บทที่ 3 chapter 3
เป็นอะไรที่แปลกมากสำหรับคนตาแข็งค้างที่ต้องอ่านจบไปเป็นเรื่องๆ ถึงจะหลับได้ ทว่าเพียงแค่เปิดอ่านนิยายไปได้ไม่ทันถึงครึ่งเรื่อง ถึงฉากนางเอกกำลังถูกโยนไปบนแคร่ไม้ไผ่ กระชากดึงทึ้งเสื้อผ้าออกหรือเข้าพระเข้านางตอนใด เหมือนมีบางอย่างดึงหนังตาให้ปิดลง ความคิดเริ่มลอยไปในภวังค์กึ่งฝันกึ่งตื่น...
โอ๊ย! เป็นอะไรไปนี่ยายไผ่หลิว อยู่ๆ ถึงได้คิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ขึ้นมาได้
อ๋อ...หรือเป็นเพราะแสงสีชวนเวียนศีรษะและดนตรีที่ดังกระหึ่ม เมื่อฟังไปนานก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปโดยไม่ทันรู้ตัว
ชมบุหลันหยิกเนื้อตัวเองเบาๆ เรียกสติที่กำลังเพริดคืนกลับมา เริ่มต้นกวาดสายตาตามหา...บางคนที่จะให้คำตอบในสิ่งที่เธออยากรู้
“อยู่ตรงมุมไหน พี่รีก็ไม่บอกไว้ด้วยซิ” ชมบุหลันบ่นพึมพำหลังจากกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วนอกจากเหล่าสาวงามในเสื้อผ้าน้อยชิ้น โยกย้ายส่ายสะบัดกายอรชรยั่วยวนชายกลุ่มใหญ่ที่มีทั้งหนุ่มไปถึงวัยกลางคนยกนิ้วขึ้นกวักเรียก เท่าที่เห็นไม่มีใครตรงกับคำพูดของ...ปาวรินทร์สักคน
“เชื่อไหมไผ่หลิว เพียงแค่ได้เห็นแผ่นหลังกว้างอยู่ไกลๆ พี่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นใต้เท้าที่ยืนอยู่สั่นสะเทือน รอบข้างทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว หัวใจแทบหยุดเต้นเลยเชียวล่ะ” ปาวรินทร์เอ่ยเล่าด้วยน้ำเสียงหวานใส ไม่แพ้นัยน์ตากลมใสที่อยู่ในภวังค์เพ้อฝัน
คางมนวางบนสองมือยกขึ้นเท้าบนโต๊ะไม้หินอ่อน “คนอะไรก็ไม่รู้...ดูลึกลับแต่ชวนค้นหา อีกทั้งน่าปรารถนาอย่างร้ายเชียว” กลีบปากสีชมพูสดคลี่ยิ้มอย่างกับคนที่เอ่ยถึงมายืนส่งยิ้มอยู่เบื้องหน้า
ตอนที่ 3
ตอนแรกก็ไม่สนใจ แต่ได้ยินบ่อยครั้งเข้าบวกคำพูดแปลกๆ ก็ชวนให้อยากรู้ขึ้นมาตงิดๆ
ชมบุหลันวางหนังสือนิยายในมือลง มองพี่สาวใจดีที่ยอมให้เธออยู่ร่วมบ้านด้วยอย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์ ที่เปลี่ยนไปทุกวัน จากที่เคยสดใสร่าเริง ไม่ว่าใครอยู่ด้วยแล้วสบายใจและยิ้มได้เสมอ แต่คนที่เธอเห็นในตอนนี้ นัยน์ตาเพ้อฝันตกอยู่ในภวังค์รัก ที่เห็นแล้วหม่นหมองและอึดอัดชวนหายใจไม่ออก
“ใครกันนะ ทำให้พี่สาวคนสวยของไผ่หลิวเป็นแบบนี้ได้”
ไม่ให้เกิดความสงสัยได้อย่างไรกัน ในเมื่อปาวรินทร์เปรยอยู่บ่อยๆ จะมีคนรักทั้งที ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้เป็นป้า ทว่าหลังจากที่ไปงานวันเกิดเพื่อนกลับมา พี่สาวคนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยใช้ทุกวันอย่างมีความสุข กลับป้ำเป๋อเหลอเฝ้ารอให้ถึงวันศุกร์และเสาร์อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อไปเที่ยวคลับที่ตอนเธอได้ยินชื่อครั้งแรก ถึงกับยกมือลูบแขนไม่ทัน เพราะความหนาวในหัวใจ คลับบ้าอะไรก็ไม่รู้ ชื่อชวนสยิวกิ้ว พานทำให้ไหวหวั่นหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันควัน
“พี่รี...” ชมบุหลันร้องเรียก ยื่นมือไปจับแขนปาวรินทร์เขย่าเบาๆ เมื่อคำถามไม่ได้รับคำตอบ ด้วยคนถูกถามนั่งเหม่อลอย ยิ้มกับสายลมและแสงแดด ใจคอหรือก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวลอยละล่องไปหาใครก็ไม่รู้ เห็นแล้วชวนวิตกกังวลอย่างผู้เป็นป้าของอีกฝ่ายกำลังกลุ้มอกกลุ้มใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะกลัวหลานสาวแสนสวยอย่างนกน้อยไม่ทันคนจะถูกหลอกให้รัก เมื่อได้สมปรารถนาก็สลัดทิ้งอย่างไม่ไยดี
“หือ...มีอะไรไผ่หลิว”
“ไผ่หลิวควรถามพี่รีมากกว่า เป็นอะไรไปคะนี่ ใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย หัวใจนี่ลอยไปหาหนุ่มคนไหนแล้ว เขาคนนั้นชื่อเสียงเรียงนามอะไรกันน้า...หน้าตาหล่อเหลาแค่ไหนกัน ถึงได้ทำให้พี่สาวของไผ่หลิวใจลอยละล่องบินไปหาทุกเวลาทุกนาที เมื่อไหร่พี่รีจะพามาให้ป้ากับไผ่หลิวรู้จักล่ะค่ะ”
ท่าทางการพูดจาเหมือนกระเซ้าหยอก แต่ชมบุหลันกลับรอฟังอย่างหูผึ่ง ด้วยอยากรู้เต็มพิกัด ผู้ชายคนนั้นหน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรมาจุติหรือยังไงกัน ถึงได้ทำให้ปาวรินทร์หลงเพ้อพกได้ถึงเพียงนี้
ปาวรินทร์ยิ้มเอียงอาย เมินหน้าร้อนผ่าวหลบสายตารู้เท่าทันของยายตัวเล็ก ที่ยื่นหน้ากระจ่างตาแป๋วมาใกล้อย่างอยากรู้อยากเห็น
“บ้า! พูดอะไรก็ไม่รู้ไผ่หลิวนี่ เป็นผู้หญิงพูดอย่างนี้ได้ยังไงกัน” ตวัดค้อนใส่ พลางตีแขนชมบุหลันกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง ก่อนใบหน้าผุดผ่องจะหมองเศร้าลง เธอไปรอเจอเขามาเป็นเดือนๆ แล้ว แต่กลับไม่เคยได้เข้าใกล้สักครั้ง ไม่รู้เมื่อไหร่โอกาสดีๆ จะมาถึง
“อ้าว!” ชมบุหลันทำหน้าเหลอ “ไผ่หลิวพูดอะไรผิดไปหรือคะ”
“ไม่ผิดหรอก ถ้าพี่ได้...” ปาวรินทร์หยุดพูดไปเสียดื้อๆ ผ่อนลมหายใจออกจากปอดด้วยความหนักอก
“มีอะไรหรือคะพี่รี” คิ้วหนาเลิกขึ้นมองปาวรินทร์ด้วยสายตาเป็นคำถาม เมื่อเห็นปาวรินทร์ยิ้มใบหน้าเศร้าๆ เป็นไปได้หรือที่ผู้ชายสูงส่งอย่างเขาคนนั้นจะชายตามองก้อนกรวดไร้ค่าอย่างเธอ ในเมื่อรอบกายเขาล้วนแล้วแต่มีสาวงามสะคราญโฉมทั้งนั้น
ปาวรินทร์ยิ้มเศร้า สะบัดศีรษะทุยแรงๆ กับความคิดหลงละเมอเพ้อพกของตัวเอง ที่ควรรู้ตัวดี อย่างเธอคงเป็นได้เพียงแค่ลูกเป็ดขี้เหร่ ไม่ควรอาจหาญบินขึ้นไปปะปนกับฝูงผีเสื้อแสนสวย ที่ชาตินี้คงได้แต่แอบฝันเฟื่องเสียมากกว่า
“เอ...หรือว่าคนที่พี่รีชอบ หน้ามู่ทู่เหมือนหมาจู...หุ่นเตี้ยม่อต้ออย่างมะขามข้อเดียวเสีย ถึงไม่กล้าบอกให้น้องสาวคนนี้ได้รู้ ไม่กล้าพากลับมาเที่ยวบ้านด้วย”
“ใครว่าล่ะไผ่หลิว รูปร่างใหญ่ล่ำกำยำ...” ปาวรินทร์คิดไม่ออกจะอธิบายภาพมัวๆ ในความเป็นจริง แต่แจ่มชัดในความรู้สึกยามหลับฝัน เขาคนนั้นได้มาหาถึงห้องนอน สองกายไร้อาภรณ์ปกปิดแนบชิดด้วยสัมผัสอุ่นระอุที่โลมเล้าปลุกเร้าเพลิงสวาทในกายสาวให้ลุกโชติช่วง ถ้าไม่ถึงที่สุดแห่งความปรารถนาก็จะไม่สิ้นสุด
“นี่ละ...” เผอิญสายตาตวัดไปเห็นภาพบุรุษหนุ่มบนหน้าปกหนังสือของชมบุหลัน “อย่างนี้เลยไผ่หลิว” ชี้นิ้วไปที่ภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ไร้เสื้อปิดท่อนบนของร่างกายให้เห็นลอนกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ น่าลูบไล้ซบซุก
ชมบุหลันพยักหน้ารับ...หุ่นเหมือนพระเอกในนิยายที่เธออ่านน่ะหรือ ไม่จริงหรอกมั้ง เบะปากพร้อมส่ายศีรษะอย่างไม่ค่อยเชื่อ จะมีชายหนุ่มหุ่นดีอย่างนี้จริงๆ ถึงมีจริงก็คงไม่เหลือมาถึงมือคนแถวนี้หรอก โน่น...โดนพวกไม้ป่าเดียวกันเอาไปยำกินเสียหมดละไม่ว่า
