บทที่ 6 chapter 6
“ผมบอกไม่ได้หรอกนะ รู้แค่ว่าสาวๆ หลายคนเข้าด้านหน้าไม่ได้ ก็มาเข้าด้านหลังอย่างพี่นี่แหละ ทุกคนพูดกันเป็นเสียงเดียว เข้าไปได้...ยิ่งได้เป็นสาวถูกเลือกละก็...รวยโดยไม่รู้ตัวเชียวแหละพี่ มัวแต่ชวนคุยอยู่ได้ ตกลงจะเข้าไปข้างในหรือเปล่า ถ้าไม่ผมจะได้กลับเข้าไปทำงานต่อ”
ได้ยินน้ำเสียงออกรำคาญและเห็นท่าทางไม่ชอบใจของพ่อหนุ่มพนักงานห้องครัว อีกทั้งตอนนี้หนุ่มยักษ์ใหญ่ผู้เฝ้าประตูด้านหน้า ที่คงเป็นพวกหูผีจมูกมดเดินมาไวๆ จะหลบซ่อนตัวก็ทำไม่ได้ เมื่อรอบข้างนอกจากถังขยะแล้วก็มีกระถางต้นไม้พุ่มเตี้ยๆ ไม่ถึงสะเอวเธอด้วยซ้ำก็ให้รีบตัดสินใจเร็วไว
“คือพี่พกเงินมาไม่เยอะหรอก ที่น้องเรียกมันเยอะอยู่ เอาเป็นเราเจอกันครึ่งทางได้ไหม พี่มัดจำให้พันหนึ่งก่อน ถ้าพี่ได้เงินเยอะอย่างน้องว่า พี่จะกลับมาจ่ายให้หมื่นหนึ่งเลย” ทำเป็นใจป้ำ แต่ไม่เชื่อหรอก เธอจะหาเงินครึ่งแสนได้ในเวลารวดเร็วปานพายุขนาดนั้นได้ยังไงกันเล่า ไม่ใช่ค้าของผิดกฎหมายสักหน่อย
“ว่าไงละ พันหนึ่งก็ไม่ใช่น้อยนะ จะเอาหรือเปล่า” เร่งให้อีกฝ่ายรีบตัดสินใจ ด้วยการปรายสายตาไปมองร่างหนาใหญ่ที่เดินมาใกล้ถึงและดึงเอาเงินขึ้นมายื่นให้หนุ่มพ่อครัวอย่างเสียดายสุดๆ ตั้ง...พัน เธอซื้อหนังสืออ่านได้ตั้งหลายเล่มอยู่นะนี่
ชมบุหลันทุ่มความไม่พอใจและหันใบหน้าหงิกงอใส่ชายหนุ่มที่ทำให้เธอแปลกใจเป็นล้นพ้น ด้วยรอบกายเต็มไปด้วยแสงสีละลานตาชวนเวียนศีรษะ แต่เธอกลับมองเห็นเขาราวกับรอบกายสว่างไสวไปด้วยแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่อง ถึงได้เห็นอย่างชัดเจน เห็นแม้กระทั่งรอยยิ้มบนมุมปากหนาและ...
โอ๊ย! เป็นบ้าอะไรไปนี่ ทำไมหัวใจถึงได้เต้นอย่างกับมีคนมาตีกลองสะบัดชัยอยู่ภายในอย่างนี้ด้วย
“อยากทำอะไรก็ทำซิ ชีวิตของคุณนะ ให้ฉันไปตัดสินใจให้ได้ยังไงกันละ นึกว่าฉันมีสัมผัสที่หกหรือไง ถึงได้ตรัสรู้คุณคิดอะไรอยู่น่ะ ประสาท” กระแทกเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด เมื่อคิดว่าตัวเองมาเสียเที่ยวเสียเวลาและที่สำคัญคือ...เสียเงินเปล่า! เสียดายจริงโว้ย!
“นั่นสินะ” โต้กลับเปรยๆ มุมปากหนาหยักยกขึ้นเล็กน้อยใส่ตากลมโต “ฉันอยากทำอะไรก็ได้ใช่ไหม”
น้ำคำที่เอื้อนเอ่ยคล้ายซุกซ่อนความนัย กระแสเสียงทุ้มห้าวแล่นลิ่วไปกระทบหัวใจคนฟัง
นัยน์ตากลมใสเพ่งมองซ้ำ ด้วยรู้สึกแปลกๆ คล้ายปากหนาไม่ได้ขยับเคลื่อน แต่กลับดังสอดแทรกสรรพเสียงที่ดังกระหึ่มอยู่มาแตะโสตประสาทหู ให้เธอได้ยินราวกับเขาคนนั้นมายืนกระซิบพูดอยู่ข้างหู
“ว้าย!! ตายแล้ว...คุณคีธ ยายอ้วน!” พิมพ์มาดาหวีดร้องแหลมอย่างกับนกหวีด จนขี้ในหูคนได้ยินถึงกับเต้นเร่า
“เธอทำอะไรยะยายตุ้ยนุ้ย คิดยั่วคุณคีธแต่ทำไมถึงไม่ดูสารรูปตัวเองเลยยะนังบ้า ถอยออกมาเลยนะยายตัวดี”
ชมบุหลันเห็นชัดๆ ยายเสียงแปดหลอด เต้นงิ้วหลงโรงให้ดู กางนิ้วจิกปลายเล็บแหลมยาวถลาวิ่งมาที่เธอ แต่...ทำไมถึงได้เซถลากระเด็นกระดอนอย่างกับลูกบอลอย่างกับถูกใครจับเหวี่ยงเขวี้ยงไปอย่างนั้นแหละ หรือว่าเธอตาฝาดไป แต่ไม่นะ...เมื่อกี้เห็นอยู่ชัดๆ ทำไมถึง...ทว่าสิ่งที่เห็นคงไม่สู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ก้มมองร่างตุ้ยนุ้ยค่อนไปทางเจ้าเนื้อที่กลายเป็นขนนกเบาหวิวลอยละลิ่วนั่งบนตักกว้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวขัดขืน
ใบหน้านวลผ่องหันไปหาเจ้าของท่อนแขนกำยำที่โอบรัดรอบกายกลมกลึง แต่คงไม่ทันใจ เขาถึงได้ยื่นมือมาจับปลายคางมนให้หันไปหาและ...
