บทที่ 8 หักหลัง
ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ผมก็ไม่มีความกล้าพอที่จะทำลายความสัมพันธ์เกือบ 10 ปีของเราลงได้หรอกครับ ไม่รู้ว่ามันจะคิดยังไง ถ้าเพื่อนสนิทที่มันมองเห็น ไม่ได้มองกลับไปหามันด้วยสายตาแบบเดียวกัน ผมไม่กล้าจะคิด ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป มันจะผลักไสไล่ส่งผมไหม หรือว่ามันอาจจะยอมรับความสัมพันธ์ แต่ก็คงได้เพียงแค่ทางกาย ที่มีเอาไว้เพื่อสนอง ไม่ใช่เพราะรักจริงๆ หรอก
หลังจากนั้นไอ้ซันก็ไม่ได้ออกมาจากห้อง คิดว่ามันคงจะนอนต่อเลยนั่นแหละ ผมเองก็กลับมาดูหนังต่อจนผล็อยหลับไปหน้าทีวี รู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่เหมือนตัวกำลังลอยขึ้น ทำให้ขยับตัวน้อยๆ ด้วยความไม่แน่ใจว่าความจริงหรือความฝัน ดวงตาเปิดปรือขึ้นนิดๆ
“ชู่ววววว นอนไปเถอะครับ ฝันดีนะ” เหมือนจะเป็นฝันแฮะ เพราะไอ้ซันมันคงไม่มีทางมาทำอะไรอย่างนี้แน่ และมันคงจะเป็นฝันดีที่สุดของผม เมื่อตอนนี้ผมอยู่ในอ้อมกอดของมัน และมันก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แถมยังมีการจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ เป็นการกล่อมอีกด้วย
ฝันดีฉิบหายเลยครับ.....
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลายามค่ำ ไม่เจอไอ้ซันแล้วครับ แถมตัวเองยังมานอนอยู่บนเตียงเสียอีก เดาว่าไอ้ซันมันคงจะพามาแหละ แต่ไม่รู้ว่ามันจะอุ้มผมมาเหมือนในฝันหรือจะลากหัวลากตีนอันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจ ผุดตัวขึ้นจากเตียง ลุกมาอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนเป็นชุดนอน ก่อนจะเดินออกไปที่ห้องครัว หิวน้ำหน่อยๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีโพสอิทแปะบนตู้เย็น
“กูทำข้าวไว้ให้ เช้ามาค่อยมาอุ่นแดกนะสัส”
ผมเลิกคิ้วขึ้นหน่อยๆ ก่อนจะเปิดตู้ออกดู ผัดพริกแกงหมูสามชั้น ถูกเก็บไว้ในกล่องถนอมอาหาร ปิดฝาเป็นอย่างดี ปกติผมเป็นคนกินง่ายนะครับ จะอร่อยไม่อร่อยก็กินหมดแหละ ถึงจะไม่อร่อยก็พอจะฝืนกินไปได้บ้าง แต่ไอ้ซันนี่ฝีมือมันก็ใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ได้อร่อยเลิศ แต่ก็ไม่ได้แย่ เพราะบางครั้งมันต้องทำอาหารไว้รอแม่มันบ้าง มันก็มาให้ผมช่วยสอนบ้างบางครั้ง ผมหยิบขวดน้ำออกมาจากตู้ ยกขึ้นจรดริมฝีปาก ก่อนจะเริ่มดื่มอย่างหิวกระหาย แล้วเก็บขวดเข้าตู้ตามเดิม เดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เปิดทีวีดูไปพลางๆ
น่าเบื่อ.....
ครับ น่าเบื่อจริงๆ ไม่มีอะไรทำเลย การบ้านไม่มี งานไม่มี เครื่องเล่นเกมก็ไม่มี ถอนหายใจ ก่อนจะพลิกตัวไปด้านข้าง เปิดรายการทีวีเอาไว้เป็นเพื่อน แต่ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่ หยิบเอาโทรศัพท์มากดเล่นไปพลาง ก่อนจะต้องหยุดชะงักมองภาพบนหน้าจอ
แมลงวันวางไข่...
