บทที่ 6 บังเอิญจูบผิดคน...
“นี่ถ้าไม่รีบกลับแซมจะไปเป็นเพื่อน...จริงๆ นะ”
ชายหนุ่มยังคงไม่วายทำตาละห้อย โซเฟียได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอากับท่าทางเสแสร้งเกินจริงของเพื่อนหนุ่ม
วีรตาได้แต่ยิ้มยกมือโบกลาเพื่อนสนิท เห็นแซมแกล้งยกมือยีผมโซเฟียก่อนจะคว้าคอมากอดราวกับเป็นเพื่อนชาย หญิงสาวอดยิ้มขำพลางส่ายหน้าให้เพื่อนสองคนไม่ได้
วีรตาทราบมาบ้างว่าครอบครัวของแซมนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับเงินทุนหลักทรัพย์ร่ำรวยมหาศาล เห็นว่าพี่ชายคนโตดูแลสาขาอยู่ที่ลาสเวกัส วีรตาไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวของครอบครัวเขามากนักเพราะเห็นเป็นเรื่องไกลตัว ชาตินี้คงไม่ได้เกี่ยวข้องกันหรอก นอกเสียจากการเป็นเพื่อนกับแซมไปเช่นนี้เท่านั้นแหละที่วีรตาต้องการ
วีรตาใกล้จบคอร์สเทควันโดที่คุณแม่เคี่ยวเข็ญให้เรียนแล้ว ด้วยท่านเป็นคนรอบคอบเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวที่ยิ่งโตยิ่งสวย เกรงว่าจะถูกพวกผู้ชายลามกลวนลามเอา
วีรตาจึงเรียนเพื่อให้ท่านสบายใจและถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย ร่างเพรียวสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตรของหล่อนจึงแข็งแรงและได้สัดส่วนน่ามอง หากถูกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งอย่างมิดชิด
เมื่อวีรตาเปิดประตูเข้าไปในอพาร์ตเม้นต์เป็นเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง เจอโน้ตแผ่นเล็กติดบนตู้เย็นจากพิชนีบอกว่าหล่อนไปงานปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อนไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อ อาจจะกลับดึก
ซึ่งวีรตาก็ไม่แปลกใจอะไรเลยเพราะถือเป็นเรื่องปกติของเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ โดยเฉพาะช่วงหลังๆ มานี้วีรตาสังเกตว่าเจ้าพ่อมาเฟียอะไรนั่นไม่ค่อยได้มาหา พิชนีก็คบเพื่อนชายหลายคนลับหลัง บางครั้งยังพามาค้างที่ห้องเฉย แต่วีรตาก็ไม่ต้องการยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของใครอยู่แล้ว
หญิงสาวรู้สึกเพลียจากการฝึกเทควันโดจึงหาอะไรทานง่ายๆ แล้วอาบน้ำ แล้วคิดว่าจะนอนเลย หล่อนปิดไฟหมดเปิดผ้าม่านไว้ครึ่งหนึ่งให้แสงจากข้างนอกเข้ามาพอให้เห็นลางๆ
วีรตาเผลอหลับในเวลาต่อมาและต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูด้านนอก หญิงสาวงัวเงียลุกขึ้นนั่งเปิดปากหาวก่อนจะเดินสะโหลสะเหลออกจากห้อง ในใจคิดว่าคงเป็นพิชนี แต่ทำไมไม่รูด คีย์การ์ดเข้ามาเอง หรืออาจจะลืม เพราะมีบางครั้งเหมือนกันที่เพื่อนรุ่นพี่เจ้าของห้องลืมกุญแจเวลาออกไปข้างนอก
วีรตาดึงประตูเปิดออกก็ต้องผงะตกใจเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่สวมเสื้อหนังสีดำกับกางเกงยีนส์ยืนตาปิดปรือครึ่งหนึ่ง ขายาวก้าวเข้ามาในห้องที่มืดสลัวแล้วคว้าเอวของวีรตาเข้าไปปะทะอกก่อนจะฉกหน้าลงมาหา ปากหนาบดจูบไปบนเรียวปากอิ่มทันที กลิ่นวิสกี้คละคลุ้งผสมกับลมหายใจร้อน วีรตาช็อกกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หัวใจกระโดดเต้นอย่างรุนแรงแทบทะลุออกมาภายนอกร่างแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
สเตฟานเพิ่งกลับจากผับดื่มเหล้ากับเพื่อนฝูงหลังจากไปทานข้าวกับครอบครัวมาแล้ว พอดีอพาร์ตเม้นต์ของพิชนีเป็นทางผ่านเขาจึงตัดสินใจแวะมาหา หลังจากที่ไม่ได้มานานหลายเดือนแล้ว
กลิ่นหอมหวานอ่อนๆ จากร่างนุ่มอรชรในอ้อมแขนรู้สึกแปลกแตกต่าง อารมณ์ครึ้มอกครึ้มใจด้วยฤทธิ์วิสกี้ราคาแพงทำให้ยังไม่อยากปล่อย
ทำไมพิชนีถึงปิดไฟมืดไปทั้งห้องเช่นนี้ กลิ่นหอมกรุ่นไม่ใช่จากน้ำหอมราคาแพงที่เขาคุ้นเคย ชายหนุ่มดูดริมฝีปากนุ่มหวานอย่างติดใจดูเหมือนร่างในอ้อมแขนจะเกร็งแข็งทื่อ ก่อนที่สเตฟานจะสอดลิ้นเข้าไปชอนไชหารสหวานต่อก็ต้องผงะและตัวงอเมื่อเข่าแหลมของคนในอ้อมกอดกระแทกอย่างแรงเข้าให้ที่ขาอ่อนเสียงหนักแน่น ปั๊ก!