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจเต้นระทึกราวแผ่นดินไหวกับสัมผัสร้อนผ่าวที่ลามเลียเผาไหม้ไปทั่ว จากหน้าผากไล่ไปถึงแก้มนุ่มหอม ไต่เรื่อยไปหยุดบนมุมปากนุ่ม
“เธออนุญาตแล้วนะ...ฉันอยากทำอะไรก็ทำได้” เอ่ยเสียงทุ้มห้าวก่อนแนบปากลงไป เริ่มต้นจากแผ่วเบาคล้ายผีเสื้อโบยบิน เน้นย้ำดูดซับความหวานของกลีบกุหลาบนุ่มละมุน
ชมบุหลันรู้สึกเหมือนรอบกายหยุดเคลื่อนไหว รอบกายคล้ายมีผีเสื้อหลากสีสันนับสิบกระพือปีกบิน พร้อมความหวานที่อบอวลแปรเปลี่ยนเป็นอุ่นระอุขึ้นมาทีละน้อย
คมเขี้ยวแหลมคมลากไล้ไปบนเปลือกปากบาง ก่อนกดลงไปเพื่อจะลิ้มชิมเลือดรสหวาน...กลิ่นคาวลอยคละคลุ้งในอุ้งปาก
เมื่อแรกลิ้นสัมผัสชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก เหมือนถูกลาวาเดือดระอุไหลไปตามกระแสเลือดที่หมุนเวียน ภายในกายร้อนราวถูกเผาจนไหม้เกรียม ก่อนความรู้สึกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนเกินต้านทานความปรารถนาอันแรงกล้าได้
มือใหญ่วาดไล้ไปทั่วกายกลมกลึง ขบเม้มจุมพิตอย่างหนักหน่วงเว้าวอนให้คนตัวเล็กสนองตอบ เรียวลิ้นอุ่นชื้นตวัดลากไล้ไปบนกลีบกุหลาบนุ่มนิ่มสลับขบกัดฟันและเขี้ยวแหลมคมกระเซ้าเย้าแหย่บางเบาสลับเน้นหนักหยอกล้อกับธารอารมณ์สาวไม่ประสา
ความเจ็บจี๊ดที่ริมฝีปากคล้ายถูกกัดจางหายไปจนไม่เห็นฝุ่น ทว่าชมบุหลันยังรับรู้ถึงรสเลือดปะแล่มๆ และกลิ่นคาวคละคลุ้งในอุ้งปาก ที่มาพร้อมลมอันรุนแรงหอบร่างอวบอ้วนลอยละลิ่วไปตกที่บางแห่ง...
ลึกไปในไพรกว้าง คฤหาสน์หลังงามกินเนื้อที่กว้างขวางฝังตัวซุกซ่อนอยู่ ตัวด้านหน้าปราสาทอันวิจิตรตระการละลานตาเต็มไปด้วยท้องทุ่งบุหงาหลากสีสัน ชูช่ออวดความงามของดอกตระการตา ส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนให้หลงใหลรีบยื่นมือไปไขว่คว้ามาดมดอม
ฟากฝั่งขวามือคือเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่เป็นสีเขียวชุ่มขจี ฟากซ้ายถัดมามองเห็นอยู่ไกลๆ คือภูผากว้างยื่นล้ำไปในทะเล ตรงปลายยอดแหลมดูน่ากลัวทว่ามั่นคง มีเตียงนอนใหญ่และกว้าง มุมแต่ละด้านมีม่านมุ้งสีขาวห้อยระย้าลงมารวบไว้ปลายโคนเสา กึ่งกลางผ้าปูเตียงสีพื้นปักรูปสัตว์ปีกในตำนานกำลังโผบินกึ่งกลาง ลายเส้นอ่อนช้อยงดงาม เหมือนไหมแต่ละเส้นโดดเด่นราวกับเคลื่อนไหวกวักมือเรียกเธอไปทรุดตัวลงนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา รอเจ้าชายผู้กล้าหาญขึ้นไปจุมพิตปลุกให้ตื่น
มันคือดินแดนที่เธอเคยฝันถึงบ่อยครั้งนับตั้งแต่เปิดอ่านนิยายเกี่ยวกับ...แวมไพร์!
ม่านภาพในตาชมบุหลันเริ่มเลือนรางไปอย่างเร็ว เมื่อแรงจุมพิตที่เว้าวอนอยู่เริ่มหนักหน่วงขึ้น จนเลือดในกายสูบฉีดอย่างแรง ลิ้นอุ่นชื้นเปิดแยกกลีบปากอิ่มสอดแทรกเข้าไปกระเซ้าหยอกทั่วโพรงปากอุ่น พานให้ท้องไส้ปั่นป่วน อยากขัดขืนแต่เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับอาการแปรปรวนในร่างกาย ที่เดี๋ยวก็หนาวราวกับยืนอยู่ปลายหน้าผาที่สายลมพัดโบกโบยอย่างรุนแรง เดี๋ยวก็ร้อนราวกับขึ้นไปยืนอยู่บนตะแลงแกงตามฝ่ามือหนาอุ่นที่เคลื่อนไหวไปทั่วร่าง