[แนบรูปภาพ]
ผมกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นจนมันแทบจะหักคามือ
ไอ้ซัน!!! ไอ้เพื่อนเชี่ย!!!
มันเป็นรูปของผมเองนี่แหละครับ แต่กำลังนอนอ้าปากหวออยู่บนโซฟา ถึงจะนอนอ้าปาก ก็ยังคงหล่อดูดี หากแต่เพราะไอ้เพื่อนเวรคนนี้ มันถึงกลายเป็นรูปอุบาทว์ไปในบัดดล เพราะอะไรหรอครับ?? มันเอาเนื้อหมูต้มสุก เอาผักบุ้ง ผักคะน้ามาใส่ปากของผมไง!!! กดรีพอร์ทแม่ง!!!! คิดอย่างหงุดหงิดใจ มันแกล้งผม!!! ก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไป กดปิดทีวี แล้วจึงนอนหลับพักผ่อน
“อย่าให้กูมีโอกาสเอาคืนนะมึง” คิดพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนจะพยายามนอนหลับ แต่แม่ง ไม่หลับไง โมโหอยู่ ใครมันจะไปหลับลงว่ะ! ผุดตัวขึ้นนั่งอีกครั้ง หยิบเอากระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์ และกุญแจรถถือติดตัวลงไป แม้ว่าจะสวมใส่ชุดนอนก็ตาม เดินมุ่งตรงไปที่รถของตัวเอง ปอร์เช่พานาเมร่า สีน้ำเงินซึ่งกำลังจอดนิ่งเริ่มขยับออกจากช่องช้าๆ ผมขับรถออกจากคอนโด โดยที่เปิดหน้าต่างทั้ง 4 ด้าน ขับรถไปเรื่อยๆ ในยามค่ำคืน สายลมเย็นๆ ปะทะใบหน้า ช่วยให้ผ่อนคลายและลดทอนความกรุ่นโกรธลง จนกระทั่งขับรถมาจอดอยู่ที่แห่งหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว
ห้องไอ้ซัน.....
ผมกะพริบตาปริบๆ อะไรทำให้ผมขับรถมาที่นี่ว่ะ ผมเลื่อนกระจกขึ้น ปิดหมดทั้ง 4 ด้าน แล้วนั่งนิ่งๆ บนรถ ไม่ได้ลงไปแต่อย่างใด เงยหน้าขึ้นมองไปที่ห้อง คำนวณคร่าวๆ ว่าไอ้ซันมันจะอยู่ห้องไหน ชั้น 3 ตรงข้ามพรีเซนเตอร์ สายตามองตามไป พบว่าห้องของไอ้ซันปิดไฟสนิท แน่ละ ใครมันจะบ้าตื่นตอนตี 1 ว่ะ คิดพลางส่ายหัวกับการกระทำของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ ถอยรถกลับ ขับออกจากถนนด้านหน้า วนรถกลับคอนโดของตัวเอง เมื่อกลับมาถึงผมก็มุ่งตรงขึ้นเตียงทันที พยายามนอนหลับพักผ่อน แม้ว่าจะพึ่งตื่นขึ้นมาไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
ในเช้าวันใหม่มาผมก็ตื่นขึ้นในเวลาเดิม ตั้งหม้อหุงข้าวให้พอสำหรับหนึ่งคน แล้วจึงไปอาบน้ำแต่งตัว พอกลับออกมาข้าวก็สุกพอดี จึงหันไปหยิบเอาผัดพริกแกงของไอ้ซันออกจากตู้ เปิดฝากล่องเล็กน้อย แล้วอุ่นด้วยไมโครเวฟ 3 นาที หวังว่าคงจะไม่ไหม้นะ คิดพลางหันไปตักข้าวสวยใส่ถ้วย แล้วหยิบเอากล่องกับข้าวออกมา หอมเชียวละครับ ก่อนจะเริ่มต้นนั่งทานอาหารเพียงลำพัง ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่หรอก ชินซะแล้วละ....
พอทานเสร็จก็เอาถ้วยไปล้าง เก็บกับข้าวที่เหลือใส่ตู้เย็น เผื่อตอนเที่ยงไม่ก็ตอนเย็นอาจจะเอาออกมาอุ่นทานอีกรอบ วันนี้วันพุธ มีเรียนแค่ครึ่งวันและคิดว่าน่าจะเลิกเร็วด้วย เพราะมันก็เหมือนเดิม คิดพลางขยับตัวตั้งใจจะออกจากห้อง แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้หยุดชะงัก ก่อนจะหยิบขึ้นมาดู ทำหน้าเซ็งทันทีที่เห็นชื่อปรากฏอยู่
Rrrrrrr Rrrrrrr
ติ้ด!
“.....”
[ตอนบ่ายมีเรียนไหม] ผมกัดริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยออกไป
“มีครับ”
[อย่ามาโกหกฉัน]
“ถ้ารู้แล้วจะถามทำไม”
[รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่บ้าง จะให้คมไปรับ]
ติ้ด!
ผมเงยหน้าขึ้น ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกดต่อสายหาใครอีกคน
“มารับหน่อย”
ว่าจบก็ตัดสายทิ้ง ไม่สนใจว่าอีกคนจะทำอะไรอยู่ จะพึ่งตื่น กำลังอาบน้ำ กินข้าว หรือแม้แต่กระทั่งอาจจะไปถึงมหาลัยแล้วก็ตาม นั่งรออยู่สักพัก อีกฝ่ายก็โทรมาเรียก ผมจึงเดินลงที่หน้าคอนโด ทันทีที่เปิดประตูรถเข้าไป อีกคนก็เปิดปากบ่นทันที
“กูไม่ใช่คนรับใช้มึงนะครับ คุณหนูเบส มึงถึงได้โทรกริ้งเดียวแล้วกูต้องมาหาปั๊บน่ะ”
“กูไม่ได้มองมึงเป็นคนใช้หรอกน่า ถ้ากูใช้มึงจะยุ่งกว่านี้เยอะ” พูดพลางหันมองออกนอกรถ อีกฝ่ายก็ส่ายหัวไปมา บ่นไปตามเรื่อง แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ยกมือเท้าคางหันมองทิวทัศน์ที่ด้านนอกด้วยสายตาเหม่อลอย
“.....”
“บ....
“เบส”
“ไอ้เบส”
“ไอ้เบส!!!”
หมับ!
“ห๊ะ?” ผมหันไปตามแรงสัมผัสที่หัวไหล่ ขานรับอย่างงุนงง
“เป็นอะไร ถึงแล้วนะ” ไอ้ซันขมวดคิ้วมอง ทำให้ผมหันไปมองที่ด้านนอก ก่อนจะพบตึกคณะที่คุ้นเคยตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
“อ้อ ขอบใจ” ว่าพลางปลดสายเบลท์ออก ก้าวเท้าลงจากรถ ไอ้ซันก็ตามลงมาติดๆ ก่อนจะเดินตีคู่กันมา
“เป็นอะไร กูเรียกตั้งหลายรอบก็ไม่ได้ยิน”
“แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” พูดพลางยักไหล่ ให้เพื่อนรับรู้ว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ ก่อนจะเดินนำหน้าไปก่อน ทิ้งไอ้ซันไว้เบื้องหลัง มีทางไหนที่ผมจะหลีกหนีได้บ้าง เอ๊ะ! โธ่เว้ย!! ไม่น่าโง่เลย!! ถ้าหากวันนี้ผมเลิกเรียนก่อนเวลา ก็สามารถหนีไปไหนก็ได้ พี่คมไม่มีทางรู้อยู่แล้ว เพราะกว่าจะมารับก็ตอนที่เลิกเรียนนู้น รู้งี้ผมน่าจะเอารถมา หรือถ้าเลิกเรียนแล้วจะให้ไอ้ซันขับไปส่งดีว่ะ?? คิดพลางเดินสาวเท้าไปด้วย ก่อนจะเข้าห้องเรียนของตัวเอง ทิ้งตัวนั่งลง ไม่ได้สนใจเพื่อนสนิทของตัวเองแม้แต่น้อย ใบหน้าขมวดหมุน หาทางรอดให้ตัวเอง
ถามว่าทำไมถึงต้องหนี?? เพราะผมรู้ว่าป๊าเรียกผมไปทำไม ถ้าเป็นงานเลี้ยงทั่วไป ก็จะเป็นงานตอนเย็น ที่ได้ทำความรู้จักกันเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าหากนั่งทานอาหารเที่ยงด้วยกันละก็ สาบานได้เลยว่าไม่ป๊ากับม๊าผม ก็เป็นอีกฝ่ายที่หมายตาเอาไว้ รู้หรอกว่าถ้าไม่ไปมันเสียมารยาท แต่ทำไงได้ละ ผมไม่อยากจะทำความรู้จักกับใครทั้งนั้นแหละ มันน่าอึดอัดยิ่งกว่าการไปงานเลี้ยงเสียอีก เมื่อต้องมานั่งปั้นหน้ายิ้ม และอดทนต่อสายตาที่ทอดมองมาอยู่ตลอดเวลาจากอีกฝ่าย
ผมคิดออกแล้วล่ะครับ ขึ้นรถเมล์แม่ง นั่งไปไหนก็ได้ ไม่ใช่คอนโดแน่ๆ ล่ะ อาจจะไปเที่ยวสถานที่ใกล้ๆ แล้วค่อยกลับ บอกว่าเที่ยวเพลิน ลืมเวลาอะไรงี้ ก็มันผ่านไปแล้วไง กลับไปนั่งทานข้าวด้วยไม่ได้อยู่ดี แค่โดนสายตาของป๊าทิ่มแทงกลับมาแทน หรือจะไม่เสี่ยงดีว่ะ
ผมนั่งคิดเรื่องนี้ตลอดทั้งคาบ และก็เป็นไปตามที่บอกครับ เพียงหนึ่งชั่วโมงก็เลิกเรียน ผมเดินมากับพวกเพื่อนๆ ที่ต่างคนต่างแยกย้ายไปที่โรงจอดรถ แต่ไอ้ซันกลับเดินมากับผมแทน ผมเองก็ไม่ได้ถามอะไร มันคงจะมีธุระที่ไหนละมั้ง แต่แล้วจังหวะการก้าวเท้าของผมก็ชะงักค้าง กะพริบตาปริบๆ ต่างจากไอ้ซันที่ดันหลังผมให้ก้าวเดิน ไม่วายถามกลับมาด้วย
“เป็นห่าอะไร เดินไปสิ” ไอ้ซันเดินนำไปก่อน แต่พอเห็นผมไม่ยอมเดินตามมันก็หันหน้ากลับมาอย่างสงสัย
“พี่คมมาอยู่ที่นี่ได้ไง” เอ่ยถามเสียงเบาในลำคอ
“อ้อ เมื่อเช้าพี่คมทักมาหากู บอกว่าถ้าใกล้จะเลิกเรียนให้บอกเขาหน่อย เขาจะมารับ”
“มึง?? มึงบอกเขา??” ไอ้ซันทำหน้างง ก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ
“กูนึกว่า ที่มึงตามกูมาเพราะมึงจะไปทำธุระที่ไหน แต่มึงกลับตามมาคุมตัวกูนี่นะ??”
ป้าบ!
“กูจะไปนั่งคุมตัวมึงทำไม กูแค่แวะมาทักพี่คมเฉยๆ” ไอ้ซันตบหัวผมไปเสียหนึ่งที แต่เวลานี้ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นแหละ สายตาของผมมองเลยไปที่พี่คม เห็นอีกฝ่ายยกยิ้มให้น้อยๆ อย่างสุภาพ ยืนคอยอยู่ที่ประตูด้านหลัง รอเปิดให้ผมขึ้นไปนั่ง หากแต่ผมกลับก้าวถอยหลังช้าๆ ก่อนจะหันหลังออกตัววิ่ง
“เฮ้ย!! มึงจะไปไหน!!!” ไอ้ซันตะโกนถามผม แต่ผมไม่เวลามาสนใจตอบคำถามมันตอนนี้หรอก
“คุณซันครับ!!! จับคุณหนูเบสไว้!!!! ผมเพิ่มอาหารให้อีก 3 ปิ่นโต!!!” เพียงเท่านั้น ไอ้ซันก็ซอยเท้าตามหลังผมมาทันที ก่อนจะมาวิ่งตีคู่กัน ตะโกนถามผมไปพลาง
“มึงจะหนีทำไมว่ะไอ้เบส!!”
“มึงมันไอ้คนขายเพื่อน!!! มึงขายกูในราคา 3 ปิ่นโต!!!”
หมับ!
ผมกับไอ้ซันวิ่งจากหน้าตึก ไปทางหลังตึก และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้ซันมันก็จับกระชากแขนของผมและหยุดกะทันหัน ทำให้ผมแทบจะล้มหน้าคว่ำ แต่ดีว่ามันช่วยประคองเอาไว้อยู่
“ปล่อยกู!!” ผมดิ้นหนีออกจากฝ่ามือแกร่ง ไอ้ซันกดเสียงต่ำถามคำถาม ในขณะที่สายตาผมเห็นว่าพี่คมวิ่งตามหลังมา
“ทำไมมึงต้องหนี บอกกูสิ พี่คมจะพาไปไหน”
“ไปแดกข้าวกับใครไม่รู้ มึงก็รู้ความหมายแฝงของมันใช่ไหมล่ะ” ผมพูดพลางทุบลงที่แขนของไอ้ซันไปด้วย หวังให้มันยอมปล่อยมือ แต่มันก็ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด แม้ว่าผมจะทุบลงไปเต็มแรงก็ตาม ไอ้ซันทำสิ่งตรงข้ามกับที่ผมกลัว มันดึงลากแขนผมเร็วๆ ให้ไปที่ลานจอดรถ ปลดล็อกรถของตัวเอง จับยัดผมเข้าไปนั่งภายใน ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปประจำที่ แล้วออกตัวทันที ระหว่างขับรถก็กดข้อความไปด้วย
“กดอะไร คุยกับใคร พี่คมใช่ไหม!” ผมถามอย่างตื่นๆ ในขณะที่ไอ้ซันก็พยักหน้ารับ ทำให้ผมหายใจแรง
“บอกยกเลิกข้อตกลง” ไอ้ซันพูดแค่นั้น แล้วกดอะไรต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปที่เบาะหลัง ทำให้ผมหรือมันไม่สามารถเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดูได้ ไอ้ซันหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ขับรถก็เร็วขึ้นนิดหน่อย ขับรถแซงซ้าย ขวา ไปมา ชวนคุยไปพลาง
“ถ้ามึงคิดจะหนีทำไมไม่เอารถตัวเองมา คงจะหนีได้เร็วกว่ารถกระป๋องของกูนะ”
“รถกูมันมี GPS กูหนีไปเขาก็ตามเจออยู่ดี”
“ถ้ามึงไม่ได้คุยกับพี่คมก่อนว่าจะไปเจอ แล้วมึงจะเดินออกไปหน้าตึกทำไม?”
“ก็กูคิดจะนั่งรถเมล์นี่หว่า นั่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเลยเวลานัดนั่นแหละ”
“ปัญญาอ่อน” ไอ้ซันว่ากลับมา ทำให้ผมหันไปมองฮึดฮัดอย่างขัดใจ ก่อนจะนั่งกอดอก สายตามองตรงไปที่ด้านหน้า
ไอ้ซันขับรถราวๆ 1 ชั่วโมง ก็มาจอดอยู่ที่สถานที่หนึ่ง หน้าตึกสูงเสียดฟ้านั่น เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงอยู่เหมือนกัน ก่อนจะหันไปถามมันอย่างงงๆ
“มึงมาทำอะไรที่นี่ว่ะ”
“เดียวก็รู้”
แกร๊ก!
ประตูฝั่งผมถูกเปิดออก ทำให้ผมหันไปมองทันทีด้วยความตกใจ ต่างจากไอ้ซันที่นั่งนิ่ง มองตรงไปข้างหน้า ผมมองใบหน้าที่คุ้นเคยด้วยความไม่เชื่อสายตา พี่เลี้ยงที่คอยดูแลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เอี้ยวตัวเข้ามา ปลดเข็มขัดนิรภัยให้ผม แล้วถอยออกไปยืนค้ำประตู ก่อนจะหันไปพูดกับไอ้ซัน
“ตอนที่คุณซันพาคุณหนูเบสหนี ผมตกใจแทบแย่ ขอบคุณนะครับที่พามาส่ง ส่วนเรื่องที่ตกลงกันไว้ ผมจะจัดการให้นะครับ”
“ครับ” ไอ้ซันไม่แม้แต่หันมามอง สายตามมุ่งตรงไปที่ด้านหน้า ผมมองมันอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“นี่มึงหลอกกูมาหรอ มึงขายกูงั้นหรอ!?” ไอ้ซันหันหน้ามามองนิ่งๆ ในแววตานั้นปรากฏร่องรอยที่ผมอธิบายไม่ถูก บอกไม่ได้ว่ามีความรู้สึกอะไรอยู่ในนั้นบ้าง
“ใช่”
“ไอ้ซัน!!!!”
“ทานข้าวเสร็จแล้วตอนเย็นค่อยคุยกัน กูจะไปรอที่คอนโดมึง” พูดจบก็หันกลับไปมองตรงดังเดิม ในขณะที่พี่คมก็จับแขนผม ให้ก้าวลงจากรถกลายๆ ผมก็ก้าวลงมาอย่างไร้สติ ทันทีที่ประตูรถถูกปิดลง ไอ้ซันก็กระชากตัวออกในทันที จากไปด้วยความรวดเร็ว ผมมองตามหลังรถคันนั้นไปจนสุดสายตาด้วยความไม่เข้าใจและเจ็บปวด....
เหมือนหัวใจหลุดลอยตามหลังรถคันนั้นไปด้วย เกิดความรู้สึกอ่อนล้าขึ้นทั่วทั้งร่างกาย กระบอกตาเริ่มร้อนผ่าว แต่ก็พยายามกล้ำกลืน กดมันลงไปไม่ให้แสดงความเสียใจออกมา ขาก้าวเดินตามหลังพี่คมด้วยความหนักอึ้ง ไม่คาดคิดว่าไอ้ซันจะหักหลังกันแบบนี้ พี่คมพาผมเข้าไปที่ห้องๆ หนึ่ง บอกแค่เพียงให้อาบน้ำแต่งตัว ให้เวลา 30 นาที หลังจากนั้นจึงเดินออกจากห้องไปพร้อมปิดให้อย่างเรียบร้อย ผมเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง ยกมือขึ้นลูบใบหน้า ถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำและพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองให้พร้อมสู้ศึก
พอแต่งตัวเสร็จแล้วก็เปิดประตูห้องออกไป พบว่าพี่คมยืนรออยู่หน้าห้องนั่นแหละครับ ไม่ได้ไปไหน สงสัยว่ากลัวผมจะหนีอีก ผมสะบัดหน้าน้อยๆ งอนครับ บอกเลย ไม่ได้พูดคุยอะไรกับพี่คมอีก
“โธ่ คุณหนูเบสครับ อย่างอนผมเลยนะครับ ผมจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของนายท่านจริงๆ” ผมปรายตาน้อยๆ ก่อนจะมองเลยผ่านไป ปล่อยให้พี่คมเป็นคนกำหนดเส้นทางการก้าวเดิน จึงพบว่ามีนัดทานอาหารที่ภัตตาคารของโรงแรมนี่ละครับ ชั้นอะไรสักชั้น แต่ว่าก็ค่อนข้างสูงอยู่เหมือนกัน ทำให้เห็นวิวโดยรอบได้อย่างชัดเจน เพราะนั่งติดกระจก
“สวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดี ก่อนจะไล่สายตามองไปที่บุคคลที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีป๊า ม๊า และอีกฝั่งคือ......