“โอ๊ย!”
ร่างเพรียวระหงรีบวิ่งเข้าไปในห้องเล็กแล้วล็อกประตูทันที วีรตายืนพิงประตูหัวใจเต้นสั่นรัวอย่างหาจังหวะไม่ได้ คุณพระ! ไอ้...ไอ้เจ้าพ่อมาเฟีย...มัน...มัน...ยี้...วีรตาขนลุกซู่ไปทั่วร่างรีบวิ่งเข้าห้องน้ำแล้วบ้วนปากแปรงฟันทันที รสวิสกี้ขมปร่ายังคงติดอยู่ในความรู้สึกจนต้องวิ่งกลับเข้าไปแปรงฟันใหม่อีกรอบหนึ่ง รู้สึกขยะแขยงเสียจนขนลุกขนชันไปหมด
ส่วนสเตฟานนั้นต้องสูดปากครางด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มเดินกะเผลกไปนั่งตรงโซฟา อาการเมาหายไปกว่าครึ่ง เขายกมือขึ้นเสยผมแล้วลูบหน้ายังคงรู้สึกมึนงงอยู่ หากก็มึนงงอยู่ได้ไม่นานเมื่อประตูอพาร์ตเม้นต์เปิดออกพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักที่เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของพิชนี...คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที พิชนีเพิ่งเข้ามา? แล้วเมื่อตะกี้ที่เขาจูบคือใครกัน?...สเตฟานหันไปมองยังห้องเล็กอีกครั้ง
Oh, Shit! คนที่เขาจูบไม่ใช่พิชนี!
“อืม...อย่าเพิ่งซิคะเดฟ...พีชขออาบน้ำก่อนคนดี”
“อาบด้วยกันดีกว่าที่รัก...ผมคิดถึงคุณใจจะขาด ไม่ได้นอนกับคุณตั้งหลายวัน” เสียงสองหนุ่มสาวนัวเนียปล้ำจูบคลุกวงในกันตรงประตู สเตฟานถอนหายใจก่อนจะเอื้อมไปกดสวิทช์ไฟจนเปิดสว่างจ้า เขาดีใจที่เขามาในคืนนี้
“ว้าย...ฟาน!” เสียงอุทานร้องด้วยความตกใจของพิชนีดังขึ้น ชายหนุ่มคู่ขาหน้าซีดเผือดเพราะรู้มาว่ามาเฟียร่างสูงตรงหน้าเป็นผู้มีเงินและอิทธิพลมากแค่ไหน และอพาร์ตเม้นต์นี้ก็เป็นเงินของผู้ชายคนนี้ที่เช่าให้พิชนีอยู่
“ฟานขา...เอ่อ...มัน...มันไม่ได้เป็นอย่างที่ฟานคิดนะคะ”
รีบพูดแก้ตัวจนลิ้นพันกัน สเตฟานจ้องมองหล่อนด้วยสายตาเย็นเยียบไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น พิชนีขนลุกตัวสั่นด้วยความกลัว เพราะเขาเคยพูดไว้แล้วว่าเขาเกลียดพวกร่านและสำส่อนแค่ไหน
“พรุ่งนี้เธอเก็บของออกจากอพาร์ตเม้นต์นี้ทันทีที่ฟ้าสว่าง ฉันจะให้คนของฉันมาดู ถ้าหากเธอไม่ออกไปหลังเก้าโมง ฉันจะส่งคนมาจัดการลากเธอโยนออกไปเอง ได้ยินไหม” พิชนีร้องไห้โฮทันที โผทรุดลงไปนั่งกอดขาแข็งแรงของสเตฟานไว้แน่น
“อย่าทำอย่างนี้กับพีช ฟานขา ได้โปรด พีชผิดไปแล้ว...ยกโทษให้พีชสักครั้งเถอะนะคะ...พลีส”
“ถ้าไม่ปล่อยขาฉันก็ไสหัวออกไปคืนนี้เลย...เฮ้ยแกอย่าเพิ่งไป” เสียงห้าวของสเตฟานเรียกเจ้าหนุ่มนามเดฟที่กำลังจะเผ่นแน่บออกประตูเอาไว้ทัน
“รอแฟนแกก่อน...ฉันเปลี่ยนใจแล้ว... เธอไปเก็บของเดี๋ยวนี้เลย ฉันจะให้คนของฉันช่วย”
สเตฟานยกโทรศัพท์ถึงคนติดตามสองคนที่รออยู่ที่รถให้ขึ้นมา จากนั้นสมบัติของพิชนีก็ถูกโยนออกมาไว้ตรงหน้าห้อง เสียงร้องไห้โวยวายของหล่อนดังลั่นอย่างน่าอาย สเตฟานส่ายหน้าก่อนจะหันไปมองประตูห้องเล็กที่ยังคงปิดสนิทเงียบอยู่...
