บทที่ 1 สิงห์คำราม

‘อย่าไปไหนล่ะ มีอะไรรีบโทรหาเจ้ เจ้จะรีบมา’

คำสั่งเด็ดขาดของพี่สาวดังวนเวียนในหัว ขณะร่างของฉันยืนโงนเงนเพราะความมึนเมา แผ่นหลังบางพิงผนังเย็นเฉียบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปิดเสียง ปลายสายยังคงเป็นชื่อคนที่ฉันหนีหน้า

น่ารำคาญชะมัด…

สายตากวาดมองไปรอบตัวที่ค่อนข้างมืดสลัว บันไดหนีไฟคือจุดที่ฉันกำลังยืนอยู่

ย้อนกลับไปเมื่อห้านาทีก่อน เจ้ สายขิม บอกให้ฉันรออยู่ที่นี่เงียบ ๆ ส่วนตัวเจ้ออกไปจัดการกับ จีซัส แฟนจอมบงการของฉัน ถ้าจะให้พูดถึงจีซัสคงจะยาวหน่อย ตอนนี้ฉันเมา ขอไม่พูดถึงเขาละกัน เอาเป็นว่าเขาเป็นแฟนฉัน และเราจะเลิกกันเร็ว ๆ นี้แน่นอน

ปึง!

“โอ๊ะโอ… ใครกันเนี่ย” เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมร่างสูงของใครคนหนึ่ง ฉันปรือตามองเขา หน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก “อะไรกัน ทำหน้าแบบนั้น อย่าบอกนะว่าจำฉันไม่ได้?”

ใครวะ…

“…” ฉันขมวดคิ้วมองด้วยสีหน้ารำคาญ พยุงตัวเองขึ้นจากผนังให้ยืนตัวตรงเพื่อจะเดินออกจากที่นี่ ถึงเจ้จะสั่งไม่ให้ไปไหนก็เถอะ แต่ถ้าขืนอยู่ในนี้ต่อไปฉันอาจจะไม่ปลอดภัยก็ได้

หมับ

“จะรีบไปไหนล่ะ? อุตส่าห์ได้อยู่กับเธอสองต่อสองสักที คิดว่าฉันจะปล่อยไปง่าย ๆ เหรอสายซอ?”

สายซอ คือชื่อของฉัน ปกติฉันมีเพื่อนไม่เยอะ คนรู้จักก็ด้วย ถ้าหมอนี่รู้จักฉัน แสดงว่าเราอาจจะเคยเจอกันแต่ไม่สำคัญฉันเลยจำไม่ได้

เขาจับแขนฉันแล้วผลักใส่ผนังอีกรอบ แรงเหวี่ยงทำฉันมึนหัวไปหมด ร่างซวนเซเกือบจะล้มจนต้องคว้าแขนคนตรงหน้าไว้ทั้งที่ขยะแขยงจะแย่ เมื่อทรงตัวได้ก็รีบปล่อยทันที

“อย่ามายุ่งกับฉัน!”

“จุ๊ ๆ อย่าเล่นตัวนักเลยน่า ฉันจะทำให้เธอฟินจนร้องขอไม่หยุดเลย” จบคำพูดทุเรศ ๆ นั่น เอวของฉันถูกมือหนาคว้าจับ เขาขยับเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นเหล้ารุนแรง น่าขยะแขยงที่สุด!

“ปล่อย… บอกให้ปล่อยไง!” สองมือพยายามผลักดันร่างหนาออกจากตัว แต่แรงน้อยนิดอย่างฉันจะไปสู้อะไรกับแรงผู้ชายที่กำลังขาดสติได้ และในระหว่างที่กำลังผลักดันกันอยู่นั้น ปลายสายตาบังเอิญเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งกำลังเดินลงมาจากบันไดมาด้วยท่าทางนิ่งเฉย

ตึก… ตึก… ตึก…

เขาหยุดปลายเท้าที่บันไดขั้นสุดท้ายไม่ห่างจากที่ฉันยืนสักเท่าไหร่ แสงไฟสลัวสาดส่องใบหน้าเพียงครึ่งเสี้ยว ฉันไม่ทันสังเกตว่าเขาคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง ตอนนี้รู้แค่ว่าต้องขอความช่วยเหลือจากเขาเท่านั้น

“ชะ ช่วยด้วย!”

ฉันพยายามผลักผู้ชายสารเลวออกจากตัว ปากก็ร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุด ทว่าแทนที่เขาคนนั้นจะเข้ามาช่วย เขากลับยืนมองนิ่ง ๆ ก่อนก้าวเข้าหาบานประตูเพื่อจะจากไป นาทีนั้นหัวใจฉันหล่นวูบ ไม่คิดว่าเขาจะเมินเฉยต่อคำร้องขอความช่วยเหลือของฉัน นี่เขายังมีความเป็นคนอยู่บ้างไหม?!

“สารเลว… ไอ้เลวเอ๊ย! พวกแกมันเลวเหมือนกันหมด!” ฉันตะโกนด่ากราดอย่างคนสติแตก หมดสิ้นความหวัง สองมือระดมทุบผู้ชายสารเลวตรงหน้าสุดชีวิต สองตาจ้องไปทางร่างสูงหน้าประตูอย่างแค้นใจ ปากด่าทอไม่หยุด “ทำไมไม่ช่วยฉัน! ไอ้คนเลว! แกมันไอ้สวะ! ไอ้…”

ตึง!

คำด่าของฉันชะงักไปพร้อมเสียงทุบบานประตูดังลั่น เหม่อมองกำปั้นหนัก ๆ ที่เจ้าของมันเพิ่งทุบลงไปสุดแรง และก่อนจะทันได้ตั้งตัว ผู้ชายสารเลวตรงหน้าฉันปลิวหายจากสายตากระเด็นไปกระแทกผนังอีกฝั่งด้วยความรวดเร็ว

อั่ก!

ฉันกะพริบตาปริบ ๆ มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความมึนงง อาการเมาเมื่อครู่คล้ายจะสร่างไปชั่วขณะ

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? เขากำลังช่วยฉันงั้นเหรอ…

“มึง…!” ผู้ชายที่ถูกถีบกระเด็นทำท่าจะลุกขึ้นสู้ แต่พอเห็นหน้าคนถีบชัด ๆ เขาชะงักค้างทันที

“ไสหัวไปซะ” น้ำเสียงเย็นชา ไร้แววข่มขวัญ แต่กลับรู้สึกกดดันที่สุด เปล่งออกมาจากปากของร่างสูง เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ชายคนนั้นวิ่งออกไปจากที่นี่แทบจะทันที

“…” ท่ามกลางความมืดสลัว ฉันสบตากับเขาคนนั้นชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาคมกริบดุจสัตว์ป่าวาววับเต็มไปด้วยความอันตราย ใบหน้าครึ่งเสี้ยวสะท้อนแสงไฟ ฉายความหล่อเหลาอย่างร้ายกาจจนฉันแทบหยุดหายใจ

ใบหน้านี้… ฉันรู้จักดี…

สองเท้าก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ อยากจะหนีไปจากตรงนี้เลยด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าเขาคนนั้นยืนขวางประตูทางออกอยู่

แย่แล้วยัยซอ… เจอใครไม่เจอ ทำไมต้องมาเจอผู้ชายคนนี้ด้วย!

“ยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะ สายซอ”

ให้ตาย… เขายังจำฉันได้!

“ขะ ขอบคุณเฮียที่ช่วย ฉัน… ฉันขอตัวก่อน” ฉันก้มหน้างุดพยายามจะเดินเลี่ยงไปทางประตู จังหวะที่มือกำลังจะแตะบานประตูก็ถูกมือหนาขวางทางเอาไว้ ฉันกลั้นหายใจถอยหลังหนีจากระยะใกล้ชิดกะทันหันนั่น ฉันหลับตาอย่างนึกก่นด่าความชักช้าของตัวเองในใจ ถ้าไม่ติดว่าเมา ป่านนี้ฉันวิ่งหนีเขาไปแล้ว แต่นี่เมาไง แค่เดินยังจะสะดุดขาตัวเองล้มเลยเหอะ

“ฉันไม่เคยช่วยใครฟรี ๆ เธอก็น่าจะรู้” มือหนาอีกข้างทาบขนานผนังด้านหลังจนฉันขยับหนีไม่ได้ กลายเป็นว่าฉันถูกเขากักกันไว้ตรงกลางระหว่างสองแขนของเขา

รู้สิ… ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ! ผู้ชายอย่าง สิงห์คำราม ไม่เคยเสียประโยชน์ให้ใครฟรี ๆ อยู่แล้ว!

บทถัดไป