้อีกต่างหาก เด็กนั่นแน่แล้ว!

“ไอ้เบนขับรถไปส่งผู้หญิง...ไอ้เจมส์เรียกรถอีกคันมารับกูแล้วเข้าไปถามในร้านว่าผู้หญิงชื่อไวโอเล็ตพักอยู่ที่ไหน!”

สั่งลูกน้องเสียงดังลั่นยกมือเสยผมอย่างหัวเสีย เขาปล่อยให้หล่อนหลุดมือไปเป็นครั้งที่สองแล้ว เด็กผู้หญิงที่บังอาจปฏิเสธเขา แช่งชักหักกระดูกเขา... และที่สำคัญบังอาจตะบันหน้าเขา อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้ามาก่อน! ต่อยหน้าสเตฟาน แม็คเคนซี่ กลางถนนในที่สาธารณะ!... เธอกล้ามากเกินไปแล้ว... ไวโอเล็ต!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป