บทที่ 3 .

“กูจะเอามากวาดเศษหน้าของไอ้สิงห์” โดมพูดตอบ เสียงหัวเราะจึงดังลั่นขึ้นอีกครั้ง แต่คนที่ถูกกล่าวถึงกลับมองไปที่เพื่อนทั้งสองด้วยแววตานิ่งๆ

“สนุกกันจังเลยนะพวกมึง รอถึงตาพวกมึงบ้างเถอะแล้วจะรู้สึก” สิงห์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่เขาโดนผู้หญิงตอกกลับแบบนี้

“เจอแบบนี้ยังจะเอาอยู่ป่ะ” กานต์ถามออกมาขณะที่ปากก็กำลังยกยิ้ม

“ถ้าน้องมันเผลอเมื่อไหร่ กูจะแทงให้ยับเลย” สิงห์พูดออกมาอย่างมีเลศนัย ซึ่งเพื่อนของเขาก็ต่างรู้ความหมายกันดีอยู่แล้ว

“จะแทงน้องเค้า ก็ระวังโดนฟาดด้วยไม้หน้าสามล่ะ” โดมพูดบอกออกมา จากที่เขาสังเกตพระพายมันก็ทำให้เขารู้ว่า ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะดูแรง แต่เธอก็ไม่ง่าย

“กลัวเหี้ยอะไรกูมีปืน” คำพูดของสิงห์มันแฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง เขาก้มลงมองที่เป้ากางเกงของตัวเพื่อให้เพื่อนหายข้อข้องใจ

“มึงแม่งบ้ากามได้ทุกเวลา” โดมว่าออกมาอย่างไม่จริงจังหลังจากที่เข้าใจดีแล้ว ว่าปืนของเพื่อนมันคืออะไร

มันเป็นอาวุธที่ร้ายแรง ที่แทนที่จะทำให้คนตายแต่กลับทำให้ได้เพิ่มมาอีกคน

“แล้วพวกนั้นเมื่อไหร่มันจะมาวะ” สิงห์ถามถึงเพื่อนของเขาอีกสามคนที่เรียนอยู่ต่างคณะ

“เดี๋ยวก็มา” กานต์ตอบ ก่อนที่สายตาของเขาจะพลันเหลือบไปเห็นเพื่อนที่กำลังเดินตรงมาทางนี้

“นั่นไง...เฮ้ยนาวิน!” กานต์พูดกับสิงห์ ส่วนประโยคหลังเขาหันไปเรียกนาวินและกวักมือเรียก เมื่อนาวินและเพื่อนอีกสองคนเห็นเขาก็เดินตรงเข้ามาทันที

“กว่าจะออกมาได้แม่งโคตรน่าเบื่อ” นาวินพูดบ่นออกมา พลางขมวดคิ้วไปด้วย

“มึงจะไปเรียนทำไมวะคณะวิศวะ ก็รู้อยู่ว่าต้องใช้สมองเยอะ ซึ่งคนอย่างมึงมันไม่มีสมอง” สิงห์พูดว่าออกมาอย่างไม่จริงจัง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็โดนนาวินตบหัวไปหนึ่งที

“ก็เรียนตามพ่อกับแม่กูไง” นาวินตอบ พ่อของเขาชื่อเพลิง แม่ของเขาชื่อลาวา ทั้งสองต่างเรียนที่คณะวิศวะทั้งคู่ เขาก็เลยอยากจะเดินตามรอยของพ่อกับแม่บ้างเท่านั้น

พระพายเดินไปที่ตึกเรียนตามตารางเรียนของตน เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องก็พบกับเพื่อนสนิทของเธอที่นั่งกันอยู่ก่อนแล้ว

“ทำไมมาช้าจังพระพาย” เกล สาวประเภทสองที่แปลงเพศเรียบร้อย เอ่ยถามพระพายออกมาก่อนใคร

“พอดีมีของที่ฉันไม่เอาแล้วมันมาตามตื้อน่ะ” พระพายตอบเพื่อนสนิทของตัวเองกลับไป เธอเดินเข้าไปนั่งข้างๆ อาเซียเพื่อนสนิทของเธออีกคน ส่วนเกลก็นั่งกับหลินซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอเช่นกัน

“แล้วเป็นไง จัดการได้หรือเปล่า ถ้าอยากให้ฉันจัดการให้ก็บอกนะ” เกลเอี้ยวตัวหันหลังมาพูดกับพระพาย เวลาที่เพื่อนๆ ทีปัญหาหรือมีเรื่องอะไร เกลจะเป็นคนที่ช่วยจัดการให้ตลอดขอแค่พวกเธอต้องการ

“แกก็รู้ว่าฉันไม่ใช่พระพายคนเดิมแล้ว เรื่องแค่นี้ฉันจัดการได้สบาย และต่อให้เรื่องใหญ่แค่ไหนฉันก็จัดการเองได้ ไม่ต้องลำบากแกแล้วล่ะ” พระพายพูดออกมา ถ้าหากมีปัญหาอะไรเข้ามาอีก เธอก็จะวิ่งชนอย่างไม่ลังเล

“ถ้าไม่ใช่พระพายคนเดิมแล้ว งั้นคืนนี้แกไปปาร์ตี้กับพวกฉันหน่อยสิ” อาเซียที่นั่งอยู่ข้างๆ พระพายเอ่ยพูดออกมาหลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน พระพายหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกาย ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก

“ที่ไหนขอให้บอก เรื่องนี้ฉันไม่พลาด” พระพายพูดบอกออกไป ตอนนี้เธอพร้อมที่จะสังสรรค์เต็มที่ ซึ่งเมื่อก่อนเธอเอาแต่ปฏิเสธเพื่อนทุกครั้งยามที่เพื่อนชวน ถ้าต้องไปจริงๆ เธอก็ดื่มเพียงแค่น้ำอัดลมหรือน้ำเปล่าเท่านั้น แต่ครั้งนี้ต่อให้เหล้าดีกรีแรงแค่ไหนเธอก็พร้อมที่จะกระดกเข้าปากไม่ยั้ง

“ดีกรีความแซบและเผ็ดร้อนเพิ่มขึ้นนะ” เกลพูดแซวออกมา พระพายจึงยิ้มรับ

“แล้วแกจะไปด้วยหรือเปล่าหลิน” อาเซียถามหลินที่เอาแต่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่

“อ๋อ ไม่ล่ะฉันต้องไปสอนพิเศษ” หลินตอบออกมา ทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากหนังสือที่กำลังอ่านเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เธอทำงานรับจ้างเป็นครูสอนพิเศษให้กับลูกคนรวยที่วันๆ เอาแต่ใช้เงินไม่ใช้สมองจนสอบตกแล้วตกอีก และการเรียนก็ย่ำแย่ ที่หนักสุดก็คือคนที่เธอต้องไปสอนนั้นดันเป็นเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่มีนิสัยเกเรและก้าวร้าวเป็นอย่างมาก

“ทำไมแกไม่ไปหางานอื่นทำ แบบนี้มันยุ่งยากจะตายไป แถมลางานได้แค่นิดเดียวเองด้วย” เกลพูดแนะนำออกมา

“ก็งานนี้เงินมันดี” หลินเงยหน้าขึ้นตอบ ก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือตามเดิม เธอต้องเตรียมเนื้อหาล่วงหน้าเพื่อที่จะเอาไปสอนเด็กนักเรียนของเธอ

“เงินดี แต่ชีวิตแกจะรอดจนจบคอร์สหรือเปล่าเถอะ” พระพายพูดออกมาบ้าง เธอเองก็รู้ข้อมูลบางส่วนของนักเรียนที่หลินสอนพิเศษอยู่ เพราะหลินชอบมาบ่นให้เธอฟังบ่อยๆ ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นคนที่เอาแต่ใจและอารมณ์ร้อนสุดๆ

“หรือไม่ ก็อาจถูกผู้ชายคนนั้นจับทำเมียซะก่อน” อาเซียพูดออกมา ประโยคนั้นทำให้หลินหันพรึบกลับมามองทันที

“แกพูดอะไรของแก!” หลินโวยออกมาด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย

“ฉันก็แค่พูดแซวเล่นๆ ทำไมแกต้องหน้าแดงด้วยล่ะ หรือว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นแล้ว” อาเซียพูดบอกออกมา พร้อมกับทำหน้าตาล้อเลียน

“เพ้อเจ้อ!” หลินว่าออกมา ก่อนจะรีบหันกลับไปสนใจหนังสือของเธอตามเดิม พระพาย อาเซียและเกลได้แต่นั่งขำกับท่าทางของเพื่อนตัวเอง

เวลาผ่านไปสักพักอาจารย์ประจำวิชาก็เข้ามาสอน พวกเธอจึงหยุดพูดคุยกันและนั่งฟังอย่างตั้งใจ

ถึงแม้บุคลิกภายนอกจะดูแรง แต่มันก็ไม่สามารถเอามาตัดสินได้ว่าพวกเธอจะแย่ในทุกๆ เรื่อง มองคนก็อย่ามองที่ภายนอก เพราะบางคนภายนอกอาจจะดูดี แต่กลับดีแต่เปลือกข้างในเน่าเฟะ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป